HTG2.club

เครื่องกรองไฟ ฟังแล้ว ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นไปได้หรือเปล่า

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้


ออฟไลน์ KJ

  • สมาชิกอาวุโส
  • *****
    • กระทู้: 793
ผมได้ลองเครื่องกรองไฟมามากพอสมควร  สำหรับชุดเครื่องเสียงผมพอสรุปได้ว่า  ส่วนมากมักจะได้อย่างเสียอย่าง
หากเสียบต่อตรงผ่านเพาเวอร์แอมป์แทบจะร้อยท้งร้อยเกิดอาการอั้น  เครื่องกรองไฟหลายเครื่องได้บางอย่างเสียบางอย่าง
ดังนั้นขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกใช้  เครื่องกรองไฟบางเครื่องได้ย่านเสียงบางย่านที่ดีขึึ้นแต่บางด้านไม่ได้ดีขึ้นตามอาจทำให้โทนบาล้านซ์
ของเสียงเสียไป  แต่หากส่วนที่ดีขึ้นไปเสริมส่วนที่ขาดในชุดทำให้เสียงที่ได้พอดีก็จะลงตัว  ในชุดเครื่องเสียงทั่วไปมักใช้เครื่องกรองไฟ
ราคาไม่สูงมากนักคุณภาพก็จะเป็นไปคามราคา  แต่เรื่องความได้คุ้มเสียหรือไม่คุ้มเสีย ผมว่าขึ้นอยู่กับเราใช้เครื่องกรองไฟให้เหมาะสมหรือลงตัวหรือไม่
คำตอบของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน  เครื่องกรองไฟที่ผมใช้อยู่ในชุดเครื่องเสียงคือ Burmester 948   เครื่องกรองไฟยีห้อนี้ถ้าไม่มีคู่มือมาดู
ประกอบ  แล้วใช้เหมือนเครื่องกรองไฟทั่วไป ผมว่าเสียของครับ อาจจะรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มราคา  แต่หากใช้อย่างถูกต้องจะพบว่าเสียงที่ได้
จะดีขึ้นทุกย่านไม่ได้ทำให้ตื่นตาตื่นใจ  แต่ฟังไปสักพักจะรู้สึกว่าขาดไม่ได้  และเขามีวงจรป้อนไฟดีซีย้อนกลับไปสำหรับเพาเวอร์แอมป์ที่เสียบคู่กับ
ปลั๊กไฟของเครื่องกรองไฟด้วย  หากถามผมว่ายี่ห้อนี้คุ้มไหม  ผมว่ามีได้ทุกอย่างเว้นแต่เสียตังค์เยอะ  หากไม่ใช้เมื่อไหร่รู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง
จุดที่อยากให้สังเกตคือ หากจะลองเครื่องกรองไฟจริงๆ  เวลาเอาเครื่องกรองไฟเสียบที่เต้ารับก็มีผลถึงระบบเสียงแล้วหากมีสวิทช์ก็เปิดสวิทช์ด้วย
แม้ว่าไม่เสียบอุปกรณ์ผ่านก็ตามก็มีผล  ยิ่งชุดที่ใช้ดีเท่าไหร่ก็ยิ่งฟังออก  ดังนั้นว่างๆลองดูก็ได้ครับ  แค่เสียบไปที่เต้ารับข้างๆ  ไม่ต้องเสียบผ่านก็มีผลแล้ว
( พอมีผลแล้วพอเสียบผ่านเทียบกันเลยทำให้คิดว่ามีผลเพิ่มอีกนิดเดียว หากจะเทียบให้ชัวร์ต้องดึงเครื่องกรองไฟออกจากเต้ารับไปก่อน)  
 สำหรับผมจะเน้นใช้เครื่องกรองไฟสำหรับเสียบ source   ต่างๆเท่านั้น  ว่างๆเพื่อนๆลองดูครับ :headphone  
แต่ขอยืนยันอีกเสียงหนึ่งครับว่าหากเปลี่ยนสายไฟดีๆจะมีผลฟังออกได้ชัดกว่า  แต่ก็ต้องเป็นสายไฟที่ราคาสูงหน่อยนะครับผลจะชัดเจนทีเดียว
แต่ผมว่าบางครั้งเราก็เหมือนโลภ  พอได้คุณภาพที่ดีจากสายไฟ เต้ารับดีๆมาแล้ว  จะเริ่มคิดว่าหากเครื่องกรองไฟดีๆมาอีกก็จะยิ่งดี
เลยพาลหาเครื่องกรองไฟดีๆมาลองเพิ่ม  งานนี้ตาดีได้ตาร้ายเสียครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 เมษายน, 2011, 06:51:25 am โดย KJ »


ออฟไลน์ Mr.Big

  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star.
  • *
    • กระทู้: 2,754
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ

ได้ความรู้ดีครับ


ออฟไลน์ TOM+

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,793
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ



ว้าว วิศวกรชาติมาเองเลย  O0



เร่ืองนี้น่าคิดครับ กรณีกรองไฟกับระบบภาพคงไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าลดสัญญาณรบกวนและทำให้ภาพดีขึ้น

ส่วนเรื่องที่เครื่องคุมไฟ ปลั๊กราง ที่ส่วนใหญ่เคลมว่า ป้องกันไฟกระชาก ฟ้าผ่าได้นั้น  จริงๆแล้วป้องก้นได้จริงหรือเปล่า
เพราะเมื่อเรายอมเสียคุณภาพเสียงไปบางส่วน นับเป็นเดือนๆปีๆ  เพื่อแลกกับความปลอดภัยสำหรับกรณีไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดเมื่อไหร่ หรือไม่เกิดเลยนั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงแล้วกันไม่ได้นี่ เศร้าเป็นสามเท่าเลยครับ


ส่วนของผม เครื่องกรองไฟที่ใช้ เห็นผลว่าดีจริงเรื่องคุณภาพ ใช้กับระบบเสียงครับ
ส่วนเครื่องคุม+กรองไฟใช้กับระบบภาพ เห็นผลเหมือนกัน  สบายใจด้วยครับ เพราะแรงดันไฟฟ้าที่บ้านไม่ค่อยนิ่ง ขึ้นๆลงๆ  ส่วนเรื่องกันไฟกระชากกับฟ้าผ่าก็ไว้ลุ้นเอาครับ



ข้างล่างนี่เป็นลิ้งค์ที่เพื่อนสมาชิกมาแชร์ประสบการณ์ครับ


http://www.htg2.net/index.php?topic=65432.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=68282.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=52019.0

http://www.htg2.net/index.php?topic=2176.0


ออฟไลน์ PCT

  • *****
    • กระทู้: 659
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


เครื่องกรองไฟในปัจจุบัน ผมว่ามันต้องแบ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสองส่วนครับ

ส่วนกรองไฟ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องการผลด้านคุณภาพเสียงและภาพ ซึ่งเครื่องกรองไฟส่วนมากให้ได้ตามความพอใจของแต่ละบุคคล
บางท่านไม่ใช้เพราะมีความเห็นว่ามันอั้น บางท่านใช้เพราะมีความเห็นว่ามันนิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นด้านภาพนี่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าน่าใช้

ส่วนความปลอดภัย  ส่วนนี้แหละครับที่เป็นปัญหากับคุณภาพที่ได้ค่อนข้างมาก วงจรต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อความปลอดภัย
มักจะทำให้คุณภาพเสียงและภาพที่ได้ลดทอนลงไปด้วย เช่น ถ้าเป็น UPS แบบสำรองไฟได้นี่ด้านกรองไฟหายไปเกิอบหมด
แต่ปลอดภัยสุด ๆ ไฟดับก็ไม่กลัว Stabilzer นี่ไฟตกนิดหน่อยไม่กลัว แต่ไฟดับนี่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งสองอย่างนี่ยังถูกกำจัดเรื่อง
กำลังเครื่องไฟฟ้าที่ใช้อีก ส่วนบรรดาเครื่องกรองไฟอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป ก็ออกแบบเพื่อกรองไฟเป็นหลักทั้งนั้น

สรุปในความคิดของผมคือว่า บรรดาเครื่องกรองไฟต่าง ๆ ที่จะเลือกใช้ น่าจะเลือกเพราะต้องการผลในด้านคุณภาพเป็นหลัก
ด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับเสียบตรง ๆ ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ไปเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานดีกว่า
เช่น ถ้าฝนจะตกนี่ปิดเครื่องถอดปลั๊กซ์ให้หมด เวลาเสียบสายต่าง ๆ ก็ตรวจสอบให้ดีว่าแน่นหนาเพียงพอ ไม่ต่อพ่วงกัน
มากเกินไป เลือกใช้สายที่ใหญ่พอควร ที่สำคัญ ต้องลงกราวด์ให้ดีครับ

กรณีฟ้าผ่านี่ บรรดาเครื่องกรองไฟทั้งหลายนี่น่าจะเอาไม่อยู่ (ถึงแม้ว่ามันจะมีวงจร Surge Protection ก็ตาม) ลงมาตูมเดียว
นี่ไหม้หมดทั้งเครื่องเสียงและเครืองกรองแหละครับ


ออฟไลน์ klao

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,304
ใช้ครับ ที่บ้านคุณพ่อ เคยโดนฟ้าลงเสาอากาศทีวี น่ากลัวเหมือนกันนา

ฝ้ามีรอยไหม้ ปลั๊กไฟตามผนังห้องกระเด็นออกมาเลย และทีวีก็เจ๋งไปตามระเบียบ ดีทีสมัยนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงจริงจัง


ออฟไลน์ TOM+

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,793
ผมใช้ครับ มีทั้งเครื่องกรอง  และเครื่องกรอง+คุมไฟ

ใช้แล้วสบายใจครับ ไม่ไว้ใจเลยกับระบบไฟบ้านเรา เกิดอะไรขึ้นมาไม่คุ้มเลยไม่ว่าชุดราคาเท่าไหร่



ออฟไลน์ tay3

  • ***
    • กระทู้: 243
ุหุๆๆๆ  กะทู้นี้ คงมีเซียนค้านหัวชนฝาน่าดูอิๆๆ เพราะเค้าอาจอ้างว่า ถ้าชุดไม่ถึงหลัก5แสนหรือล้านบาท อาจไม่เห็นผล

ปล...ชุดเป็นล้าน ฟังอะไรก็เพราะไปหมด หนังงี่เง่าก็สนุกมากๆ :secret ต้องถามเซียนดูว่าจริงไหมครับ  อิจฉา  คนที่มีชุดเป็นล้าน K]

เพราะของแพงต้องคู่กับของแพง อิๆๆ เป็นของคู่กัน ของถูกต้องคู่กับถูก

เครื่องคุมไฟราคา3หมื่น ไมุ่คุ้มกลับชุดแสนหรอกครับ แต่สบายใจมากเมื่อมีมันมาเป็นบอดี้การด์ให้กลับชุดของเรา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน, 2011, 05:52:44 pm โดย tay3 »


ออฟไลน์ ohm

  • ผู้สนับสนุน web ......
  • ******
    • กระทู้: 910
    • เพศ:ชาย
ที่เคย DIYมาก็รู้สึกยังงั้นครับ 

เหมือนกับว่าการกรองน๊อยส์สำหรับด้านเสียงแล้วไม่ได้สำคัญมากนัก หรือต้องการตัวแปรอื่นที่เครื่องกรองไฟมีข้อจำกัดอยู่

แต่พอเอามาใช้กับด้านภาพนี่ฉลุยครับ เรียกว่าไม่ต้องเอาออกกันเลย


ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,553
    • เพศ:ชาย

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1 ครับ  ถ้าจะเพิ่ม จะใช้กับ source เช่น CD BD ครับ


ออฟไลน์ WITS

  • ****
    • กระทู้: 363

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1


เหมือนกันครับ ผมกรองภาพ ซีดี บลูเลย์  ..........ไม่เลวร้ายอะไร แถมซื้อมาแล้วด้วยก็ต้องใช้ให้ได้ประโยชน์บ้าง Y]


ออฟไลน์ champ143

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 14,377
    • เพศ:ชาย
  • COMPLETED HT ROOM
1. ด้านภาพมีผลมากกว่าจริงๆ ครับ
2. ส่วนเสียงมีผลแต่ไม่โดดเด่นเท่าเปลี่ยนสายไฟหรือหัวปลี๊กทั้งตัวผู้และตัวเมียจริงๆ ครับ
3. ช่วยกันการกระชากของกระแสได้เพื่อช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ของเราครับ
4. สุดท้าย ก็เห็นส่วนใหญ่ใช้และเปลี่ยนสายกะปลั๊กกันแทบจะทุกแบบครับ :headphone


ออฟไลน์ totoboy

  • *
    • กระทู้: 33

ออฟไลน์ BEN_88

  • ***
    • กระทู้: 102

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ


+2
ใช้เพื่อความปลอดภัยสำหรับเครื่องเสียงทั้งจอ และเครื่องเล่นครับ
เครื่องกรองไฟถ้าดูความแตกต่างมีผลด้านภาพที่จะดีขึ้น มากกว่าเสียง(ที่จะดีขึ้น)



ออฟไลน์ Wolverine

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,018
    • เพศ:ชาย
  • ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เลี้ยงไม้น้ำ

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



+1
ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เลี้ยงไม้น้ำ ชีวิตนี้ สุขจริงหนอ


ออฟไลน์ ขุนดง

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,118
    • เพศ:ชาย

สำหรับผมเอาเครื่องกรองไฟมาเน้นเรื่องภาพ และความปลอดภัยครับ



ออฟไลน์ robyrd

  • ****
    • กระทู้: 365
  • OmG! อัพมากไปแล้ว _"!
    • What's Up Bangkok
สวัสดีครับ

มีเรื่องรบกวนปรึกษากับพี่ๆ เพื่อนๆ สักหน่อยครับ

ผมได้มีโอกาสหยิบยืมเครื่องกรองไฟ จากเพื่อนๆ ในระดับหลากหลายราคา ตั้งแต่ไม่กี่พัน ยันหลายหมื่น

ผลที่ได้ใส่ไปแล้ว ฟังออกแค่ว่าดีขึ้น แต่ไม่มากถึงกับขาดไม่ได้ เช่นดีขึ้น 5-10% แต่ต้องจ่ายเงินไปเกือบ 3 หมื่น ส่วนปลั๊กหลักพัน ฟังไม่ค่อยออกถึงผลของความแตกต่าง

เลยมาที่คำถามว่า เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนปลั๊กผนัง หัวปลั๊ก ท้าย IEC ทำไมจึงได้ผลลัพท์ ชัดเจน ไปจนถึงดีกว่า


ปล. งานนี้ไม่มีการระบุยี่ห้อ รุ่น แต่อย่างใดนะครับ เพราะลองมาหลายตัว ผลลัพท์จาก system ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ต่างกันแค่เพียง คุณลักษณะทางเสียงของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
มากไปกว่านั้น ผมไม่ได้บอกว่าเครื่องกรองไฟไม่ดี และขอออกตัวชัดเจนว่า ผมไม่ได้เป็นพ่อค้าสายไฟ หัวปลั๊ก มาตั้งกระทู้เพื่อ lobby ให้นักเล่นเลิกใช้เครื่องกรองไฟแต่อย่างใด (โปรดอย่าเข้าใจเจตนาผิด)