HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: robyrd ที่ 01 เมษายน, 2011, 11:43:37 am
-
สวัสดีครับ
มีเรื่องรบกวนปรึกษากับพี่ๆ เพื่อนๆ สักหน่อยครับ
ผมได้มีโอกาสหยิบยืมเครื่องกรองไฟ จากเพื่อนๆ ในระดับหลากหลายราคา ตั้งแต่ไม่กี่พัน ยันหลายหมื่น
ผลที่ได้ใส่ไปแล้ว ฟังออกแค่ว่าดีขึ้น แต่ไม่มากถึงกับขาดไม่ได้ เช่นดีขึ้น 5-10% แต่ต้องจ่ายเงินไปเกือบ 3 หมื่น ส่วนปลั๊กหลักพัน ฟังไม่ค่อยออกถึงผลของความแตกต่าง
เลยมาที่คำถามว่า เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนปลั๊กผนัง หัวปลั๊ก ท้าย IEC ทำไมจึงได้ผลลัพท์ ชัดเจน ไปจนถึงดีกว่า
ปล. งานนี้ไม่มีการระบุยี่ห้อ รุ่น แต่อย่างใดนะครับ เพราะลองมาหลายตัว ผลลัพท์จาก system ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ต่างกันแค่เพียง คุณลักษณะทางเสียงของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
มากไปกว่านั้น ผมไม่ได้บอกว่าเครื่องกรองไฟไม่ดี และขอออกตัวชัดเจนว่า ผมไม่ได้เป็นพ่อค้าสายไฟ หัวปลั๊ก มาตั้งกระทู้เพื่อ lobby ให้นักเล่นเลิกใช้เครื่องกรองไฟแต่อย่างใด (โปรดอย่าเข้าใจเจตนาผิด)
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
+1
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
+2
ใช้เพื่อความปลอดภัยสำหรับเครื่องเสียงทั้งจอ และเครื่องเล่นครับ
เครื่องกรองไฟถ้าดูความแตกต่างมีผลด้านภาพที่จะดีขึ้น มากกว่าเสียง(ที่จะดีขึ้น)
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
+1 เห็นด้วยครับ
-
1. ด้านภาพมีผลมากกว่าจริงๆ ครับ
2. ส่วนเสียงมีผลแต่ไม่โดดเด่นเท่าเปลี่ยนสายไฟหรือหัวปลี๊กทั้งตัวผู้และตัวเมียจริงๆ ครับ
3. ช่วยกันการกระชากของกระแสได้เพื่อช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ของเราครับ
4. สุดท้าย ก็เห็นส่วนใหญ่ใช้และเปลี่ยนสายกะปลั๊กกันแทบจะทุกแบบครับ :headphone
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
+1
เหมือนกันครับ ผมกรองภาพ ซีดี บลูเลย์ ..........ไม่เลวร้ายอะไร แถมซื้อมาแล้วด้วยก็ต้องใช้ให้ได้ประโยชน์บ้าง Y]
-
สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ
+1 ครับ ถ้าจะเพิ่ม จะใช้กับ source เช่น CD BD ครับ
-
ที่เคย DIYมาก็รู้สึกยังงั้นครับ
เหมือนกับว่าการกรองน๊อยส์สำหรับด้านเสียงแล้วไม่ได้สำคัญมากนัก หรือต้องการตัวแปรอื่นที่เครื่องกรองไฟมีข้อจำกัดอยู่
แต่พอเอามาใช้กับด้านภาพนี่ฉลุยครับ เรียกว่าไม่ต้องเอาออกกันเลย
-
ุหุๆๆๆ กะทู้นี้ คงมีเซียนค้านหัวชนฝาน่าดูอิๆๆ เพราะเค้าอาจอ้างว่า ถ้าชุดไม่ถึงหลัก5แสนหรือล้านบาท อาจไม่เห็นผล
ปล...ชุดเป็นล้าน ฟังอะไรก็เพราะไปหมด หนังงี่เง่าก็สนุกมากๆ :secret ต้องถามเซียนดูว่าจริงไหมครับ อิจฉา คนที่มีชุดเป็นล้าน K]
เพราะของแพงต้องคู่กับของแพง อิๆๆ เป็นของคู่กัน ของถูกต้องคู่กับถูก
เครื่องคุมไฟราคา3หมื่น ไมุ่คุ้มกลับชุดแสนหรอกครับ แต่สบายใจมากเมื่อมีมันมาเป็นบอดี้การด์ให้กลับชุดของเรา
-
ผมใช้ครับ มีทั้งเครื่องกรอง และเครื่องกรอง+คุมไฟ
ใช้แล้วสบายใจครับ ไม่ไว้ใจเลยกับระบบไฟบ้านเรา เกิดอะไรขึ้นมาไม่คุ้มเลยไม่ว่าชุดราคาเท่าไหร่
-
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา
ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง
-
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา
ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง
เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ
ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้
ส่วนความปลอดภัย ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น
สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ
กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ
-
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา
ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง
เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ
ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้
ส่วนความปลอดภัย ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น
สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ
กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ
ว้าว วิศวกรชาติมาเองเลย O0
เร่ืองนี้น่าคิดครับ กรณีกรองไฟกับระบบภาพคงไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าลดสัญญาณรบกวนและทำให้ภาพดีขึ้น
ส่วนเรื่องที่เครื่องคุมไฟ ปลั๊กราง ที่ส่วนใหญ่เคลมว่า ป้องกันไฟกระชาก ฟ้าผ่าได้นั้น จริงๆแล้วป้องก้นได้จริงหรือเปล่า
เพราะเมื่อเรายอมเสียคุณภาพเสียงไปบางส่วน นับเป็นเดือนๆปีๆ เพื่อแลกกับความปลอดภัยสำหรับกรณีไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดเมื่อไหร่ หรือไม่เกิดเลยนั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงแล้วกันไม่ได้นี่ เศร้าเป็นสามเท่าเลยครับ
ส่วนของผม เครื่องกรองไฟที่ใช้ เห็นผลว่าดีจริงเรื่องคุณภาพ ใช้กับระบบเสียงครับ
ส่วนเครื่องคุม+กรองไฟใช้กับระบบภาพ เห็นผลเหมือนกัน สบายใจด้วยครับ เพราะแรงดันไฟฟ้าที่บ้านไม่ค่อยนิ่ง ขึ้นๆลงๆ ส่วนเรื่องกันไฟกระชากกับฟ้าผ่าก็ไว้ลุ้นเอาครับ
ข้างล่างนี่เป็นลิ้งค์ที่เพื่อนสมาชิกมาแชร์ประสบการณ์ครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=65432.0
http://www.htg2.net/index.php?topic=68282.0
http://www.htg2.net/index.php?topic=52019.0
http://www.htg2.net/index.php?topic=2176.0
-
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา
ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง
เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ
ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้
ส่วนความปลอดภัย ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น
สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ
กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ
ได้ความรู้ดีครับ
-
ผมได้ลองเครื่องกรองไฟมามากพอสมควร สำหรับชุดเครื่องเสียงผมพอสรุปได้ว่า ส่วนมากมักจะได้อย่างเสียอย่าง
หากเสียบต่อตรงผ่านเพาเวอร์แอมป์แทบจะร้อยท้งร้อยเกิดอาการอั้น เครื่องกรองไฟหลายเครื่องได้บางอย่างเสียบางอย่าง
ดังนั้นขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกใช้ เครื่องกรองไฟบางเครื่องได้ย่านเสียงบางย่านที่ดีขึึ้นแต่บางด้านไม่ได้ดีขึ้นตามอาจทำให้โทนบาล้านซ์
ของเสียงเสียไป แต่หากส่วนที่ดีขึ้นไปเสริมส่วนที่ขาดในชุดทำให้เสียงที่ได้พอดีก็จะลงตัว ในชุดเครื่องเสียงทั่วไปมักใช้เครื่องกรองไฟ
ราคาไม่สูงมากนักคุณภาพก็จะเป็นไปคามราคา แต่เรื่องความได้คุ้มเสียหรือไม่คุ้มเสีย ผมว่าขึ้นอยู่กับเราใช้เครื่องกรองไฟให้เหมาะสมหรือลงตัวหรือไม่
คำตอบของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เครื่องกรองไฟที่ผมใช้อยู่ในชุดเครื่องเสียงคือ Burmester 948 เครื่องกรองไฟยีห้อนี้ถ้าไม่มีคู่มือมาดู
ประกอบ แล้วใช้เหมือนเครื่องกรองไฟทั่วไป ผมว่าเสียของครับ อาจจะรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มราคา แต่หากใช้อย่างถูกต้องจะพบว่าเสียงที่ได้
จะดีขึ้นทุกย่านไม่ได้ทำให้ตื่นตาตื่นใจ แต่ฟังไปสักพักจะรู้สึกว่าขาดไม่ได้ และเขามีวงจรป้อนไฟดีซีย้อนกลับไปสำหรับเพาเวอร์แอมป์ที่เสียบคู่กับ
ปลั๊กไฟของเครื่องกรองไฟด้วย หากถามผมว่ายี่ห้อนี้คุ้มไหม ผมว่ามีได้ทุกอย่างเว้นแต่เสียตังค์เยอะ หากไม่ใช้เมื่อไหร่รู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง
จุดที่อยากให้สังเกตคือ หากจะลองเครื่องกรองไฟจริงๆ เวลาเอาเครื่องกรองไฟเสียบที่เต้ารับก็มีผลถึงระบบเสียงแล้วหากมีสวิทช์ก็เปิดสวิทช์ด้วย
แม้ว่าไม่เสียบอุปกรณ์ผ่านก็ตามก็มีผล ยิ่งชุดที่ใช้ดีเท่าไหร่ก็ยิ่งฟังออก ดังนั้นว่างๆลองดูก็ได้ครับ แค่เสียบไปที่เต้ารับข้างๆ ไม่ต้องเสียบผ่านก็มีผลแล้ว
( พอมีผลแล้วพอเสียบผ่านเทียบกันเลยทำให้คิดว่ามีผลเพิ่มอีกนิดเดียว หากจะเทียบให้ชัวร์ต้องดึงเครื่องกรองไฟออกจากเต้ารับไปก่อน)
สำหรับผมจะเน้นใช้เครื่องกรองไฟสำหรับเสียบ source ต่างๆเท่านั้น ว่างๆเพื่อนๆลองดูครับ :headphone
แต่ขอยืนยันอีกเสียงหนึ่งครับว่าหากเปลี่ยนสายไฟดีๆจะมีผลฟังออกได้ชัดกว่า แต่ก็ต้องเป็นสายไฟที่ราคาสูงหน่อยนะครับผลจะชัดเจนทีเดียว
แต่ผมว่าบางครั้งเราก็เหมือนโลภ พอได้คุณภาพที่ดีจากสายไฟ เต้ารับดีๆมาแล้ว จะเริ่มคิดว่าหากเครื่องกรองไฟดีๆมาอีกก็จะยิ่งดี
เลยพาลหาเครื่องกรองไฟดีๆมาลองเพิ่ม งานนี้ตาดีได้ตาร้ายเสียครับ
-
ท่านพี่ KJ review ได้ยอดเยี่ยมมากครับ :clap :clap :clap