๓. เกือบทั้งหมดจำเป็นต้องมีหม้อแปลง ความต้านทานที่ขาออกก่อนไปลำโพง (มีน้อยรุ่นมากที่จะไม่มี) ซึ่งหม้อแปลงจะลั่นทอนคุณภาพความถี่ตอบสนอง ความฉบับไว ช่องไฟระหว่างตัวโน๊ต ลดทอนความสามารถของภาคขยายในการหยุดการสั่นค้างของลำโพง (ค่า DAMPING FACTORของเครื่องหลอดจึงต่ำมาก ๑๐-๒๐ เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรต่ำกว่า ๑๐๐ จึงไม่มียี่ห้อไหนกล้าระบุสเปคตัวนี้เลย)
อันนี้เป็นความจริงครับ เพราะฉนั้นการเลือกลำโพงที่มี Qts ต่ำๆ รือใช้ลำโพงที่ใช้วัสดุทำ cone ของมันที่เบามากๆ ก็เป็นการ matching ทำกันโดยทั่วไป
๔. หลอดจะรับแสงสั่นสะเทือนจากลำโพงแล้วขยายเป็นเสียงป้อนย้อนกลับเข้าไป ดุจหลอดเป็นไมโครโฟน (MICROPHONIC EFFECT) ลดความชัดเจนและช่องไฟ ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีในวง ลดความสงัด แต่บางคนกลับเข้าใจผิด ฟังว่ามันช่วยเพิ่มความกังวาน หวาน
ก็ถูกต้องอีกเช่นกันในเรื่องของ microphonic
การทำงานภายในตัวหลอดเอง ขณที่อิเล็คตรอนจากไส้หลอดวิ่งไปชนแผ่น อาโนด (บวก) จะก่อให้เกิดฝุ่นคละคลุ้งของอิเล็คตรอนที่กระจายจากแผ่นอาโนด ฝุ่นอิเล็คตรอนเหล่านี้จะถูกดูดกลับไปตามเดิมหลังจากนั้น ก่อให้เกิด "เงา" หรือ ม่านหมอกเสียง ที่คนฟังไม่เก่งจริงเข้าใจผิดว่าช่วยเพิ่มเนื้อเสียงอิ่ม อวบ หวาน และมีความกังวาน จริง ๆ คือ ส่วนเกินทั้งนั้น และก่อให้เกิดเสียงมั่ว ขุ่น กังวานแบบขุ่น ๆ จนเครื่องหลอดต้องจงใจยกปลายแหลมช่วยทะลุความขุ่นแต่ก็หลอกหูเหมือนสร้างขอบเสียงของแต่ละชิ้นดนตรี
ผมติดใจแค่ตรงนี้เท่านั้นเอง ถ้าจะว่าไปแล้ว electron ที่อยู่บนวัสดุที่ทำ anode ปกติจะไม่สามารถจะยิง electron เข้าไปดื้อๆให้โมเลกุลที่มันเสถียรแล้วกระเด็นออกมา แต่ตัว electron ที่ปล่อยจาก cathode วิ่งเข้าไปชน plate แล้วอาจจะกระเด็นออกมา อันนี้เป็นไปได้
ส่วนผลจากการที่ electron กระเด็นออกมาจาก plate แล้วถูกดูไปอีกครั้งนึงทำให้เสียงมัว? อันนี้ก็ลองเทียบความถี่ของเสียงที่เราได้ยินกันกับความเร็วของ electron ว่าสัดส่วนมันเป็นเท่าไหร่ ความถี่ที่เราได้ยินที่สูงที่สุดคือ 20KHz ในขณะที่ความเร็วของ electron เมื่ออยู่ในสูญญากาศเท่ากับความเร็วแสง ก็ลองจินตนาการว่าระหว่าง cathode และ plate มันประมาณ 5มม. ในขณะที่ความเร็วของ electron ที่ใกล้เคียงแสง ที่จะวิ่งไปหา plate ที่ความถี่ 20KHz เผอิญมีซัก 1-2% ที่กระเด็นออกมาแล้วถูกดูดเข้าไปใหม่ ถ้าจะมองเป็นภาพ slow motion ก็คงจะเป็นแบบในบทความครับ แต่ลองนึกถึงความเร็วใกล้เคียงกับแสงดู
แต่จุดที่ผมต้องการชี้คือ คุณต้องใช้พลังงานมหาศาลที่จะยิงอีเล็คตรอนเข้าไปที่ plate แล้วให้ electron ของวัสดุที่ใช้ทำ plate มันกระเด็นออกมา แต่การที่ electron วิ่งไปชนแล้วกระเด็นออกมา เป็นไปได้ แต่เราจะรับรู้สิ่งเหล่านี้จากเสียงที่ได้หรือเปล่า? บางคนอาจจะได้ยินก็ได้
แต่ถ้ามองไปยังอุปกรณ์ solid state แล้ว พวก N device นี่น่าจะธรรมชาติมากกว่า เพราะ model ของมันคือ electron จะเคลื่อนที่อยู่บน semiconductor ถ้าจะเอามาลองดูอย่างละเอียดแบบมองกับหลอดอย่างในบทความแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่า electron ที่มันวิ่งอยู่บน N device ทุกตัวมันจะไปถึงจุดหมาย ถ้าเป็นจริง heat dissipation ก็ควรจะน้อยมากๆ เพราะไม่มีการสูญเสียพลังงานเลย และยิ่งมันไม่ได้วิ่งอยู่ในสุญญากาศด้วย มันจะไปชนกับ electron ของอากาศหรือ gas ต่างๆที่อยู่รอบๆมันหรือเปล่า?
การใช้ทฤษฎีมาอธิบายก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่บางครั้งมันก็ออกจะเหลือเชื่อจริงๆ หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกันเลย
ผมเองไม่ได้ต่อต้าน solid state นะครับ เพราะแอมป์ที่ใช้อยู่ยังใช้ opamp อยู่เลย