HTG2.club

Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: robyrd ที่ 01 เมษายน, 2011, 11:43:37 am

หัวข้อ: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: robyrd ที่ 01 เมษายน, 2011, 11:43:37 am
สวัสดีครับ

มีเรื่องรบกวนปรึกษากับพี่ๆ เพื่อนๆ สักหน่อยครับ

ผมได้มีโอกาสหยิบยืมเครื่องกรองไฟ จากเพื่อนๆ ในระดับหลากหลายราคา ตั้งแต่ไม่กี่พัน ยันหลายหมื่น

ผลที่ได้ใส่ไปแล้ว ฟังออกแค่ว่าดีขึ้น แต่ไม่มากถึงกับขาดไม่ได้ เช่นดีขึ้น 5-10% แต่ต้องจ่ายเงินไปเกือบ 3 หมื่น ส่วนปลั๊กหลักพัน ฟังไม่ค่อยออกถึงผลของความแตกต่าง

เลยมาที่คำถามว่า เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนปลั๊กผนัง หัวปลั๊ก ท้าย IEC ทำไมจึงได้ผลลัพท์ ชัดเจน ไปจนถึงดีกว่า


ปล. งานนี้ไม่มีการระบุยี่ห้อ รุ่น แต่อย่างใดนะครับ เพราะลองมาหลายตัว ผลลัพท์จาก system ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ต่างกันแค่เพียง คุณลักษณะทางเสียงของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
มากไปกว่านั้น ผมไม่ได้บอกว่าเครื่องกรองไฟไม่ดี และขอออกตัวชัดเจนว่า ผมไม่ได้เป็นพ่อค้าสายไฟ หัวปลั๊ก มาตั้งกระทู้เพื่อ lobby ให้นักเล่นเลิกใช้เครื่องกรองไฟแต่อย่างใด (โปรดอย่าเข้าใจเจตนาผิด)


หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนดง ที่ 01 เมษายน, 2011, 01:26:11 pm

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ

หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: Wolverine ที่ 01 เมษายน, 2011, 01:54:32 pm

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: BEN_88 ที่ 01 เมษายน, 2011, 02:42:50 pm

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ


+2
ใช้เพื่อความปลอดภัยสำหรับเครื่องเสียงทั้งจอ และเครื่องเล่นครับ
เครื่องกรองไฟถ้าดูความแตกต่างมีผลด้านภาพที่จะดีขึ้น มากกว่าเสียง(ที่จะดีขึ้น)

หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: totoboy ที่ 02 เมษายน, 2011, 01:06:33 am

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ


+1 เห็นด้วยครับ
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: champ143 ที่ 02 เมษายน, 2011, 07:20:59 am
1. ด้านภาพมีผลมากกว่าจริงๆ ครับ
2. ส่วนเสียงมีผลแต่ไม่โดดเด่นเท่าเปลี่ยนสายไฟหรือหัวปลี๊กทั้งตัวผู้และตัวเมียจริงๆ ครับ
3. ช่วยกันการกระชากของกระแสได้เพื่อช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ของเราครับ
4. สุดท้าย ก็เห็นส่วนใหญ่ใช้และเปลี่ยนสายกะปลั๊กกันแทบจะทุกแบบครับ :headphone
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: WITS ที่ 02 เมษายน, 2011, 08:09:35 am

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1


เหมือนกันครับ ผมกรองภาพ ซีดี บลูเลย์  ..........ไม่เลวร้ายอะไร แถมซื้อมาแล้วด้วยก็ต้องใช้ให้ได้ประโยชน์บ้าง Y]
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ 02 เมษายน, 2011, 08:22:04 am

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1 ครับ  ถ้าจะเพิ่ม จะใช้กับ source เช่น CD BD ครับ
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 02 เมษายน, 2011, 10:28:54 am
ที่เคย DIYมาก็รู้สึกยังงั้นครับ 

เหมือนกับว่าการกรองน๊อยส์สำหรับด้านเสียงแล้วไม่ได้สำคัญมากนัก หรือต้องการตัวแปรอื่นที่เครื่องกรองไฟมีข้อจำกัดอยู่

แต่พอเอามาใช้กับด้านภาพนี่ฉลุยครับ เรียกว่าไม่ต้องเอาออกกันเลย
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: tay3 ที่ 02 เมษายน, 2011, 05:50:03 pm
ุหุๆๆๆ  กะทู้นี้ คงมีเซียนค้านหัวชนฝาน่าดูอิๆๆ เพราะเค้าอาจอ้างว่า ถ้าชุดไม่ถึงหลัก5แสนหรือล้านบาท อาจไม่เห็นผล

ปล...ชุดเป็นล้าน ฟังอะไรก็เพราะไปหมด หนังงี่เง่าก็สนุกมากๆ :secret ต้องถามเซียนดูว่าจริงไหมครับ  อิจฉา  คนที่มีชุดเป็นล้าน K]

เพราะของแพงต้องคู่กับของแพง อิๆๆ เป็นของคู่กัน ของถูกต้องคู่กับถูก

เครื่องคุมไฟราคา3หมื่น ไมุ่คุ้มกลับชุดแสนหรอกครับ แต่สบายใจมากเมื่อมีมันมาเป็นบอดี้การด์ให้กลับชุดของเรา

หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: TOM+ ที่ 02 เมษายน, 2011, 07:15:11 pm
ผมใช้ครับ มีทั้งเครื่องกรอง  และเครื่องกรอง+คุมไฟ

ใช้แล้วสบายใจครับ ไม่ไว้ใจเลยกับระบบไฟบ้านเรา เกิดอะไรขึ้นมาไม่คุ้มเลยไม่ว่าชุดราคาเท่าไหร่

หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: klao ที่ 03 เมษายน, 2011, 07:01:39 pm
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: PCT ที่ 04 เมษายน, 2011, 10:12:16 pm
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: TOM+ ที่ 05 เมษายน, 2011, 12:45:03 am
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ



ว้าว วิศวกรชาติมาเองเลย  O0



เร่ืองนี้น่าคิดครับ กรณีกรองไฟกับระบบภาพคงไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าลดสัญญาณรบกวนและทำให้ภาพดีขึ้น

ส่วนเรื่องที่เครื่องคุมไฟ ปลั๊กราง ที่ส่วนใหญ่เคลมว่า ป้องกันไฟกระชาก ฟ้าผ่าได้นั้น  จริงๆแล้วป้องก้นได้จริงหรือเปล่า
เพราะเมื่อเรายอมเสียคุณภาพเสียงไปบางส่วน นับเป็นเดือนๆปีๆ  เพื่อแลกกับความปลอดภัยสำหรับกรณีไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดเมื่อไหร่ หรือไม่เกิดเลยนั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงแล้วกันไม่ได้นี่ เศร้าเป็นสามเท่าเลยครับ


ส่วนของผม เครื่องกรองไฟที่ใช้ เห็นผลว่าดีจริงเรื่องคุณภาพ ใช้กับระบบเสียงครับ
ส่วนเครื่องคุม+กรองไฟใช้กับระบบภาพ เห็นผลเหมือนกัน  สบายใจด้วยครับ เพราะแรงดันไฟฟ้าที่บ้านไม่ค่อยนิ่ง ขึ้นๆลงๆ  ส่วนเรื่องกันไฟกระชากกับฟ้าผ่าก็ไว้ลุ้นเอาครับ



ข้างล่างนี่เป็นลิ้งค์ที่เพื่อนสมาชิกมาแชร์ประสบการณ์ครับ


http://www.htg2.net/index.php?topic=65432.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=68282.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=52019.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=2176.0
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Big ที่ 06 เมษายน, 2011, 11:40:22 pm
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ

ได้ความรู้ดีครับ
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: KJ ที่ 09 เมษายน, 2011, 10:39:21 pm
ผมได้ลองเครื่องกรองไฟมามากพอสมควร  สำหรับชุดเครื่องเสียงผมพอสรุปได้ว่า  ส่วนมากมักจะได้อย่างเสียอย่าง
หากเสียบต่อตรงผ่านเพาเวอร์แอมป์แทบจะร้อยท้งร้อยเกิดอาการอั้น  เครื่องกรองไฟหลายเครื่องได้บางอย่างเสียบางอย่าง
ดังนั้นขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกใช้  เครื่องกรองไฟบางเครื่องได้ย่านเสียงบางย่านที่ดีขึึ้นแต่บางด้านไม่ได้ดีขึ้นตามอาจทำให้โทนบาล้านซ์
ของเสียงเสียไป  แต่หากส่วนที่ดีขึ้นไปเสริมส่วนที่ขาดในชุดทำให้เสียงที่ได้พอดีก็จะลงตัว  ในชุดเครื่องเสียงทั่วไปมักใช้เครื่องกรองไฟ
ราคาไม่สูงมากนักคุณภาพก็จะเป็นไปคามราคา  แต่เรื่องความได้คุ้มเสียหรือไม่คุ้มเสีย ผมว่าขึ้นอยู่กับเราใช้เครื่องกรองไฟให้เหมาะสมหรือลงตัวหรือไม่
คำตอบของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน  เครื่องกรองไฟที่ผมใช้อยู่ในชุดเครื่องเสียงคือ Burmester 948   เครื่องกรองไฟยีห้อนี้ถ้าไม่มีคู่มือมาดู
ประกอบ  แล้วใช้เหมือนเครื่องกรองไฟทั่วไป ผมว่าเสียของครับ อาจจะรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มราคา  แต่หากใช้อย่างถูกต้องจะพบว่าเสียงที่ได้
จะดีขึ้นทุกย่านไม่ได้ทำให้ตื่นตาตื่นใจ  แต่ฟังไปสักพักจะรู้สึกว่าขาดไม่ได้  และเขามีวงจรป้อนไฟดีซีย้อนกลับไปสำหรับเพาเวอร์แอมป์ที่เสียบคู่กับ
ปลั๊กไฟของเครื่องกรองไฟด้วย  หากถามผมว่ายี่ห้อนี้คุ้มไหม  ผมว่ามีได้ทุกอย่างเว้นแต่เสียตังค์เยอะ  หากไม่ใช้เมื่อไหร่รู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง
จุดที่อยากให้สังเกตคือ หากจะลองเครื่องกรองไฟจริงๆ  เวลาเอาเครื่องกรองไฟเสียบที่เต้ารับก็มีผลถึงระบบเสียงแล้วหากมีสวิทช์ก็เปิดสวิทช์ด้วย
แม้ว่าไม่เสียบอุปกรณ์ผ่านก็ตามก็มีผล  ยิ่งชุดที่ใช้ดีเท่าไหร่ก็ยิ่งฟังออก  ดังนั้นว่างๆลองดูก็ได้ครับ  แค่เสียบไปที่เต้ารับข้างๆ  ไม่ต้องเสียบผ่านก็มีผลแล้ว
( พอมีผลแล้วพอเสียบผ่านเทียบกันเลยทำให้คิดว่ามีผลเพิ่มอีกนิดเดียว หากจะเทียบให้ชัวร์ต้องดึงเครื่องกรองไฟออกจากเต้ารับไปก่อน)  
 สำหรับผมจะเน้นใช้เครื่องกรองไฟสำหรับเสียบ source   ต่างๆเท่านั้น  ว่างๆเพื่อนๆลองดูครับ :headphone  
แต่ขอยืนยันอีกเสียงหนึ่งครับว่าหากเปลี่ยนสายไฟดีๆจะมีผลฟังออกได้ชัดกว่า  แต่ก็ต้องเป็นสายไฟที่ราคาสูงหน่อยนะครับผลจะชัดเจนทีเดียว
แต่ผมว่าบางครั้งเราก็เหมือนโลภ  พอได้คุณภาพที่ดีจากสายไฟ เต้ารับดีๆมาแล้ว  จะเริ่มคิดว่าหากเครื่องกรองไฟดีๆมาอีกก็จะยิ่งดี
เลยพาลหาเครื่องกรองไฟดีๆมาลองเพิ่ม  งานนี้ตาดีได้ตาร้ายเสียครับ
หัวข้อ: Re: เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ 09 เมษายน, 2011, 11:35:07 pm
ท่านพี่ KJ review ได้ยอดเยี่ยมมากครับ   :clap  :clap  :clap