HTG2.club

หนุ่มบ้านนอก

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
คิดถึงตอนที่แม่สอนไว้ว่า
"คนเราน่ะ มันไม่แน่เสมอไปหรอกว่า เรียนมาดีแล้ว จะได้ประสบผลสำเร็จเสมอไป"

บังเอิญมีเรื่องของคนใกล้ตัวที่แม่ เอามายกตัวอย่าง
เค้าจบรร.มัธยม ไม่มีชื่อ (รร.วัด)  แต่ทำงาน ตอนนี้ได้เงินเดือนหลักแสน

ทั้งๆที่ รร.นี้น่ะ ถ้าจัดอันดับก็อยู่ท้่ายๆ ไม่มีคนอยากเข้า

แม่บอกว่า.......
อย่าไปยึดติดกับอะไรมากนักว่า ชีวิต จะต้องเป้นขั้นเป็นตอนเหมือน
คนอื่นๆ ที่เค้าเขียนกันไว้  ...มันก้แค่ตำราที่เค้าเขียนมาให้อ่าน...
ถ้าชีวิตจริง ต้องคิดเอง ทำเอง  ตำราไม่มีสอน ไม่งั้นคนเขียนคงรวย จนไม่มีเวลามานั่้งเขียนตำราแล้วล่ะ
...แม่สอนตรงไปหรือเปล่าเนี่ย..ถ้าไปขัดแย้งกับความคิดใคร ขออภัยด้วยค่ะ... :sorry



ใชครับ อันนี้เป็นอันหนึ่งที่เรื่องนี้ และเรื่องที่คุณแม่คุณ post girl เล่า  ความเชื่อของเราคือ การศึกษาเล่าเรียนแล้วจะได้ดี แต่ในความเป็นจริง มันเป็นแค่ความเชื่อครับ  การศึกษาให้แต่ความรู้ ไม่ได้เป็นหลักประกันของความสำเร็จในชีวิต  มันเป็นแค่เครื่องมือตัวช่วยตัวหนึ่งเท่านั้น  ความสำเร็จที่แท้จริงจะเกิดกับผู้ที่ลงมือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเท่านั้นครับ  อีกสิ่งหนึ่งคือ การศึกษานอกจากจะเป็นตัวช่วยแล้ว ยังเป็นตัวพันธนาการเราด้วย  คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนประสบกับความล้มเหลวก่อนแล้วเอาตัวออกจากเครื่องพันธนาการได้ ถึงจะพบกับโลกใหม่ที่นำไปสู่ความสำเร็จ  ในหนังสือ Rich Dad Poor Dad ของ Robert T Kiyosaki เขียนอธิบายไว้ได้ดี และเรียกเครื่องพันธนาการนี้ว่า mouse trap  ซึ่งคนแปลเอามาเรียกว่า กับดักหนู  แต่จริงๆ mouse trap มันไม่ใช่กับดักหนูเสียทีเดียว มันเป็นเครื่องพันธนาการที่มองไม่เห็น  อย่างในเรีองถ้าหนุ่มบ้านนอกคนนี้มีความรู้ซักนิด เขาจะถูกพันธนาการด้วย ตำแหน่งหน้าที่ ภารโรง ที่พอจะยังชีพไปได้โดยไม่ต้องดิ้นรนแต่ก็จะไม่มีวันรวย  อย่าว่าแต่ภารโรงเลยครับ ครูหรือผู้บริหารที่ไม่รับหนุ่มคนนี้ มีหน้าที่สูงกว่า การงานดีกว่า แต่ก็ไม่มีทางพบหนทางรวยเหมือนหนุ่มคนนี้ครับ

ในความเชื่อ (หลายๆ อย่างที่เราถูกโปรแกรม บ่มสอนมา) กับความเป็นจริงมันต่างกัน หลายอย่างครับ


ออฟไลน์ PIRAT_ACHA

  • ***
    • กระทู้: 149
    • เพศ:ชาย
  • D.I.Y.ต้องลองทำดู

แม่บอกว่า.......
อย่าไปยึดติดกับอะไรมากนักว่า ชีวิต จะต้องเป้นขั้นเป็นตอนเหมือน
คนอื่นๆ ที่เค้าเขียนกันไว้  ...มันก้แค่ตำราที่เค้าเขียนมาให้อ่าน...
ถ้าชีวิตจริง ต้องคิดเอง ทำเอง  ตำราไม่มีสอน ไม่งั้นคนเขียนคงรวย จนไม่มีเวลามานั่้งเขียนตำราแล้วล่ะ
...แม่สอนตรงไปหรือเปล่าเนี่ย..ถ้าไปขัดแย้งกับความคิดใคร ขออภัยด้วยค่ะ... :sorry




 :o  :)


ออฟไลน์ ใหญ่

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,548
  • เลิกซื้อก่อนครับ..... กระเป๋าบางแร้ววว...ว
 O0 O0 O0


อย่าเอ่ยปากโทษโลก ...ถ้ายังไม่ลงมือทำ


ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
คิดถึงตอนที่แม่สอนไว้ว่า
"คนเราน่ะ มันไม่แน่เสมอไปหรอกว่า เรียนมาดีแล้ว จะได้ประสบผลสำเร็จเสมอไป"

บังเอิญมีเรื่องของคนใกล้ตัวที่แม่ เอามายกตัวอย่าง
เค้าจบรร.มัธยม ไม่มีชื่อ (รร.วัด)  แต่ทำงาน ตอนนี้ได้เงินเดือนหลักแสน

ทั้งๆที่ รร.นี้น่ะ ถ้าจัดอันดับก็อยู่ท้่ายๆ ไม่มีคนอยากเข้า

แม่บอกว่า.......
อย่าไปยึดติดกับอะไรมากนักว่า ชีวิต จะต้องเป้นขั้นเป็นตอนเหมือน
คนอื่นๆ ที่เค้าเขียนกันไว้  ...มันก้แค่ตำราที่เค้าเขียนมาให้อ่าน...
ถ้าชีวิตจริง ต้องคิดเอง ทำเอง  ตำราไม่มีสอน ไม่งั้นคนเขียนคงรวย จนไม่มีเวลามานั่้งเขียนตำราแล้วล่ะ
...แม่สอนตรงไปหรือเปล่าเนี่ย..ถ้าไปขัดแย้งกับความคิดใคร ขออภัยด้วยค่ะ... :sorry


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม, 2009, 11:04:05 am โดย post-girl »


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมครับ

     พันธุ์ศักดิ์

ขอให้มีเรื่องดีๆมานำเสนอแยอะๆครับ
คุณพันธุ์ศักดิ์ อ่านแล้วไม่บอกเลยว่าคิดยังไง  :)


ออฟไลน์ pansak

  • *****
    • กระทู้: 616
เยี่ยมครับ

     พันธุ์ศักดิ์

ขอให้มีเรื่องดีๆมานำเสนอแยอะๆครับ


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
อ่านเรื่องนี้แล้ว มีความคิดเห็นยังไงกันมั่งครับ

หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง
เสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
ทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย
เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า
มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพ
กำลังรับสมัคร นักการภารโรง ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา
จึงจับรถมากรุงเทพและเดินกางแผนที่ (ที่เพื่อนเขียนให้)
สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น
ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ

เมื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ
จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่ง
และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ
นายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ
ยกมือไหว้แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า

“...ขอโทษครับพี่
ผม...คือว่า...
ผม...อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ...”

เจ้าหน้าที่ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที
“...อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียน
ถึงจะตำแหน่งแค่ นักการภารโรง
ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา
แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ”

หนุ่มบ้านนอกหน้าซีด
ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลก ๆ
“...ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ
แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่
ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ”

“งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก. ..”
เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้ คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย
“...เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะ
อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ
ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ กลับไปเถอะ”

หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียน
ที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย
และเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพ
ก็จึงต้องจำใจ กำเงินจำนวนสุดท้าย
จับรถ ซมซานกลับบ้าน อย่างนกปีกหัก
…
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน จึงนึกขึ้นได้ว่า
ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดก
เป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตาย
มาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว

ด้วยความเจ็บใจ
จึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียม
หักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น
และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อย
อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .
…
อาจเป็นบุญในปางบรรพ์ของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้
ที่ปรากฎว่า หลายปีต่อมาสวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้น
ออกผลอย่างงดงาม และสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี
กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียง
ขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น และกว้างขึ้น. . .

หลายสิบปีต่อมา
จากความขยันขันแข็ง มานะอดทนและประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
บัดนี้ หนุ่มบ้านนอกคนนั้น ก็กลายเป็นชายชรา
ที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของพ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
และภูมิภาคนั้น…

อยู่มาปีหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาล
และชำระบัญชีเรียบร้อย

โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษา
และแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว
พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อน นั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอ
เพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก
เมื่อแจ้งนาม และความจำนงกับธนาคารแล้ว
พนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่
ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว
เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้ว
ผู้จัดการก็แตะข้อต่อศอก ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทอง
ให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา

“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้
รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ”

พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ
ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ
พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ
“พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด
ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...”
ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีด
พลางค่อยๆอ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ

“... เอ่อ...ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ...
...เอ่อ...ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับ
คือ...พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยง
ในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้
แต่...” ผู้จัดการ ชะงัก ด้วยความเกรงใจ
และในที่สุดก็หลุดปากถามออกมา
ด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง
“...แต่ พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออก
และเขียนหนังสือไม่ได้ หรือครับ...”
“...พ่อหนุ่ม” พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
“...ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ...”

แกถอนหายใจยาว
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า
“...ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ...”