วงจรและการคำนวณ CCSนี้ผมได้มาจากคุณ LNAudio ครับ ต้องขอบคุณคุณ LNAudio ด้วยครับ

เพื่อนๆใครสนใจลองอ่านกันดูนะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามคุณ LNAudio ได้เลยครับ
ก่อนอื่นต้องอธิบายเรื่อง CCS ก่อน ตัว CCS เปรียบเหมือน resistor ที่มีค่าสูงมากๆ
เมื่อดูจาก plate curve แล้ว การที่ใช้ค่า R load มากๆ จะทำให้ load line มีความชันน้อยลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งใกล้เคียงกับค่าอนันต์ (R = delta V / delta I, มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากๆทำให้ delta I ใกล้เคียง 0)
ซึ่งก็ทำให้หลอดมีอัตราขยายเท่ากับ u
ในความเป็นจริงจะใช้ค่า Rload มากๆไม่ได้ สมมติว่า Rp = 10K ต้องการหลอด bias ที่ 150V 3mA
ถ้าให้ Rload = 50K, จะได้ B+ เท่ากับ 150V + (3mA x 50K) = 300V
ถ้าให้ Rload = 150K, จะได้ B+ เท่ากับ 150V + (3mA x 150K) = 600V
ถ้าให้ Rload = 350K, จะได้ B+ เท่ากับ 150V + (3mA x 350K) = 1200V
แต่ถ้าใช้ CCS เราสามารถสร้าง effective resistance ให้มีค่าหลายๆร้อย Kohm
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ B+ มากๆได้ จากรูป Rk1 ใช้กำหนด bias
โดย bias เท่ากับ Rk1 x I และ Rk1 ทำหน้าที่เป็น feedback ผ่าน R grid 1 Mohm
ส่วน Rk2 จะใช้ค่ามากหน่อย ซัก 20-50K ค่า effective resistance เท่ากับ Rp + (u +1)Rk
โดย Rk= Rk1+Rk2 แต่เนื่องจาก Rk2 >> Rk1 ก็ใช้ Rk2 มาคำนวนเลยก็ได้
แทน Rload ด้วย CCS ที่เป็นหลอด
ให้ Voltage ของ plate to cathode เป็น 75V, bias 3mA, u = 15, Rp ของหลอด
CCS 12Kohm ให้ bias หลอด CCS ประมาณ 2V ทำให้ได้ Rk ประมาณ 680 ohm
ให้ Rk2 25K จะได้ voltage คร่อม Rk ประมาณ 75V เพราะฉนั้น voltage ผ่าน CCS จะได้ประมาณ 150V
ในขณะที่ effective resistance จะได้ตามสูตร Rp+(u + 1)Rk = 12K + ( 15+1)25K = 412K
ซึ่งถ้าเทียบกับการใช้ RLoad ธรรมดาจะต้องใช้ B+ 1386V ในขณะที่ CCS จะใช้ B+ แค่ 300V