HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: marky ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2009, 02:09:03 pm
-
มีโครงการอยู่ว่า อยากคำนวณ+ลากโหลดไลน์ ให้พอเข้าใจและกล้าที่จะนำไปต่อใช้งานจริงๆสักทีครับ ...
เพราะตอนนี้ลูกทุ่งเอาเองหมดแบบว่าเปลี่ยนค่า Rk ไปเรื่อยๆแล้วนั่งฟังเอา เหมือนจับจุดอะไรๆก็ไม่ถูกสักที
6DJ8 เป็นหลอดที่ผมสนใจและชอบน้ำเสียงพอสมควร อย่างตอนนี้ผมนำหลอดเบอร์นี้มาเป็นภาคไดร์ฟแบบขนานกันในแอมป์ EL84SE ...
แต่การลงรายละเอียดและจุดไบอัสต่างๆไม่แม่นเลยครับ ยังไงรบกวนแนะนำผมด้วยนะครับ Y] Y] Y]
(เพราะโครงการหน้า กะว่าจะนำเบอร์นี้มานั่งต่อเป็นปรีหลอดไว้เล่นกับแอมป์โซลิด)
-
ไปที่นี่เลยครับ http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,1436.0.html
http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,1452.0.html
เวปเพื่อนบ้านครับ :victory
-
มานั่งเรียนกับอาจารย์ฆฤณข้างๆ ผมนี่ได้เลยครับ มีอะไรสงสัยจะได้ช่วยกันคิด ;D
-
รูปนี้พอไหว... ใครพอจะแนะนำผมบ้างครับ Y]
-
6dj8 ผมใช้กราฟรูปนี้แหล่ะครับ
ยังหัดเดินเหมือนกันนะครับ
1. ดูค่า plate voltage ใน data ตรง average แล้วลากเส้นขึ้นไป ดูความเหมาะสมว่าเส้นไหนสวย จาก data กำหนดให้ plate voltage อยู่ที่ 90 V ทดลองดูก่อน สูงสุดอยู่ที่ 130 V
2. ลากเส้นทะแยงจากขวาไปซ้าย โดยเรากำหนดว่าแหล่งจ่ายไฟจะจ่ายที่กี่โวลต์ สมมุติว่า 150 V ลากตัดจุดตัดของเส้น plate voltage เมื้อกี๊ เราเลือกตัดที่จุดไปอัส -2 V
3. ทีนีสมมุติว่าแรงดันอินพุตสวิงอยู่ที่ +- 1 V ลองดูกราฟ ที่ไบอัส -1 กับ -3 นะครับ แล้วลากตัดลงมากับไปทางซ้าย
4. ทีนี้เราลองมาพิจารณาดูครับว่าระยะห่างของกราฟด้านล่างกับทางซ้ายเป็นยังไง จะเห็นว่าซีก + กับ - ไม่เท่ากัน ยังงี้ไม่สวยๆ ;D
(http://www.uppic.net/tz/6dj8_1.jpg)
-
6dj8 ผมใช้กราฟรูปนี้แหล่ะครับ
ยังหัดเดินเหมือนกันนะครับ
1. ดูค่า plate voltage ใน data ตรง average แล้วลากเส้นขึ้นไป ดูความเหมาะสมว่าเส้นไหนสวย จาก data กำหนดให้ plate voltage อยู่ที่ 90 V ทดลองดูก่อน สูงสุดอยู่ที่ 130 V
2. ลากเส้นทะแยงจากขวาไปซ้าย โดยเรากำหนดว่าแหล่งจ่ายไฟจะจ่ายที่กี่โวลต์ สมมุติว่า 150 V ลากตัดจุดตัดของเส้น plate voltage เมื้อกี๊ เราเลือกตัดที่จุดไปอัส -2 V
3. ทีนีสมมุติว่าแรงดันอินพุตสวิงอยู่ที่ +- 1 V ลองดูกราฟ ที่ไบอัส -1 กับ -3 นะครับ แล้วลากตัดลงมากับไปทางซ้าย
4. ทีนี้เราลองมาพิจารณาดูครับว่าระยะห่างของกราฟด้านล่างกับทางซ้ายเป็นยังไง จะเห็นว่าซีก + กับ - ไม่เท่ากัน ยังงี้ไม่สวยๆ ;D
ขอบคุณมากครับ ...เมื่อมันไม่เท่ากัน แล้วจะพยายามลากเส้นโหลดไลน์อย่างไรดี ปรับแบบไหนให้มันออกมาได้รูปสวยงาม สมมาตรที่สุด :D
-
ทีนี้ลองลากใหม่ เอารุปนี้ดีกว่า เท่ากันดี
(http://www.uppic.net/tg/6dj8_2.jpg)
ทีนี้พอได้กราฟแล้ว ลองหาค่า Rp กับ Rk ดูครับ
จากกราฟ
Vbb = 150 V (ซัพพลายของเรา)
Vk = 2 v ( ค่าไฟที่ตกคร่อม Rk )
Ip = 5mA ( กระแสที่ไหลผ่าน ทั้ง Rk และ Rp เท่ากัน)
Vp = 110 V (ไฟที่ขาเพลต)
ทีนี้ลองเขียนวงจรก่อนครับ
(http://www.uppic.net/ie/ecc88_1.png)
หา Rp = (Vbb - Vp)/Ip = (150-110)/0.005 = 8000 โอหม์
หา Rk = Vk / Ip = 2/0.005 = 400 โอหม์
แค่นี้แหล่ะ ผิดถูกยังไง ตรวจการบ้านด้วยครับ :D
-
6dj8 ผมใช้กราฟรูปนี้แหล่ะครับ
ยังหัดเดินเหมือนกันนะครับ
1. ดูค่า plate voltage ใน data ตรง average แล้วลากเส้นขึ้นไป ดูความเหมาะสมว่าเส้นไหนสวย จาก data กำหนดให้ plate voltage อยู่ที่ 90 V ทดลองดูก่อน สูงสุดอยู่ที่ 130 V
2. ลากเส้นทะแยงจากขวาไปซ้าย โดยเรากำหนดว่าแหล่งจ่ายไฟจะจ่ายที่กี่โวลต์ สมมุติว่า 150 V ลากตัดจุดตัดของเส้น plate voltage เมื้อกี๊ เราเลือกตัดที่จุดไปอัส -2 V
3. ทีนีสมมุติว่าแรงดันอินพุตสวิงอยู่ที่ +- 1 V ลองดูกราฟ ที่ไบอัส -1 กับ -3 นะครับ แล้วลากตัดลงมากับไปทางซ้าย
4. ทีนี้เราลองมาพิจารณาดูครับว่าระยะห่างของกราฟด้านล่างกับทางซ้ายเป็นยังไง จะเห็นว่าซีก + กับ - ไม่เท่ากัน ยังงี้ไม่สวยๆ ;D
ขอบคุณมากครับ ...เมื่อมันไม่เท่ากัน แล้วจะพยายามลากเส้นโหลดไลน์อย่างไรดี ปรับแบบไหนให้มันออกมาได้รูปสวยงาม สมมาตรที่สุด :D
อิอิ มั่วไปเรื่อยๆครับ ;D ;D ;D
-
ทีนี้ลองลากใหม่ เอารุปนี้ดีกว่า เท่ากันดี
ทีนี้พอได้กราฟแล้ว ลองหาค่า Rp กับ Rk ดูครับ
จากกราฟ
Vbb = 150 V (ซัพพลายของเรา)
Vk = 2 v ( ค่าไฟที่ตกคร่อม Rk )
Ip = 5mA ( กระแสที่ไหลผ่าน ทั้ง Rk และ Rp เท่ากัน)
Vp = 110 V (ไฟที่ขาเพลต)
ทีนี้ลองเขียนวงจรก่อนครับ
หา Rp = (Vbb - Vp)/Ip = (150-110)/0.005 = 8000 โอหม์
หา Rk = Vk / Ip = 2/0.005 = 400 โอหม์
แค่นี้แหล่ะ ผิดถูกยังไง ตรวจการบ้านด้วยครับ :D
สุดยอดเลยครับ ...ผมขอคำนวณตามแบบนี้เลย ทำได้เท่านี้ก็พอใจแล้วล่ะครับ
แต่จากรูป ผมกำลังคิดว่า ช่องระยะห่างทาง อินพุท มันดูแคบกว่าทาง เอ้าพุท ไม่ทราบเราต้องลงรายละเอียดขนาดนั้นหรือไม่ครับ
และหากผมจะนำผลที่ได้จากการคำนวณดังนี้ไปต่อให้หลอดขนานเพลท ขนานกริด ขนานคาโทดกัน กระแสหรืออุปกรณ์ต่างๆต้องเปลี่ยนไปมั้ยครับ
-
ถ้าขนาน Rp กับ Rk หาร 2 ครับ
ผมก็ยังเรียนไม่จบเหมือนกันอ่ะครับ โดดเรียนกลางคัน 2f เรียนอยู่ข้างๆบ้านครับ
แต่แค่นี้ก็สนุกมากแล้วครับ แต่ถ้าจะเอาให้ลึกซึ้ง ไปที่นี่ครับ
ไปที่นี่เลยครับ http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,1436.0.html
http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,1452.0.html
เวปเพื่อนบ้านครับ :victory
-
ถ้าขนาน Rp กับ Rk หาร 2 ครับ
โอ้ววว มิน่าล่ะ ผมฟังเสียงแบบเปลี่ยนหลอดไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จูนที่ค่า Rp,Rk เสียงมันเลยยังไม่ถูกใจเท่าที่ควร :showoff
-
ผมเห็นคุณ gai ใน thaidiyaudio เป็นประจำเลย เป็นลูกศิษย์จอมขยันคนนึงเลย มีคำถามเข้ามาถามอาจารย์ ฆฤณตลอด ผมเข้าไปศึกษาบ้างเหมือนกัน คุณ gaiกับนายป้อ ช่วยแนะนำเรื่องการลากโหลดไลน์ด้วยครับ ผมขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคน c)
-
คุณ marky เรียนจบหลักสูตรเมื่อไหร่ ทำออกมาโชวด้วยนะครับ ติดตามอยู่ครับ O0
-
ทีนี้ลองลากใหม่ เอารุปนี้ดีกว่า เท่ากันดี
(http://www.uppic.net/tg/6dj8_2.jpg)
ทีนี้พอได้กราฟแล้ว ลองหาค่า Rp กับ Rk ดูครับ
จากกราฟ
Vbb = 150 V (ซัพพลายของเรา)
Vk = 2 v ( ค่าไฟที่ตกคร่อม Rk )
Ip = 5mA ( กระแสที่ไหลผ่าน ทั้ง Rk และ Rp เท่ากัน)
Vp = 110 V (ไฟที่ขาเพลต)
ทีนี้ลองเขียนวงจรก่อนครับ
(http://www.uppic.net/ie/ecc88_1.png)
หา Rp = (Vbb - Vp)/Ip = (150-110)/0.005 = 8000 โอหม์
หา Rk = Vk / Ip = 2/0.005 = 400 โอหม์
แค่นี้แหล่ะ ผิดถูกยังไง ตรวจการบ้านด้วยครับ :D
ผมขอตรวจทานจาก อาจารย์ป้อ เลยนะครับ
ดูแล้วทุกอย่างถูกหมดยกเว้น Vk=Vg น่าจะเท่ากับ -3v ดังนั้น Rk=3/.005=600โอห์ม
-
ทีนี้ลองลากใหม่ เอารุปนี้ดีกว่า เท่ากันดี
ทีนี้พอได้กราฟแล้ว ลองหาค่า Rp กับ Rk ดูครับ
จากกราฟ
Vbb = 150 V (ซัพพลายของเรา)
Vk = 2 v ( ค่าไฟที่ตกคร่อม Rk )
Ip = 5mA ( กระแสที่ไหลผ่าน ทั้ง Rk และ Rp เท่ากัน)
Vp = 110 V (ไฟที่ขาเพลต)
ทีนี้ลองเขียนวงจรก่อนครับ
หา Rp = (Vbb - Vp)/Ip = (150-110)/0.005 = 8000 โอหม์
หา Rk = Vk / Ip = 2/0.005 = 400 โอหม์
แค่นี้แหล่ะ ผิดถูกยังไง ตรวจการบ้านด้วยครับ :D
ผมขอตรวจทานจาก อาจารย์ป้อ เลยนะครับ
ดูแล้วทุกอย่างถูกหมดยกเว้น Vk=Vg น่าจะเท่ากับ -3v ดังนั้น Rk=3/.005=600โอห์ม
ผม อ่านหนังสือ แล้วก็ลองคำนวน เป็นแบบ srpp ดู ก็ง่ายดีเหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้จะมาคุย ดูว่าเป็นยังไง ครับ :whistling
-
ผมลองลากจากวงจรที่คิดว่าจะปรับปรุงต่อไปดูครับ ไม่ทราบว่าผิดถูกตรงไหน รบกวนแนะนำกันด้วยนะครับ
...จากเส้นโหลดไลน์ จะได้ค่าต่างๆดังนี้ ...ไม่รู้ว่าการไม่สมมาตรทางด้านอินพุท-เอ้าพุท มันจะทำให้การไบอัสไม่เหมาะสมหรือเปล่าครับ
Vcc=190v
Vk=Vg=3v
Ia=Ip=5mA
Vp=110v
ดังนั้น หาค่า
Rp=(Vcc-Vp)/Ip
=(190-110)/0.005
= 16k
Rk=Vk/Ip
=3/0.005
=600
***อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ว่าหากผมจะนำหลอด 6DJ8 ขนานเพลท ขนานกริด ขนานคาโทด
แล้วค่า Rp จะต้องเท่ากับ 16k/2=8k
ส่วน Rk จะต้องเท่ากับ 600/2=300
-
ค่า RP(R ที่ต่อกับ เพลต) เท่าทีเห็นส่วน ใหญ่ค่าค่อนข้างน้อย V swing/อัตราขยายทั้งบวก และลบ คำนวณ ให้ดูหน่อยครับ ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับที่นำเสนอเรื่องการลากโหลดไลน์ ผมว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่ยังลากโหลดไลน์เป็น คนที่เป็นแล้ววก็จะได้ทบทวนความรู้ไปด้วย แล้วก็ช่วยสอนคนที่ยังทำไม่เป็น แล้วกันตรวจสอบคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่ ผมว่าเราน่าจะตั้งเป็นหัวข้อหลัก ทุกท่านเห็นเป็นเช่นไร
-
ถ้าจะขนานเพลท ตำแหน่ง Rk เดิมใช้ 600 เราก็ใช้ตามเดิมแต่เราแยกกันต่อลงกราวด์ก็ได้นะครับ
เขาว่า Vp 90 กำลังดีไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน (หรือแล้วแต่ความชอบกันนะ) คุณ marky คงติดอกติดใจ 6DJ8 เข้าให้แล้วล่ะซิครับ :)
-
ค่า RP(R ที่ต่อกับเพลต) เท่าทีเห็น ส่วนใหญ่ค่าค่อนข้างน้อย V swing/อัตราขยายทั้งบวกและลบ คำนวณให้ดูหน่อยครับ
...ในทางปฏิบัติ กระแส Ip จะเปลี่ยนไป แต่ Rp จะเท่าเดิม
ดังนั้นหาก Ip = 6.5mA
เราจะได้ Vตกคร่อม Rp = 6.5mA+16k = 104v ...(Vp= 190-104 =86v)
หาก Ip = 3.5mA
เราจะได้ Vตกคร่อม Rp = 3.5mA+16k = 56v ...(Vp= 190-56 =134)
เป็นไปตามค่าจากโหลดไลน์ Vp(min) , Vp(max) ... ผมคำนวณถูกต้องมั้ยครับเนี้ย รบกวนตรวจการบ้านหน่อยนะครับ
-
ถ้าจะขนานเพลท ตำแหน่ง Rk เดิมใช้ 600 เราก็ใช้ตามเดิมแต่เราแยกกันต่อลงกราวด์ก็ได้นะครับ
เขาว่า Vp 90 กำลังดีไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน (หรือแล้วแต่ความชอบกันนะ) คุณ marky คงติดอกติดใจ 6DJ8 เข้าให้แล้วล่ะซิครับ :)
ใช่แล้วครับ ผมว่าเสียงมันถูกใจผมทีเดียว :headphone
หากวงจรที่ผมใช้แบบนี้
ค่า Rp ? Rk ?
-
เส้น Load Line เส้นเดิม Rp ก็ค่าเดิมครับ
ต้องการ Vp 90v.ก็ลากเส้นตั้งไปชนเส้น Load Line
ได้ Ip Vg เท่าไร ก็คำนวณออกมาครับ
-
ตกลงว่าการขนานหลอด Rp,Rk/2 ใช่มั้ยครับ
-
ดูแล้วทุกอย่างถูกหมดยกเว้น Vk=Vg น่าจะเท่ากับ -3v ดังนั้น Rk=3/.005=600โอห์ม
เริ่มต้นก็ผิดซะแหล่ววว K] 2f จะจบหลักสูตรไหมเนี่ยผม 2f
-
แล้วขนานหลอด สรุปว่าค่า Rp/2 , Rk/2 ????? :D :D
-
ขนานหลอด Rp/2 Rk/2
หรือ ขนานทั้ง Rp Rk หรือขนาน Rp แต่ Rkแยกหลอดเหมือนเดิม
หากใช้ Ckด้วย ขนานหลอดแบบ Rk/2 หรือ ขนานRk ใช้ Ck*2 ครับ
-
ขนานหลอด Rp/2 Rk/2
หรือ ขนานทั้ง Rp Rk หรือขนาน Rp แต่ Rkแยกหลอดเหมือนเดิม
หากใช้ Ckด้วย ขนานหลอดแบบ Rk/2 หรือ ขนานRk ใช้ Ck*2 ครับ
ผมคิดว่า ผมจะต่อวงจรแบบนี้ครับ
ขนานหลอด ใช้ Rp ตัวเดียว ...แต่ค่าจากการคำนวณต้องหาร 2 ?
ขนานหลอด ใช้ Rk ตัวเดียว + มี Ck คร่อมด้วย ...แต่ค่าจากการคำนวณต้องหาร 2 ?
-
Rk หาร 2 Ck คูณ 2 ครับ
(Rp หาร 2 ถูกแล้วครับ)
-
Rk หาร 2 Ck คูณ 2 ครับ
(Rp หาร 2 ถูกแล้วครับ)
:clap c) :clap ขอบคุณมากครับพี่ คราวนี้จะได้ไปปรับจูนเสียงภาคไดร์ฟต่อ เอาแจ๋วๆเลย :headphone
-
งั้นหากเราลาก loadline และคำนวณค่า Rp,Rk เรียบร้อยแล้ว จากวงจรสเตจเดียว แล้วพอผมจะนำมาขนานหลอดกัน ค่าที่ได้ต้องนำมาหาร 2 อีกที
...และเรื่องกระแสที่ไหลผ่านภาคไดร์ฟจะต้องทวีเป็นเท่าตัว เช่นจากจุดไบอัสผมใช้ 5mA ดังนั้นเมื่อเล่นแบบขนานหลอด กระแสก็จะเท่ากับ 10mA
ถูกต้องมั้ยครับ :)
-
ผมหลงทางอยู่นานเลย ขนานหลอด แต่ไม่ได้ลดค่า R ผมชอบมากกว่าการจัดวงจร แบบอื่นเสียอีก แต่น่า เสียดายหลอดไม่แมทช์ เสียงที่ได้รู้สึกว่ากว้างดี ตอนนี้ R ลดลงเหลือครึ่งนึง กระ แสก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ละซีกของหลอดจะ แบ่งกระแสเท่าๆ กัน :headphone
-
งั้นหากเราลาก loadline และคำนวณค่า Rp,Rk เรียบร้อยแล้ว จากวงจรสเตจเดียว แล้วพอผมจะนำมาขนานหลอดกัน ค่าที่ได้ต้องนำมาหาร 2 อีกที
...และเรื่องกระแสที่ไหลผ่านภาคไดร์ฟจะต้องทวีเป็นเท่าตัว เช่นจากจุดไบอัสผมใช้ 5mA ดังนั้นเมื่อเล่นแบบขนานหลอด กระแสก็จะเท่ากับ 10mA
ถูกต้องมั้ยครับ :)
ครับ กระแสรวมได้ 10ma.
หลอดที่ขนานกัน matchกันถืงจะดีครับ กระแสของ 2 หลอดจะได้ไหลเท่าๆกันครับ
-
ผมหลงทางอยู่นานเลย ขนานหลอด แต่ไม่ได้ลดค่า R ผมชอบมากกว่าการจัดวงจร แบบอื่นเสียอีก แต่น่า เสียดายหลอดไม่แมทช์ เสียงที่ได้รู้สึกว่ากว้างดี ตอนนี้ R ลดลงเหลือครึ่งนึง กระ แสก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ละซีกของหลอดจะ แบ่งกระแสเท่าๆ กัน :headphone
ผมคนนึงที่เดินแนวทางขนานหลอด (...อันนี้ต้องยอมรับในความเซียนของ อ.มด เลยครับ) O0
อย่างที่ว่าแหละครับ เสียงมันดูมีมิติมากขึ้น + กับความนิ่งของน้ำเสียงอย่างรู้สึกได้ :headphone
งั้นหากเราลาก loadline และคำนวณค่า Rp,Rk เรียบร้อยแล้ว จากวงจรสเตจเดียว แล้วพอผมจะนำมาขนานหลอดกัน ค่าที่ได้ต้องนำมาหาร 2 อีกที
...และเรื่องกระแสที่ไหลผ่านภาคไดร์ฟจะต้องทวีเป็นเท่าตัว เช่นจากจุดไบอัสผมใช้ 5mA ดังนั้นเมื่อเล่นแบบขนานหลอด กระแสก็จะเท่ากับ 10mA
ถูกต้องมั้ยครับ :)
ครับ กระแสรวมได้ 10ma.
หลอดที่ขนานกัน matchกันถืงจะดีครับ กระแสของ 2 หลอดจะได้ไหลเท่าๆกันครับ
หลอดที่ได้มาก็พยายามหาจากพี่ๆเพื่อนๆปล่อย+วัดค่ามาให้แบบแจ๋วๆแมทๆ ...แต่เท่าที่ได้ยินมาว่าการขนานหลอดจะช่วยชดเชยเรื่อง ไตรโอด ซ้าย-ขวาไม่เท่ากันได้ :)
-
ดูแล้วทุกอย่างถูกหมดยกเว้น Vk=Vg น่าจะเท่ากับ -3v ดังนั้น Rk=3/.005=600โอห์ม
เริ่มต้นก็ผิดซะแหล่ววว K] 2f จะจบหลักสูตรไหมเนี่ยผม 2f
อาจารย์ ป้อ มีอะไรมาแนะนำ เด็กหัดใหม่อย่างผมอีกมั้ยครับ เช่นเทคนิคการคำนวณค่าต่างๆอีก :victory
ถึงตอนนี้ผมพอจะจับแนวทางได้บ้างแล้วครับ เล่นปรับจูนให้ถูกวิธีกับการเลือกจุดไบอัสให้วงจรได้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านๆมาผมจะมั่วเปลี่ยนค่าไปเรื่อย
จนทำให้กระแสที่ใช้มันน้อยไปอย่างมากมาย คำนวณออกมาแค่ 1.5mA ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุย ถามตอบกันมา โดยส่วนใหญ่จะเลือกใช้ที่ 5mA ...
แต่แอมป์ที่บ้านก็ยังร้องเพลงได้ดีขนาดนั้น แสดงว่า EL84 SE ตัวนี้ที่ผมชื่นชอบยังมีอะไรๆให้แสดง รีดพลังออกมาอีกมากโขทีเดียว :showoff :showoff :showoff
-
ลองมาหลายแบบ รื้อ แท่นบ่อยมาก ตะกั่วหมด ไปหลายแล้ว เสียงก็แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ถูกใจ เท่ากับการขนานหลอดครับ O0
-
จริงๆแล้ว การขนานหลอดเพื่อไปขับ Load ที่มี in put impedance ต่ำกว่าเดิมได้ 2 เท่า ครับ
กรณีย์ in put impedance เท่าเดิม ก็จะมีเกนขยายเพิ่มนิดหน่อย ครับ
-
อาจารย์ ป้อ มีอะไรมาแนะนำ เด็กหัดใหม่อย่างผมอีกมั้ยครับ เช่นเทคนิคการคำนวณค่าต่างๆอีก
อย่าเรียกผมยังงั้นเลยครับ ผมก็หัดเดินก่อนคุณ Marky แป๊บเดียวอ่ะ
สำหรับปรีผมว่าไบอัสยังไงก็ได้ไม่ให้เกิน plate dissipation เช่นหลอด 6dj8 มีค่า plate dissipation สูงสุดอยู่ที่ 1.8 W ทีนี้เรามาดูตรงจุดทำงาน วงจรตะกี๊ เอา Vp x Ip = 110 x 0.005 = 0.55 W ไม่พังแน่นอน ครับ
-
ช่วยคำนวณหาอัตราการขยายทั้งบวกและลบด้วยครับ ได้เท่าไหร่ ใกล้เคียงกันแค่ไหน
-
อาจารย์ ป้อ มีอะไรมาแนะนำ เด็กหัดใหม่อย่างผมอีกมั้ยครับ เช่นเทคนิคการคำนวณค่าต่างๆอีก
อย่าเรียกผมยังงั้นเลยครับ ผมก็หัดเดินก่อนคุณ Marky แป๊บเดียวอ่ะ
สำหรับปรีผมว่าไบอัสยังไงก็ได้ไม่ให้เกิน plate dissipation เช่นหลอด 6dj8 มีค่า plate dissipation สูงสุดอยู่ที่ 1.8 W ทีนี้เรามาดูตรงจุดทำงาน วงจรตะกี๊ เอา Vp x Ip = 110 x 0.005 = 0.55 W ไม่พังแน่นอน ครับ
ทีแรกผมก็พยายามเซทจุดไบอัสที่ไฟ 90v แต่ลากอย่างไรก็ไม่สวย เลยต้องขยับมาใช้ตามคุณป้อ ทำให้ได้สมมาตรมากกว่าเดิม
ก็ว่าจะลองดูก่อนว่า น้ำเสียงที่ 110v,5ma จะถูกใจผมแค่ไหน ...(เพราะที่ใช้ฟังอยู่ มั่วกระแสและไฟต่างๆมากเลย :black_eye)
แต่ที่คิดไว้ตอนนี้ผมว่า gain จะมากขึ้นผิดหูผิดตาแน่ๆ :kicking
-
ผมลอง srpp อะพี่ หลอดบน 180 หลอดล่าง 90 พอดี แบ่งครึ่ง แล้ว ลากเส้น ขึ้นไป จาก จุด90อะ มันชน ที่ -2
ลากไปทางซ้าย ชนเท่าไหร่ จำไ่ม่ได้แฮะ ดูแล้ว มันสมมาตร พอทนไม่เนี้ยบ ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้ว ก็ เอา
2/ กระแสทางซ้าย ก็จะเท่ากับ = r รีจีสเตอร์ อธิบายง่ายไปป่าวหนอ ตอนนี้ก็ยังฟังอยุ่ ยังไงก็ไม่ขลิบ เร่งมันส์อีกตะหาก
เสียงแหลม กรุ้งกริ้ง ตามสไตล์ เลยอะครับ :headphone
-
ช่วยคำนวณหาอัตราการขยายทั้งบวกและลบด้วยครับ ได้เท่าไหร่ ใกล้เคียงกันแค่ไหน
จากรูปที่ผมเลือกจุดไบอัสนะครับที่ 110v ,5mA ,grid -3v
หากที่ grid เปลี่ยนไปจาก -3 >>> -2 ซึ่งเท่ากับว่า เปลี่ยนไป 1v ทำให้ Vp เปลี่ยนไป 25v ...(110-85=25)
ดังนั้นอัตราขยายซีกนี้จะเท่ากับ 25
หากที่ grid เปลี่ยนไปจาก -3 >>> -4 ซึ่งเท่ากับว่า เปลี่ยนไป 1v ทำให้ Vp เปลี่ยนไป 25v ...(135-110=25)
ดังนั้นอัตราขยายซีกนี้จะเท่ากับ 25
ซึ่งน่าจะใช้ได้ทีเดียว สมมาตรกันทั้งสองซีกครับ :showoff
-
ผมลอง srpp อะพี่ หลอดบน 180 หลอดล่าง 90 พอดี แบ่งครึ่ง แล้ว ลากเส้น ขึ้นไป จาก จุด90อะ มันชน ที่ -2
ลากไปทางซ้าย ชนเท่าไหร่ จำไ่ม่ได้แฮะ ดูแล้ว มันสมมาตร พอทนไม่เนี้ยบ ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้ว ก็ เอา
2/ กระแสทางซ้าย ก็จะเท่ากับ = r รีจีสเตอร์ อธิบายง่ายไปป่าวหนอ ตอนนี้ก็ยังฟังอยุ่ ยังไงก็ไม่ขลิบ เร่งมันส์อีกตะหาก
เสียงแหลม กรุ้งกริ้ง ตามสไตล์ เลยอะครับ :headphone
ฟังดูเหมือนง่ายๆครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าวงจร SRPP จำเป็นต้องมีวิธีการออกแบบเฉพาะของมันมากกว่านี้หรือเปล่า ???
-
ขอบคุณมากเลยครับ ตอนนี้นั่งอยู่หน้าจอรอคำตอบครับ กำลังนั่งคำนวณ loadline ของ 6dj8 อยู่ครับ
-
อ่านหลายๆรอบ เริ่มเข้าใจมากขึ้น ก่อนหน้านี้คำนวณไม่ค่อยเป็น 6dj8 คล่องเมื่อไหร่ คิวต่อไปเป็น 6sn7 ที่ใช้งานอยู่ คงต้องมานั่งคำนวณอีกรอบ :headphone
-
อ่านหลายๆรอบ เริ่มเข้าใจมากขึ้น ก่อนหน้านี้คำนวณไม่ค่อยเป็น 6dj8 คล่องเมื่อไหร่ คิวต่อไปเป็น 6sn7 ที่ใช้งานอยู่ คงต้องมานั่งคำนวณอีกรอบ :headphone
ทีแรกผมก็ทำแอมป์มาแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปรับจูนนิ่งตาม loadline เพื่อดูความเหมาะสมเรื่องจุดไบอัส ...
จนมาสร้าง EL84 SE แล้วถูกใจน้ำเสียงและหลายๆอย่าง ลงตัวที่ความพอดีทางงบประมาณด้วยครับ ...
แล้ววันนึงอยากปรับเปลี่ยนไบอัสสักหน่อย แต่ไม่มีความรู้อะไรเลย นอกจากมั่วเปลี่ยนค่า R ต่างๆไปเรื่อย แต่ไม่ถูกทางสักที ...
พอหาความรู้อ่านพอเข้าใจมากขึ้น หาคนที่ชี้แนะเป็นแนวทางเริ่มต้นได้ ก็ทำให้เราเห็นความกระจ่างสักที...
...ดูซิครับ ผมยังนั่งฟังแอมป์ที่รันจุดไบอัสไม่ปกติ ไม่เหมาะสมไปได้ตั้งนาน แต่แนวเสียงดี ..แล้ววันนี้ผมเริ่มเรียนรู้กับการจูนนิ่ง เซทจุดไบอัสทำงานให้มันใหม่
เสียงที่ได้คงออกมาดีมากขึ้นเป็นแน่
...ต่อๆไป ผมก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาฟังอยู่อย่างเดียวว่าต้องปรับไรมันดีน้อ
...คำนวณสเตจเดียวนี่ล่ะ เพียงพอสำหรับเราๆนำไปใช้งานแล้วครับ + ของแถมว่าเราจะสนุกกับงาน DIY ได้อีกนานไม่มีเบื่อ c) c) c) :headphone :headphone :headphone
-
ก็น่าจะดีขึ้นนะครับ เพราะกำลังเดินไปในจุดที่เหมาะของตัวหลอดและน่าจะทำให้เราพอใจในน้ำเสียงมากยิ่งขึ้น :headphone
-
เอามาฝากครับ การออกแบบ driver
http://vt52.com/diy/tips/tips_drivers.htm
-
ค่า U = 40v คืออะไรครับพี่ หรือว่าเป็น Vbias ให้หลอดเพาเวอร์
-
ปรีหลอดเดียวแค่นี้ก็มีให้เล่นไม่รู้จบแล้วครับ :yahoo
-
ค่า U = 40v คืออะไรครับพี่ หรือว่าเป็น Vbias ให้หลอดเพาเวอร์
U is the voltage swing on the grid of the power tube
ก็ Vp สวิงของหลอดไดรฟ์ ไปขับ กริดของหลอดเพาเวอร์ที่ bias -40v.ครับ
-
ผมเห็นคุณ gai ใน thaidiyaudio เป็นประจำเลย เป็นลูกศิษย์จอมขยันคนนึงเลย มีคำถามเข้ามาถามอาจารย์ ฆฤณตลอด ผมเข้าไปศึกษาบ้างเหมือนกัน คุณ gaiกับนายป้อ ช่วยแนะนำเรื่องการลากโหลดไลน์ด้วยครับ ผมขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคน c)
ผมเองก็เรียนไม่จบเหมือนกันครับ ในตอนแรกขยันเพราะมีเวลาว่างเยอะ และขื้สงสัย คงจะแนะนำใครได้ไม่ดีครับ แต่ก็จะพยายามช่วยครับ นี่ได้อ่าน link ของคูณ katuwu ก็ได้อะไรเพิ่มขึ้นพอสมควรครับ
ในความเห็นของผม เราลาก loadline (static bias) เพื่อกำหนดการทำงานของหลอด การจะเลือก loadline ก็ต้องดูว่าเราต้องการอัตราการขยายเท่าไร เพื่อให้หลอด power ทำงานได้เต็มกำลัง (ตาม link ของคุณ katuwu) การขนานหลอดจะทำให้หลอดมีอัตราการขยายเพิ่มขึ้น เมื่อขนานหลอดกระแสจะมากขึ้น ตามสูตรก็ต้องลด Rp ลงครึ่งนึง (ผมเรียนถามอาจารย์ฆฤณ อาจารย์ได้ตอบมาในกระทู้ถามตอบ แต่ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลมากนัก ใครสนใจลองอ่านดูแล้วมาช่วยอธิบายต่อด้วยครับ) ส่วน Rk ผมไม่ได้ถามแต่ว่าตามหลัก ถ้ากระแสเพิ่มแล้วเราไม่ลด Rk ลง volt bias ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตร V=IR ทำให้ loadline เราเปลี่ยนอีก ตามที่คุณธีรพัชร์ TJAM ได้แนะนำครับ
แต่ทั้งหมด ยังไม่มีใครพูดถึง dynamic loadline ซึ่งผมกำลังอ่านศึกษาอยู่ ผมเข้าใจว่า dynamic loadline เป็นตัวกำหนดเสียง ส่วน static loadline เป็นการกำหนดกำลังขยายของวงจร (ถ้าผมเข้าใจผิด ช่วยกรุณาแก้ไขและอธิบายให้ด้วยนะครับ) dynamic loadline หาได้จาก Rp//Rg (ของหลอดpower) ครับ ตามสูตรก็จะได้ 1/Rl=1/Rp+1/Rg ครับ เช่นเราใช้ Rp 100K Rg (ของหลอด power) 500K เราจะได้ Rl (dynamic) = 1/(1/100K+1/500K) = 83.33K ครับ
-
การขนานหลอดไม่ได้ทำให้อัตราขยายเพิ่มขึ้นนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้คือ Rp ลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะว่าถ้ามองหลอดเหมือนกับ R ตัวหนึ่ง ซึ่งมีค่าเท่ากับ Rp ของหลอด พอเอาหลอดมาขนานกัน จะทำให้ค่า R รวมลดลงครึ่งหนึ่ง
วิธีพิสูจน์อีกทางหนึ่งคือลองเอา plate curve มาบวกกันครับ อย่างรูป 6DJ8 นี้ก็ได้ครับ จะพบกว่า grid line ชันขึ้นเป็นเท่าตัว ซึงหมายถึง Rp ลดลงครึ่งหนึ่ง สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ transconductance และจากสูตรที่ว่า Gain หรือ mu = Gm x Rp ก็จะพบว่าผลลัพธ์ยังได้เท่าเดิมอยู่
แต่การที่ Rp ลดลง ถ้าเราใช้ RL เท่าเดิม จะทำให้ gain ของวงจรเพิ่มขึ้นได้
สมมติว่า Rp = 1K และใช้ RL = 5K , u = 10
สูตร Gain = uRL / (Rp + RL)
ถ้า Rp = 1K จะได้ gain เท่ากับ 8.3
ถ้า Rp ขนานกัน คือ 0.5K จะได้ gain เท่ากับ 9.1
แต่ถ้า RL ก็ลดลงด้วย จะได้ gain เท่ากับกรณีแรกคือ 8.3 ครับ
-
ขอนุญาตขยายความตรงนี้นิดหน่อยครับ(กรณีย์ in put impedance เท่าเดิม ก็จะมีเกนขยายเพิ่มนิดหน่อย)
ความเป็นจริง Load ของหลอดไดรฟ์ ไม่ใช่มีเพียง Rp เท่านั้นแต่ยังมี Rg ของหลอด out putด้วย
Load ของหลอดไดรฟ์ = Rp//Rg
ถ้าหลอดเดี่ยว Rp 22k. Rg 100k. 22k//100k = 18.03k
ขนานหลอด Rp เหลือ 11k.Rg 100k. 11k//100k =9.909k.
หากคำนวณจากสูตร ....
http://www.triodeel.com/gaincalc.htm
เกนขยายแบบขนานหลอดจะมากกว่านิดนึง ครับ
-
การขนานหลอดไม่ได้ทำให้อัตราขยายเพิ่มขึ้นนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้คือ Rp ลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะว่าถ้ามองหลอดเหมือนกับ R ตัวหนึ่ง ซึ่งมีค่าเท่ากับ Rp ของหลอด พอเอาหลอดมาขนานกัน จะทำให้ค่า R รวมลดลงครึ่งหนึ่ง
วิธีพิสูจน์อีกทางหนึ่งคือลองเอา plate curve มาบวกกันครับ อย่างรูป 6DJ8 นี้ก็ได้ครับ จะพบกว่า grid line ชันขึ้นเป็นเท่าตัว ซึงหมายถึง Rp ลดลงครึ่งหนึ่ง สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ transconductance และจากสูตรที่ว่า Gain หรือ mu = Gm x Rp ก็จะพบว่าผลลัพธ์ยังได้เท่าเดิมอยู่
แต่การที่ Rp ลดลง ถ้าเราใช้ RL เท่าเดิม จะทำให้ gain ของวงจรเพิ่มขึ้นได้
สมมติว่า Rp = 1K และใช้ RL = 5K , u = 10
สูตร Gain = uRL / (Rp + RL)
ถ้า Rp = 1K จะได้ gain เท่ากับ 8.3
ถ้า Rp ขนานกัน คือ 0.5K จะได้ gain เท่ากับ 9.1
แต่ถ้า RL ก็ลดลงด้วย จะได้ gain เท่ากับกรณีแรกคือ 8.3 ครับ
c) เย้ อาจารย์มาแล้ว ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยอธิบายเพิ่ม
-
อาจารย์มาเองเลย ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกแล้วครับท่าน
-
ถ้าอย่างนั้น ผมจะขนานหลอด แล้วให้ RL/2 และ RK/2 ก็น่าจะไม่ทำให้เกนเปลี่ยนไปมาก แต่เรื่องกระแสจะเพิ่มเป็นเท่านึง และเพื่อไม่ทำให้ voltage bias ผิดปกติไป :showoff
-
จากที่พี่ธีรพัชร์อธิบายผมอ่านแล้ว ค่อนข้างเข้าใจ แต่สรุปแล้วอัตราขยายเพิ่มหรือไม่เพิ่มกันแน่ วานอาจารย์ฆฤณเข้ามาชี้แจงอีกครั้งครับ ความเข้าใจจะได้ไปในทิศทางเดียวกันครับ :headphone
-
ในกรณีที่เอา R grid ของภาคถัดไปมาคิดด้วย RL ของสูตร Gain = uRL / (Rp + RL) ครับ
ยกตัวอย่างเดิม Rp = 1K และใช้ RL = 5K , u = 10 และ R grid ของภาคถัดไปคือ 100K
ถ้าเป็นหลอดเดียว Gain = 10 x (5K//100K) / (1K + (5K//100K)) = 10 x 4.76K / (1K + 4.76K) = 8.26
ถ้าขนานหลอด และ RL 5K จะได้ Gain = 10 x (5K//100K) / (0.5K + (5K//100K)) = 10 x 4.76K / (0.5K + 4.76K) = 9.04
ขนานหลอด และ RL ลดครึ่งหนึ่ง จะได้ Gain = 10 x (2.5K//100K) / (0.5K + (2.5K//100K)) = 8.29
-
ขอบคุณอาจารย์มากเลยครับ ที่อุตส่าห์เข้ามาตอบ แต่เช้าเลย c)
-
มาเข้าห้องเรียนครับ O0
-
สนใจอย่างมาเลยคับ จะได้เรื่องก็งานเนี๊ย
ผมก็มีปัญหามั่ว ขนานหลอด 6n6p อยู่เหมือนกันคับ
ได้กระทู้พี่ marky นี่หล่ะ เป็นแนวทาง :D :D :D
-
สนใจอย่างมาเลยคับ จะได้เรื่องก็งานเนี๊ย
ผมก็มีปัญหามั่ว ขนานหลอด 6n6p อยู่เหมือนกันคับ
ได้กระทู้พี่ marky นี่หล่ะ เป็นแนวทาง :D :D :D
c) c) c) คิดๆไปแล้ว เมื่อเราเข้าใจ อะไรๆมันก็ดูง่ายขึ้นเนาะ ...
จากเมื่อก่อนผมก็ไม่แน่ใจอะไรเลยว่าต้องปรับอะไรลงไปบ้าง แต่มาวันนี้เหมือนเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น เข้าใจว่าตรงไหนที่เราพลาดไป หรือมั่วมาตลอด :headphone
-
ตอนนี้อาจารย์คงไม่สะดวก ผมว่า เราเรียนกันเองดีกว่า ผิดบ้างถูกบ้าง เดี๋ยวผู้รู้คง เข้ามาช่วยเสริม เริ่มกันเลยดีกว่า
การกำหนดจุดทำงานบนเส้นโหลดไลน์ ให้เลือกที่จุดกึ่งกลางของ เส้นโหลดไลน์ มีหลายท่านบอกว่า(ท่าน ไหนไม่รู้) แต่ที่สับสนคือ กึ่งกลางที่ว่านี้ เราอ้างอิง จากเส้นโหลดไลน์ โดย เริ่มจาก แกน X (แรงดัน) ไปสุดที่แกน Y (กระ แส) ใช่หรือไม่ หรือจากแกน X( แรงดัน) ไปสุดที่เส้น Vbias=0 ครับ งงหรือเปล่ากับคำถาม :whistling
-
ตอนนี้อาจารย์คงไม่สะดวก ผมว่า เราเรียนกันเองดีกว่า ผิดบ้างถูกบ้าง เดี๋ยวผู้รู้คง เข้ามาช่วยเสริม เริ่มกันเลยดีกว่า
การกำหนดจุดทำงานบนเส้นโหลดไลน์ ให้เลือกที่จุดกึ่งกลางของ เส้นโหลดไลน์ มีหลายท่านบอกว่า(ท่าน ไหนไม่รู้) แต่ที่สับสนคือ กึ่งกลางที่ว่านี้ เราอ้างอิง จากเส้นโหลดไลน์ โดย เริ่มจาก แกน X (แรงดัน) ไปสุดที่แกน Y (กระ แส) ใช่หรือไม่ หรือจากแกน X( แรงดัน) ไปสุดที่เส้น Vbias=0 ครับ งงหรือเปล่ากับคำถาม :whistling
ว่ากันยังงั้นเลยเหรอครับ ผมว่าไปทบทวนบทเรียนของอาจารย์ แล้วมาช่วยกัน มีอะไรผิดพลาดก็รบกวนอาจารย์อีกทีก็ไม่เลวครับ
ตามที่ได้เคยสงสัย และมีคุณ alexidiy แนะนำว่า ให้เริ่มจากดูจาก plate dissipation และ max current ของหลอดก่อนครับ ตามนี้ครับ
ผมเคยอ่านบทความใน tubecad มีคำแนะนำในการเลือกจุด bias ที่เข้าท่าดีครับ คือเขาแนะนำว่าในกรณีที่เราใช้ class A ให้เริ่มจากเลือก plate voltage ก่อนโดยกำหนดที่ประมาณ 80-90 % ของ max plate voltage เช่น max Vp = 400V เราก็เลือก Vp ที่จะใช้ที่ 400 x .9 = 360V ส่วนกระแส ก็ คิดจากประมาณ 75 % ของ max plate dissipation ( แต่ผมซัดซะ 80-90 % ทุกที ) สมมติ 30W เราก็ set bias ที่ 30 x .75 = 22.5W เราก็ใช้กระแสที่ 22.5 w/ 360v = .0625A หรือ 62.5mA นั่นเอง เราก็จะได้จุด bias ไป plot ที่กราฟ loadline ที่ 360V 62.5mA หรือตรงตำแหน่งใกล้เคียงที่อยู่บนเส้น loadline แถวๆนั้นพอดี แล้วเราก็ดู plate resistance กับ voltage swing ณ.จุดนี้ ดูว่าควรใช้ load resistance เท่าไร voltage swing balance ดีไหม ตามบทความที่คุณฆฤณ เขียนเรื่องการคำนวนไว้ครับ โดยจุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการหาจุด bias ที่เหมาะสมและหลอดทำงานได้อย่างปลอดภัยครับ
-
ตอนนี้อาจารย์คงไม่สะดวก ผมว่า เราเรียนกันเองดีกว่า ผิดบ้างถูกบ้าง เดี๋ยวผู้รู้คง เข้ามาช่วยเสริม เริ่มกันเลยดีกว่า
การกำหนดจุดทำงานบนเส้นโหลดไลน์ ให้เลือกที่จุดกึ่งกลางของ เส้นโหลดไลน์ มีหลายท่านบอกว่า(ท่าน ไหนไม่รู้) แต่ที่สับสนคือ กึ่งกลางที่ว่านี้ เราอ้างอิง จากเส้นโหลดไลน์ โดย เริ่มจาก แกน X (แรงดัน) ไปสุดที่แกน Y (กระ แส) ใช่หรือไม่ หรือจากแกน X( แรงดัน) ไปสุดที่เส้น Vbias=0 ครับ งงหรือเปล่ากับคำถาม :whistling
ว่ากันยังงั้นเลยเหรอครับ ผมว่าไปทบทวนบทเรียนของอาจารย์ แล้วมาช่วยกัน มีอะไรผิดพลาดก็รบกวนอาจารย์อีกทีก็ไม่เลวครับ
ตามที่ได้เคยสงสัย และมีคุณ alexidiy แนะนำว่า ให้เริ่มจากดูจาก plate dissipation และ max current ของหลอดก่อนครับ ตามนี้ครับ
ผมเคยอ่านบทความใน tubecad มีคำแนะนำในการเลือกจุด bias ที่เข้าท่าดีครับ คือเขาแนะนำว่าในกรณีที่เราใช้ class A ให้เริ่มจากเลือก plate voltage ก่อนโดยกำหนดที่ประมาณ 80-90 % ของ max plate voltage เช่น max Vp = 400V เราก็เลือก Vp ที่จะใช้ที่ 400 x .9 = 360V ส่วนกระแส ก็ คิดจากประมาณ 75 % ของ max plate dissipation ( แต่ผมซัดซะ 80-90 % ทุกที ) สมมติ 30W เราก็ set bias ที่ 30 x .75 = 22.5W เราก็ใช้กระแสที่ 22.5 w/ 360v = .0625A หรือ 62.5mA นั่นเอง เราก็จะได้จุด bias ไป plot ที่กราฟ loadline ที่ 360V 62.5mA หรือตรงตำแหน่งใกล้เคียงที่อยู่บนเส้น loadline แถวๆนั้นพอดี แล้วเราก็ดู plate resistance กับ voltage swing ณ.จุดนี้ ดูว่าควรใช้ load resistance เท่าไร voltage swing balance ดีไหม ตามบทความที่คุณฆฤณ เขียนเรื่องการคำนวนไว้ครับ โดยจุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการหาจุด bias ที่เหมาะสมและหลอดทำงานได้อย่างปลอดภัยครับ
ขอเสริมครับ การสอนของ อ. ฆฤณ เข้าใจง่ายดีครับ
และการออกแบบ Amp. เริ่มจาก Load resistance หลอด out put ให้ได้จุดทำงานที่เหมาะสม
มีการขยายสัญญาน ซีกซ้ายและขวา ใกล้เคียงกันมากที่สุด
อย่าให้เกินplate dissipation เพราะหลอดจะเสียเร็วหากน้อยไป จะได้กำลังน้อยกว่าที่ควร
ซึง ดาตาหลอดส่วนใหญ่จะแนะนำไว้ครับ
แล้วค่อยหลอดไดรฟ์ มาออกแบบให้สอดรับกับหลอด out put ครับ
-
กระทู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ เคยอ่านหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยลองเองสักที ลอกเขาตลอด :'( :'(
-
เลือก vp 80-90% ของ Vpmax เลือกกระแส 75% ของ plate diss สมมติหลอด 12au7 Vpmax=330 85% ของVmax=(330*0.8)=264v กระแส 75% ของ plate diss =2.75*0.75=2.06w ดังนั้นกระแส 75 % = 2.06/264v=7.8mA หากผมคิดไม่ผิดผมว่า vp ดูเยอะสำหรับหลอด 12au7 :headphone
-
เลือก vp 80-90% ของ Vpmax เลือกกระแส 75% ของ plate diss สมมติหลอด 12au7 Vpmax=330 85% ของVmax=(330*0.8)=264v กระแส 75% ของ plate diss =2.75*0.75=2.06w ดังนั้นกระแส 75 % = 2.06/264v=7.8mA หากผมคิดไม่ผิดผมว่า vp ดูเยอะสำหรับหลอด 12au7 :headphone
ช่วยพิจารณาตรงนี้ครับ
*และการออกแบบ Amp. เริ่มจาก Load resistance หลอด out put ให้ได้จุดทำงานที่เหมาะสม
มีการขยายสัญญาน ซีกซ้ายและขวา ใกล้เคียงกันมากที่สุด
อย่าให้เกินplate dissipation เพราะหลอดจะเสียเร็วหากน้อยไป จะได้กำลังน้อยกว่าที่ควร
ซึง ดาตาหลอดส่วนใหญ่จะแนะนำไว้ครับ
แล้วค่อยหลอดไดรฟ์ มาออกแบบให้สอดรับกับหลอด out put ครับ*
ถ้าเป็นขยายสัญญานเล็กๆๆ ตรงไหนก็ได้ถ้าสมมาตร และได้เสียงที่เราพอใจครับ
-
ขอบคุณครับ คือตอนแรกเริ่มเข้าใจ แต่พอลองคำนวณอย่างที่คุณgai อธิบายมา คำนวณเสร็จลองเอาไปลากโหลดไลน์ดู แต่มันไม่ตรงกับที่คำนวณไว้ ทำให้กลับไปอยู่ที่เดิมอีกคือ ไม่เข้าใจ และอีกอย่างที่ผมติดปัญหาคือการคำนวณค่า plate resistance ยังไม่เข้าใจ ทำไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะจำเป็นต่อการคำนวณพัน opt ด้วย :giveup
-
ขอบคุณครับ คือตอนแรกเริ่มเข้าใจ แต่พอลองคำนวณอย่างที่คุณgai อธิบายมา คำนวณเสร็จลองเอาไปลากโหลดไลน์ดู แต่มันไม่ตรงกับที่คำนวณไว้ ทำให้กลับไปอยู่ที่เดิมอีกคือ ไม่เข้าใจ และอีกอย่างที่ผมติดปัญหาคือการคำนวณค่า plate resistance ยังไม่เข้าใจ ทำไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะจำเป็นต่อการคำนวณพัน opt ด้วย :giveup
ตามที่คุณ alexdiy ยกมาเป็นบทความใน tubecad ครับ และได้ขยายความออกไปอีกด้วยว่า
เป็นค่า bias point ที่เขาแนะนำสำหรับการเริ่มต้นหาจุดทำงาน โดยจะมีค่าประมาณ 90% ของ max plate voltage กับ ประมาณ 75% ของ max plate dissipation ซึ่งอาจไม่ใช่จุดที่เหมาะสมที่สุดหรือเสียงเราชอบมากที่สุด แต่เป็นจุดทำงานที่ปลอดภัยต่อหลอด โดยเวลาใช้งานจริงก็อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมและความเอื้ออำนวยของอุปกรณ์ที่มีประกอบไปด้วยน่ะครับ
และอาจารย์ฆฤณได้กรุณาให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า
ใช้กับหลอดทุกหลอดครับ พอได้จุดที่คิดว่ากลางๆที่สุดแล้ว ค่อยๆเลื่อนขึ้นลงไปซัก 10-20% ของที่คำนวนไว้ด้วยนะครับ เผื่อจะชอบจุดอื่นมากกว่าตรงคำนวนได้
-
ง้ันคงต้องลองคำนวณดูใหม่ ช่วยขยายความคำว่าจุดกลางๆอีกนิดไม่ค่อยเข้า แล้วเรื่อง plate resistance ล่ะครับ ช่วยอธิบายวิธีการคำนวณให้ดูหน่อย :headphone
-
การเลือกจุด bias จริงๆแล้วจะเลือกตรงไหนก็ได้ครับ จุดกลางๆคือ จุดที่เมื่อลาก loadline แล้ว ระยะจากจุด bias ไปทางซ้าย (เมื่อ grid เป็นลบน้อยลง) จะเท่าๆกับทางขวา (เมื่อ grid เป็นลบมากขึ้น)
ทำไมต้องเท่าๆกัน?
เพราะว่าระยะที่หลอดทำงานได้นั้น ถ้าจะเริ่มตั้งแต่จุด bias ไปทางซ้าย จะสิ้นสุดที่ประมาณ grid = 0V เพราะที่ grid มากกว่า 0V ภาค driver จะไม่สามารถ drive หลอดได้ (ยกเว้นต้องออกแบบเฉพาะ) ส่วนจากที่จุด bias ไปทางขวา จะสิ้นสุดเมื่อหลอดไม่นำกระแส คือจุดที่ grid มีลบมากๆจนหลอดหยุดนำกระแสไปเอง เพราะฉนั้น ถ้าเลือกขวาหรือซ้ายมากเกินไป หลอดจะหยุดทำงานก่อนถึงเวลาอันควรครับ
plate resistance ดูที่นี่ครับ http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,1436.msg19111.html#msg19111
-
จุดกึ่งกลางที่ว่านี้อยู่ระหว่าง grid ที่มากที่สุด(ลบน้อย) กับ grid ที่น้อยที่สุด(ลบมาก) ถูกต้องมั้ยครับ ถ้าเลือกขวาหรือซ้ายมากเกินไปหลอดจะหยุดทำงานก่อน เวลาอันควร เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ O0
-
เริ่มมีความเข้าใจในการคิดคำนวณหาค่า plate resistance (ความต้านทานภายในหลอด) มากยิ่งขึ้น :headphone
-
จาก curve จุดไบแอสที่ -4V ซ้ายมือ สุดที่ -0V ขวามือ สุดที่ -8V ระหว่าง -0V กับ -8V นี้เรามีวิธีกำหนดอย่างไรครับ เห็นบางคนก็ออกแบบ ไบแ สที่ -4V เหมือนกัน แต่ทางด้านบวกเป็น -2V ทางด้านลบเป็น -6V
-
ไม่ได้กำหนดครับ เป็นเพียงการที่บอกว่าหลอดทำงานจนถึงจุดที่ grid เป็น 0V เท่านั้นเอง
สมมติว่าผมเอาหลอดเบอร์ 27 มาทำ preamp และ bias ที่ -6V หมายความว่าหลอดจะทำงานได้โดยไม่ clip ตั้งแต่ grid มีแรงดันตั้งแต่ 0 ถึง -12V
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะได้มีโอกาสทำงานในช่วงกว้างขนาดนั้น เพราะถ้าต่อกับ CD ซึ่งมี output 2Vrms (หรือประมาณ 2.8Vpp) ซึ่งพอต่อกับ preamp แล้ว voltage ที่ grid จะมีแค่ช่วง -4.6V ถึง -7.4V ครับ
-
พอจะเข้าใจแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นกับสัญญาณอินพุท แล้วก็ตัวหลอดเองใช่มั้ยครับ แล้ว voltage ที่ grid 4.6-7.4v หาได้ยังงัยครับ ต้องขอบคุณอาจารย์มากที่อุตส่าห์เข้ามาตอบ ผมเป็นคนที่เข้าใจในหลักวิชาการค่อนข้างยาก อย่าถือสาคนหัวขี้เลี่อยเลยนะครับ พยายามสอบถามในสิ่งที่สงสัย ต้องการความรู้ เผื่อว่าวันหนึ่งผมอาจจะเอาวามรู้เหล่านี้ไปสอนเด็กๆที่เค้าอยากรู้ :giveup
-
พอจะเข้าใจแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นกับสัญญาณอินพุท แล้วก็ตัวหลอดเองใช่มั้ยครับ แล้ว voltage ที่ grid 4.6-7.4v หาได้ยังงัยครับ ต้องขอบคุณอาจารย์มากที่อุตส่าห์เข้ามาตอบ ผมเป็นคนที่เข้าใจในหลักวิชาการค่อนข้างยาก อย่าถือสาคนหัวขี้เลี่อยเลยนะครับ พยายามสอบถามในสิ่งที่สงสัย ต้องการความรู้ เผื่อว่าวันหนึ่งผมอาจจะเอาวามรู้เหล่านี้ไปสอนเด็กๆที่เค้าอยากรู้ :giveup
หลอดbias-6v.มีสัญญาน 2.8Vppเข้ามา(สัญญาน +1.4สัญญาน -1.4) voltageที่ gridของหลอดจึงมีค่า -4.6 -7.4v ครับ
-
ทึ่มจริงเลยผม อ่านมากหลายรอบแล้วดันลืม สัญญาณเข้า 2v*1.414=2.828vpp ส่วน ทางด้านบวก -6+1.4=4.6v ,-6-1.4=-7.4v ไม่รู้ว่าจำได้นานแค่ไหน ขอบคุณครับพี่
-
ไม่ได้กำหนดครับ เป็นเพียงการที่บอกว่าหลอดทำงานจนถึงจุดที่ grid เป็น 0V เท่านั้นเอง
สมมติว่าผมเอาหลอดเบอร์ 27 มาทำ preamp และ bias ที่ -6V หมายความว่าหลอดจะทำงานได้โดยไม่ clip ตั้งแต่ grid มีแรงดันตั้งแต่ 0 ถึง -12V
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะได้มีโอกาสทำงานในช่วงกว้างขนาดนั้น เพราะถ้าต่อกับ CD ซึ่งมี output 2Vrms (หรือประมาณ 2.8Vpp) ซึ่งพอต่อกับ preamp แล้ว voltage ที่ grid จะมีแค่ช่วง -4.6V ถึง -7.4V ครับ
รบกวนอาจารย์ช่วยให้ความรู้หน่อยครับว่า ถ้าจะเอาสัญญาณจากเครื่องเล่น cd พกพา Phillips ที่ข้างเครื่องเขียนว่า earphone/line out นี่สัญญาณควรจะเป็นกี่ volt ครับ
-
ไม่ทราบเหมือนกันครับ คงต้องอ่านจากคู่มือของมันเองครับ
-
ไม่ทราบเหมือนกันครับ คงต้องอ่านจากคู่มือของมันเองครับ
คู่มือก็ไม่ได้บอกอะไรมาเลยครับ :(
-
ไม่ได้ทบทวนความรู้เลยครับ มัวแต่พันหม้อแปลงอยู่ ไม่ค่อยมีเวลามานั่งทบทวน ให้มันเสร็จเร่ืองหม้อแปลงก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องต่อไป แต่สำหรับ DIY มีอะไรที่เราต้องคิดต้องทำเยอะทีเดียว วันนี้ทำอย่างนี้ พรุ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก :giveup