R-2R เป็นชื่อเรียก Network ที่ประกอบด้วยค่า R แค่ 2 ค่าคือ R และ Rx2 ครับ เช่น R = 1k 2R ก็คือ 2k แค่นั้นครับ Network นี้ สามารถใช้ร่วมกับ Switch ให้ Network ทำงานเป็นวงจรแบ่งแรงดันโดยมีอัตราการแบ่งแรงดันเป็นจำนวนเท่าเสมอครับ เช่น 1 -> 2, 2 -> 4 หรือ 1 -> 0.5 เป็นต้น ซึ่งการทำงานจะไปสอดคล้องกับข้อมูล PCM ซึ่งเป็นเลขฐาน 2 เช่นกันครับ จึงถูกนำมาใช้เป็น DAC ตั้งแต่ช่วงก่อน WW2 ครับ
ตั้งแต่เริ่มมี CD (1980) เครื่องเล่นกลับก็ใช้ DAC บนหลักการนี้ทั้งหมดครับ แต่จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันไปครับ จน DAC แบบ 1-bit เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา DAC แบบ Multi bit ก็ค่อยๆ หายไปจากตลาดครับDAC แบบ R-2R ก็คือที่เมื่อก่อนเราเรียก Multi-bit ครับ การทำงานคือรับข้อมูลหลายบิตเข้าไปถอดรหัสพร้อมๆ กัน แล้วแต่ว่าเป็น 16-18-20-24 Bit ครับ ส่วน DAC ที่เป็นสมัยนิยมจะเป็นพวก Single Bit หรือ 1-Bit ครับ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่เอาข้อมูล Multi-bit มาสร้างเป็น 1-Bit ก่อนแล้วค่อยส่งเข้า DAC ครับ
DAC ที่ผมทำทั้งหมดเป็นชนิด Multi-Bit ครับ ผมไม่ชอบเสียง 1-Bit มาแต่ไหนแต่ไร เลยแค่ตามศึกษาเทคโนโลยี แต่ไม่สนใจจะเอามาใช้ครับ
ส่วนที่เป็นกระแสตอนนี้ อันนี้เล่าในมุมของผมนะครับ คุณ Soekris ได้ทำวงจร R-2R แบบ Discrete ขึ้นมา โดยใช้ FPGA ควบคุมการทำงานให้เป็น DAC ครับ ราวปี 2015 หน้าตาประมาณนี้ ตอนแรกขายแต่ Board สำหรับ DIY ครับ

หลังจากนั้นหลายปี ก็เริ่มมีคน Copy และทำเป็น Product ออกมาขาย ราคาหลายหมื่นถึงเป็นแสนครับ ถ้าใช้คำว่า Multi-Bit ก็เป็นการขายของเก่า คำว่า R-2R เลยถูกนำมาใข้แทนครับ วงจร R-2R แบบนี้ มีจุดอ่อนที่ความคลาดเคลื่อนของ R และความไวต่ออุณหภูมิภายนอกครับ โดยพื้นฐานแล้วสู้ R-2R ที่เป็น Chip เมื่อ 30-40 ปีก่อนไมไ่ด้ในด้าน Accuracy และ Distortion ครับ คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ สงสัยตรงไหน สอบถามเพิ่มเติมนะครับ