HTG2.club

ทำไมต้อง OVER SAMPLING ? ? ?

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AD1865

  • แพงแค่ไหนไม่สน สนแต่ของถูก ฮี่ๆๆ
  • ****
    • กระทู้: 274
ผมไม่แน่ใจเรื่องการวัดนะ เพราะไม่ถนัด สมมติว่าเราได้ไฟล์ต้นแบบที่มีความถี่ไซน์เวฟให้ทดลองตั้งแต่ 20-20000Hz แล้วเปิดกับเครื่องเล่น CD ใดๆ โดยเอาสัญญาณออกจาก SPDIF ตรงนี้ล่ะที่จะเริ่มงง (ไม่ได้งงว่าไซน์จะเป็นไซน์แท้หรือเปล่านะ) เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสัญญาณไซน์ตอนแปลงจากอนาล็อกเป็นดิจิตอลนั้นแซมปลิ้งด้วยมาตรฐาน ADC แบบใด กี่บิท กี่เฮิร์ทซ โอเคล่ะสมมติว่าผ่านตรงนั้นมาแล้ว นำสัญญาณไปเข้า DAC แต่ละชนิด เราสามารถวัดเอาต์พุตที่จุดสุดท้ายของการขยายของ DAC (ขั้ว RCA) ได้เลยใช่มั้ยครับ แล้วก็ตั้งให้แอมปลิจูดเท่าๆ กัน ที่มาตรฐานหนึ่ง

ผมว่าตอนนี้เรื่องที่เรากำลังถกกันอยู่มันแค่การคงสภาพเดิมของสัญญาณใช่มั้ย ก็ไม่น่าจะยากเลยนะถ้าเป็นแบบนั้น ตัดเรื่องมาตรฐานออกไปเพราะเดี๋ยวจะถกกันไม่รู้จบ เอาเครื่องมือมาอวดกันเสียเปล่าๆ เพราะไม่ใช่ว่าใครๆ ก็มีกันได้ วัดสัญญาณออกมาแล้วนำมาเปรียบเทียบให้ดูกันหน่อยละกัน เพราะตั้งแต่ปี 2546 เรื่อง Non Oversampling ก็เริ่มศึกษากันมาตั้งแต่นั้น แต่ผม Search แล้ว Search อีกก็ยังไม่เห็นผู้รู้ท่านใดนำรูปสัญญาณนั้นๆ ที่กล่าวอ้างตามทฤษฎีมาให้เห็นกันเลย โดยมากก็นำรูปมาจากต่างประเทศ ก็เลยไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดไว้ ที่สร้างไว้เป็นไปตามทฤษฎีแค่ไหน หาอ่านตามหนังสือเซมิฯ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ก็ไม่เห็นอะไรทำนองนั้นเลย เข้าใจว่าไม่ได้เจาะกลุ่มนัก DIY แบบเข้าเนื้ออย่างเราๆ นี่ยังไม่รวมเรื่องรีคล็อกนะ ว่ากำจัด Jitter ได้ หรือ สร้าง Jitter เพิ่มเติมก็ไม่ทราบ

เอาเป็นว่าท่านไหนพร้อมในเครื่องไม้เครื่องมือ นับจากนี้ก็บรรเลงกันลงมาได้เลย ทฤษฎีไม่ต้องแล้วล่ะเพราะพอจะหาอ่านเองได้ เดี๋ยวจะมาบลัฟกันไปบลัฟกันมาเสียอีก สืบเนื่องจากกระทู้ "ทำไมต้อง OVER SAMPLING" หากนำทฤษฎีเพียงอย่างเดียวมาแสดงรับรองได้ว่าไม่มีคำตอบเป็นรูปธรรมแน่ๆ เพราะมีทฤษฎีของตา Kusunoki คอยขัดขาอยู่ หยุดขัดแย้ง เริ่มต้นที่จะแสดงผลลัพธ์ได้แล้ว ผมคาดว่ามีหลายๆ ท่านรอดูอยู่ รวมไปถึงผมด้วย  d_d
ธนันต์พร ธนพรมณีรัตน์ ธ.กรุงเทพฯ สาขา ไอทีสแควร์ เลขบัญชี 229 0879 309 ประเภท ออมทรัพย์

087-0903074


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915
คือถ้ามันดีเทคไม่ได้จุดนั้นก็เท่ากับ 0 แต่พอผ่านไปนิดนึงมันก็จะแซมปลิ้งใหม่ค่าก็จะไม่ใช่ 0 แล้ว และทีนี้ถึงจะแซมปลิ้งกันที่ 96K มันก็ยังต้องมีจุดที่เท่ากับ 0 อยู่ดีแหละครับ เพียงแต่ถ้าแซมปลิ้งกันที่ 44.1 โอกาสที่คลื่นจะหายไปอย่างมากก็ครึ่งลูก(ที่สัญญาณเสียง 20K) แต่ 96K จะหายไปอย่างมาก 1/4ลูก อะไรประมาณนั้นครับ แต่ถ้าความถี่สัญญาณต่ำกว่านั้นเช่น 1K สัญญาณจะหายไปอย่างเก่งก็ 1/44 ลูก ผมว่าไม่น่าจะมีผลกับการรับฟังครับ

ลองมองลูกคลื่น20kHzในช่วง คาบ 1T นะครับ. ที่เฟส 0และ180 องศา ส่วน 96เคจะจับทีเฟสเท่าไร แล้วลองกลับมาดูครับ
อ่านแล้วไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ขอดูภาพปลากรอบดีกว่า
 
ส่วนนี้คุยกับทุกท่านครับ
แต่จากการวัดนะครับ(ขออภัย ผมไม่ค่อยสนทฤษฎีแบบเป๊ะๆ ชอบวัดมากกว่า) nos DAC จะมีอาการคลื่นแหว่งไปเยอะ แต่ก็จะรันไปเรื่อยๆบางลูกแหว่งมากบางลูกแหว่งน้อย แต่อย่างมากก็ครึ่งลูกอย่างที่บอกครับ ส่วน os dac ก็จะไม่แหว่วง(เข้าใจว่ามันพยายามกรองให้เนียนแล้ว) แต่จะมีอาการคลื่นบางลูกเล็กบางลูกใหญ่สลับกันไปเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดเข้าใจว่าที่ต้นทางมันมา 44.1K ซึ่งก็จะแซมเปิลมาแหว่งๆตั้งแต่ต้นทางแล้ว พอถึงปลายทาง จะ nos หรือไม่ nos ก็มี error อยู่ดีน่ะครับ

อ้ออีกอย่างที่พบในการวัดวงจรจริงคือ DAC หลายเบอร์ที่ทดลอง ทั้ง nos(ไม่ใส่ฟิลเตอร์นะครับ) และ os ไม่มีตัวไหนที่ตอบสนองได้ราบเรียบตลอดช่วงความถี่เสียงครับ วัดดูแล้วช่วงปลายๆแถวๆ 18-20K เนี่ยส่วนใหญ่แอมปลิจูดจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ส่วนจะลดมากลดน้อยก็แล้วแต่เบอร์ อย่าง pcm1794 เบอร์นี้ดีหน่อยลดน้อย tda1541 ลดค่อนข้างมาก(ผมดูจากคลื่นลูกที่สูงที่สุดนะครับเพราะมันจะใหญ่เล็กสลับกันไป) และ DAC ใน audigy 2 nx อันนี้จะอยู่กลางๆ
เล่าให้ฟังเพราะคิดว่าตามทฤษฤีแล้วมันไม่ควรจะลดเลยใน os dac แต่ในความจริงมันไม่ใช่น่ะครับ ส่วนจะลดเพราะอะไรอันนี้ไม่ทราบครับ เพราะผมก็วัดสัญญาณที่ออกจากตัว DAC เลยยังไม่ผ่านฟิลเตอร์ข้างนอกและภาคขยายเลยครับ


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
คือถ้ามันดีเทคไม่ได้จุดนั้นก็เท่ากับ 0 แต่พอผ่านไปนิดนึงมันก็จะแซมปลิ้งใหม่ค่าก็จะไม่ใช่ 0 แล้ว และทีนี้ถึงจะแซมปลิ้งกันที่ 96K มันก็ยังต้องมีจุดที่เท่ากับ 0 อยู่ดีแหละครับ เพียงแต่ถ้าแซมปลิ้งกันที่ 44.1 โอกาสที่คลื่นจะหายไปอย่างมากก็ครึ่งลูก(ที่สัญญาณเสียง 20K) แต่ 96K จะหายไปอย่างมาก 1/4ลูก อะไรประมาณนั้นครับ แต่ถ้าความถี่สัญญาณต่ำกว่านั้นเช่น 1K สัญญาณจะหายไปอย่างเก่งก็ 1/44 ลูก ผมว่าไม่น่าจะมีผลกับการรับฟังครับ

ลองมองลูกคลื่น20kHzในช่วง คาบ 1T นะครับ. ที่เฟส 0และ180 องศา ส่วน 96เคจะจับทีเฟสเท่าไร แล้วลองกลับมาดูครับ

พอจะมีรูปตัวอย่างคร่าวๆ มั้ยครับ ไม่งงนะ แต่อาจจะเข้าใจไม่ตรงกันน่ะ ทดลองแล้วจะได้ไม่พลาด
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
คือถ้ามันดีเทคไม่ได้จุดนั้นก็เท่ากับ 0 แต่พอผ่านไปนิดนึงมันก็จะแซมปลิ้งใหม่ค่าก็จะไม่ใช่ 0 แล้ว และทีนี้ถึงจะแซมปลิ้งกันที่ 96K มันก็ยังต้องมีจุดที่เท่ากับ 0 อยู่ดีแหละครับ เพียงแต่ถ้าแซมปลิ้งกันที่ 44.1 โอกาสที่คลื่นจะหายไปอย่างมากก็ครึ่งลูก(ที่สัญญาณเสียง 20K) แต่ 96K จะหายไปอย่างมาก 1/4ลูก อะไรประมาณนั้นครับ แต่ถ้าความถี่สัญญาณต่ำกว่านั้นเช่น 1K สัญญาณจะหายไปอย่างเก่งก็ 1/44 ลูก ผมว่าไม่น่าจะมีผลกับการรับฟังครับ

ลองมองลูกคลื่น20kHzในช่วง คาบ 1T นะครับ. ที่เฟส 0และ180 องศา ส่วน 96เคจะจับทีเฟสเท่าไร แล้วลองกลับมาดูครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม, 2009, 08:58:35 am โดย Era »
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ย้อนกลับไปลิ้งค์นี้ http://www.htg2.net/index.php?topic=55917.msg684411#msg684411 การใช้คำว่า "ในสมองคุณคุณคิดได้เพียงแค่นี้เองเหรอครับ" มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนะ เป็นการไม่ให้เกียรติ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่ดีต่อสังคมของพวกเรา ขออนุญาตเพิกเฉยต่อคำถามใดๆ จากคุณ RF นะครับ เพราะไม่สามารถหาเหตุผลเพียงพอในการตอบคำถามจากคนที่ใช้อักษรแบบนี้ได้ แต่สำหรับ "สุภาพบุรุษ" ท่านอื่น ยินดีสื่อสารด้วยครับ

ออกทะเลไปนานละ เดี๋ยวว่ากันที่การทดลองเลยดีกว่า  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม, 2009, 08:50:56 am โดย nut_ty »
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณเป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาลคงไหว  แต่ถ้าพูดกับเด็กสไตล์นี้รับรองได้ว่าศิษย์คุณโตขึ้นได้เป็นเขาทรายแน่ๆ 2f (ล้อเล่น)

ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D
ขอโทษนะครับคุณ nut_ty ผมงง ย่อหน้าที่สองนี่เกี่ยวกับผมรึเปล่าครับที่คุณว่า คุณอ่านแว๊บๆเจอ อ่านเจอจากที่ไหนครับ ? ของใคร ? ใครเป็นคน post ? ไอ้ที่คุณไปอ่านมานะครับผมว่าไม่ไช่ผม post แน่ถ้าไช่ช่วย copy มาให้ดูหน่อย ?

แต่ก็น่าสนใจนะครับ ที่คุณพูดว่า "อ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ...."
ถามเป็นความรู้หน่อยครับ
1.ฟิลเตอร์ของ Non OS ที่ว่ามันทำงานที่ความถี่สูงทำยังไงครับ ? แล้วมันอยู่ตรงไหนของวงจร Non OS DAC ครับไอ้ตัว filter ที่ว่านี่ ?
ที่คุณบอกว่ามันจะ roll off ที่ความถี่ปลายๆ แล้วคุณก็ยังพูดต่อว่า ซึ่งความถี่ปลายๆนั้นหมายถึง 20kHz เดี๋ยวจะหวด จะทดลอง จะแจกเงินเข้ากองทุน อะไรนั่น
2.ช่วยอธิบาย ความหมายของคำว่า roll off ที่ความถี่ปลายให้หน่อยครับ ?
3.และความถี่ปลายที่ว่า 20KHz คิดเอาเองหรือไปอ่านมาจากไหนครับ ช่วย copy มา post ลงหน่อย?

อ้างถึง
เดี๋ยวผมจะลองกับ Non Oversampling AD1865 ทีมีอยู่ก่อนละกัน รูปคลื่นออกมาเดี๋ยวก็คงถึงบางอ้อเองมั้ง ดีจังที่มีของให้ลองอยู่ในมือ ไม่ต้องไปต่อวงจรในอากาศให้ฝันค้าง แต่ไม่แน่ใจว่าสโคปดิจิตอลของที่ทำงานจะเที่ยงตรงพอรึเปล่ากับความถี่ 20-20000Hz
น่าสนใจมากเลยครับ ผมไม่ไช่พ่อค้านายทุนอะไรหรือมือรับจ้างอะไรที่จะมีของให้เล่นเยอะแยะอย่างพวก Non OS DAC AD1865 ผมอิจฉาคุณ nut_ty จริงๆ ที่ได้มีโอกาศได้ทำต้นแบบมานำเสนอให้เพื่อน อย่างดีผมก็แค่มี DAC PCM1792 AKM4395 ที่เป็น OS ธรรมดาๆ กับ TDA1543 ที่ Mr.TUBE บริจาคมา แถมไม่เคยมีวงจรหรือ ลาย PCB clone จากบริษัทดังๆ ในมือเลย แต่ผมว่าผมก็โชคดีเหมือนกันครับที่ยังมีของธรรมดาๆไว้ให้ลองอยู่ในมือเหมือนกัน  

ผมก็เป็นคนไทยคนนึงที่อยากหัดทำเองอยากออกแบบเองอยากรู้กับสิ่งที่ตัวทำ ก็เลยต้องออกแบบเองแล้วเวลาออกแบบก็เลยต้องคิดในอากาศก่อนแล้วค่อยเอาไปลงกระดาษต่อ โชคดีจังที่ช่วงฝันค้างมันผ่านพ้นไปแล้ว มีของอยู่ในมือเกือบครบแล้ว

ผมว่า scope ที่ทำงานคุณ nut_ty ต้องดีกว่า DPO4104 กับ MSO6104A ตัวเล็กๆๆที่ผมหิ้วใช้ไปมาอยู่แน่ๆ ของที่ผมใช้อยู่เพราะผมดูไม่ออกเลยว่า สัญญาณ sine ที่เห็นมัน pure sine จริงๆรึเปล่า ดูบน time domain ยังไงผมก็ดูไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยใช้ scope ไว้ดูสัญญาณคร่าวๆเท่านั้นนะครับ ผมเองก็ใช้ scope ไม่ค่อยเป็นนะครับ
4.คงต้องขอความรู้คุณ nut_ty หน่อยละครับว่า ไอ้สัญญาณ sine ที่เห็นใน scope นี่มัน sine จริงหรอครับ ดูแล้วรู้เลยเหรอครับว่าเป็น sine จริงๆ ดูยังไงครับ ? ช่วยสอนด้วย

เบื่อ


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915
ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D

อย่าลืมให้เอาแผ่นนั้นแซมปลิ้งมาจาก phase ที่ 0 กับ 180องศานะครับ เพราะมันจะ detect อะไรไม่ได้เลย แล้วปล่อยค่าออกมาเป็น 0 ครับ
คือถ้ามันดีเทคไม่ได้จุดนั้นก็เท่ากับ 0 แต่พอผ่านไปนิดนึงมันก็จะแซมปลิ้งใหม่ค่าก็จะไม่ใช่ 0 แล้ว และทีนี้ถึงจะแซมปลิ้งกันที่ 96K มันก็ยังต้องมีจุดที่เท่ากับ 0 อยู่ดีแหละครับ เพียงแต่ถ้าแซมปลิ้งกันที่ 44.1 โอกาสที่คลื่นจะหายไปอย่างมากก็ครึ่งลูก(ที่สัญญาณเสียง 20K) แต่ 96K จะหายไปอย่างมาก 1/4ลูก อะไรประมาณนั้นครับ แต่ถ้าความถี่สัญญาณต่ำกว่านั้นเช่น 1K สัญญาณจะหายไปอย่างเก่งก็ 1/44 ลูก ผมว่าไม่น่าจะมีผลกับการรับฟังครับ

จากการวัด nos dac ที่ไม่ผ่านการกรองของผมพบว่าคลื่นที่วัดได้มันก็เป็นตามนั้นครับเป็นขั้นๆ คือแหว่งบ้างเว้าบ้างแต่มันก็จะรันต่อๆกันไปไม่ใช่ว่าจะแหว่งจนดูไม่ออกว่าเป็นไซน์ครับ


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D

อย่าลืมให้เอาแผ่นนั้นแซมปลิ้งมาจาก phase ที่ 0 กับ 180องศานะครับ เพราะมันจะ detect อะไรไม่ได้เลย แล้วปล่อยค่าออกมาเป็น 0 ครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย

ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณเป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาลคงไหว  แต่ถ้าพูดกับเด็กสไตล์นี้รับรองได้ว่าศิษย์คุณโตขึ้นได้เป็นเขาทรายแน่ๆ 2f (ล้อเล่น)

ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D



ในความคิดผมคือมันแล้วแต่ฟิลเตอร์ที่ใช่จะจัดวงจรให้ตัดที่ความถี่เท่าไร ถ้าตัดโหดๆก็เนียนมากแต่ 20K คงโดนกระทบไปด้วย แต่ถ้าตั้งไปตัดสูงๆแถวๆ 44K ขึ้นไปอันนี้ก็กระทบน้อยหน่อย
อย่าว่าแต่ nos DAC เลยครับ os DAC pcm1794 ที่มันมีให้เลือก filter แบบ sharp กับแบบ slow ผมลองต่อแล้วเอาสโคปวัด ถ้าตั้งแบบ sharp รูปคลื่นแถวๆปลาย 20K ยังมีผลเลยครับ(ผลยังไงจำไม่ได้พอดีทดลองมาเกือบปีแล้ว ตอนนั้นสงสัยว่าจะเลือกใช้ฟิลเตอรแบบ sharp หรือ slow ดีเลยลองทำดู)

เดี๋ยวผมจะลองกับ Non Oversampling AD1865 ทีมีอยู่ก่อนละกัน รูปคลื่นออกมาเดี๋ยวก็คงถึงบางอ้อเองมั้ง ดีจังที่มีของให้ลองอยู่ในมือ ไม่ต้องไปต่อวงจรในอากาศให้ฝันค้าง แต่ไม่แน่ใจว่าสโคปดิจิตอลของที่ทำงานจะเที่ยงตรงพอรึเปล่ากับความถี่ 20-20000Hz  ;D
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915

ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณเป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาลคงไหว  แต่ถ้าพูดกับเด็กสไตล์นี้รับรองได้ว่าศิษย์คุณโตขึ้นได้เป็นเขาทรายแน่ๆ 2f (ล้อเล่น)

ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D



ในความคิดผมคือมันแล้วแต่ฟิลเตอร์ที่ใช่จะจัดวงจรให้ตัดที่ความถี่เท่าไร ถ้าตัดโหดๆก็เนียนมากแต่ 20K คงโดนกระทบไปด้วย แต่ถ้าตั้งไปตัดสูงๆแถวๆ 44K ขึ้นไปอันนี้ก็กระทบน้อยหน่อย
อย่าว่าแต่ nos DAC เลยครับ os DAC pcm1794 ที่มันมีให้เลือก filter แบบ sharp กับแบบ slow ผมลองต่อแล้วเอาสโคปวัด ถ้าตั้งแบบ sharp รูปคลื่นแถวๆปลาย 20K ยังมีผลเลยครับ(ผลยังไงจำไม่ได้พอดีทดลองมาเกือบปีแล้ว ตอนนั้นสงสัยว่าจะเลือกใช้ฟิลเตอรแบบ sharp หรือ slow ดีเลยลองทำดู)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 09:56:18 pm โดย nopphong »


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ
จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกว่ากระทู้มันจะออกมาแนวไหนตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของกระทู้แล้ว  ;) แต่ก็อดมาแจมไม่ได้ บางส่วนได้ความรู้ดีครับ บางส่วนก็เหมือนเกทับความรู้กันไปมาแบบที่ว่า อ่านแล้วปวดหัวมากกว่าจะดี

คุณ nopphong ครับ  

1. ประโยคไหนของผมในกระทู้ที่แสดงเจตนาว่าตั้งขึ้นมาหาเรื่อง ??? ช่วย copy มา post ให้ดูหน่อย หรือนั้นเป็นความคิดที่แสดงออกมาจากจิตของคุณเอง
2. คุณมีประโยคอะไรที่อธิบายที่มันเป็นสาระในนี้บ้างมั๊ยครับ ช่วย post มาให้ดูหน่อย ???
ถ้าคุณมีอคติกับคนตั้งกระทู้ ก็เก็บไว้คนเดียวก็ได้ครับ
3. มีประโยคไหนที่ผมหาเรื่องคุณ nopphong บ้างมั๊ยครับในกระทู้นี้ ช่วย copy มาให้ดูที ???


หลังจากผม post รูปลงไป คุณก็บอกเองว่าคุณไม่รู้เรื่อง http://www.htg2.net/index.php?topic=55917.msg680277#msg680277
แล้วจะมาโวยวายอะไรอีกครับ คุณบอกคุณอ่านของผมไม่รู้เรื่อง ในทางกลับกันผมก็อ่านของคุณไม่รู้เรื่อง แต่ที่น่าแปลงใจ Mr.TUBE อ่านของผมรู้เรื่อง

ผมไม่ได้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเองนะครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจเรื่อง audio DAC ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น พอผมมาศึกษาผมก็มา share ความรู้ที่ได้ให้เพื่อนๆคนอื่นที่เขาอยากรู้อยากฟังๆ แล้วผมก็อ้างอิงจาก application note ของผู้ผลิต

สร้างสรรค์มากเลยนะครับ คุณ nopphong ที่มาพูดพาดพิงแบบนี้ เมื่อไหร่คุณจะหยุดสนใจที่ตัวบุคคลแล้วหันไปสนใจที่เนื้อหาสาระที่เขาพูดออกมาซะทีครับ
ช่วยตอบคำถาม 3 ข้อข้างบนด้วยครับ copy เอามาแสดงเป็นหลักฐานหน่อยครับ


สมมติว่าไม่มีใครถาม ไม่มีใครตอบ ก็คงไม่มีข้อขัดแย้ง ทีนี้หัวใจอยู่ที่ว่าจะถามไปทำไม หรือ จะตอบให้เสียน้ำใจทำไม ถ้าอายุเกิน 18 แล้วก็ลองพิจารณาดูครับ ท่านอาจารย์ทั้งหลาย  :-X

คุณ nut_ty ครับ ประเด็นข้อความล่าสุดที่ผม post ไปก่อนนี้ คือ มันลามออกไปนอกเรื่องเนื้อหาสาระที่ผมได้ขอร้องไว้บนหัวกระทู้ที่ตั้ง
หากขัดแย้งกันในเนื้อหาสาระก็ไม่เป็นไร แต่มีคนบางประเภทพยายามนำพาออกไปนอกเรื่องและลามไปถึงตัวบุคคลซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาสาระที่ต้องการคุยกัน ผมไม่เห็นคนประเภทนั้นจะมีคำโต้แย้งในเนื้อหาที่ผมได้ post ลงไป มีแต่จะพาไปเรื่องอื่นซึ่งมันออกไปนอกขอบเขตของประเด็นและจุดประสงค์ของกระทู้นี้ ทีสำคัญอยากให้ทุกคนเข้าใจไว้เลยว่าผมไม่ไช่อาจารย์

ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณเป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาลคงไหว  แต่ถ้าพูดกับเด็กสไตล์นี้รับรองได้ว่าศิษย์คุณโตขึ้นได้เป็นเขาทรายแน่ๆ 2f (ล้อเล่น)

ตะกี้ผมอ่านแว้บๆ เห็นว่าเวลาฟิลเตอร์ของ Non Oversampling มันทำงานที่ความถี่สูง มันจะโรลออฟความถี่ปลายๆ ด้วยใช่มั้ย ซึ่งถ้าความถี่ปลายๆ นั้นหมายถึง 20KHz เดี๋ยวจะหวดให้เต็มไม้เรียวเลย ทดลองง่ายๆ ใช้แผ่นของ Alan Parson ปล่อยความถี่ 20Khz ออกมาเทียบกับ Oversampling ถ้าความถี่สูงที่ว่าตกไปแม้แต่ 0.5dB จะยอมบริจาคเงินเข้ากองทุนเรียนทุกวันแต่ขาดแคนความรู้เลยเอ้า... :D

นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ 0

  • ****
    • กระทู้: 303
    • เพศ:ชาย
    • http://cedgroup.tarad.com/
มาให้กำลังใจทุกท่านครับ  :) :) เพื่อจะได้ต่อเติมเสริมยอดความรู้ และ ไม่รู้  :) :) อยากอ่านที่ผู้รู้ถกกันครับ สนุกดี  :) :) ;)
ลิ้งสถานที่ติดต่อครับ http://www.htg2.net/index.php?topic=25150.msg277662#msg277662

http://cedgroup.tarad.com/


ออฟไลน์ Artafact

  • ****
    • กระทู้: 330
 ;D ;D ถ้าความเห็น ที่ผมได้โพสไว้ เป็น เหตุอันทำให้มีปัญหา ตามมา ก็ขออภัยนะครับ สำหรับ ผมกับ คุณ RF นั้นโดยส่วนตัว พบ ปะ กันประจำอยู่แล้ว เค้าเองก็รู้ว่าผมนั้นเน้นสาย ปฏิบัติงาน เป็นหลักครับ ส่วนเรื่องที่โพสไว้เพียงอยากให้มีการกำหนดทิศทาง ให้ความกระจ่างกันตามที่โพสไว้เพราะเข้ามาอ่านเมื่อใด ก็เห็นไม่จบทางวิชาการกันสักที
ผมรู้ สึกอย่างที่โพสไว้จริง  ๆ ครับเหมือนการ เกทับ กันไปมา จริง ๆ จับประเด็นไม่ได้ แยก องค์ความรู้ไม่ออก ทั้ง ๆ ที่แต่ละท่าน นั้นพยามที่จะเอาข้อมูลทางวิชาการมาชี้แจง แต่พอถึงจุดหนึ่ง ก็มีอันเงียบหายไปไม่ต่อเนื่องกันอีก ตามที่เหตุผล ของแต่ละท่าน ผมเองหน้าใหม่ของที่นี่ ก็อยากร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แต่อาจใช้ภาษาที่ไม่สลวยเท่าไหร่ จริง ๆ ก็คิดว่า สักพัก น่าจะมีการทดลอง ทดสอบ เพื่อ พิสูจน์ ทฤษฏี ที่ถกกัน ให้เห็นผลแต่กลับ เกิด วิชาการใหม่ ๆ เข้ามาต่ออีก เข้าใจนะครับ ว่าเรื่องเสียงเป็นเรื่อง ส่วนบุคคล แต่ยังไงก็ตามแทบไม่มีใครในนี้ที่ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเครื่องเสียงเลย คิดว่า พี่สมาชิก บางท่าน คงคิดเหมือนผมว่า แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ นำ วิชาการที่ได้คุยกัน มาทดสอบเสียที จึงเกิด ประเด็น ของจริง กับ ทฤษฏีที่แบ่งแยกอย่างนี้ ลองมานับหนึ่งกันใหม่ละกันนะครับ เริ่มจาก ADC จนไปถึง DAC ที่อยากจะโพสก็โพสไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจึงอยากออกมาแสดงความรับผิดชอบในทุก ๆ คำพูดครับ หวังว่าคราวนี้คงเคลียร์ สิ่งที่ค้างคากันไปบ้างนะครับ .... ถ้าเริ่มทดสอบกันจะเข้ามาร่วมแจมครับ


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
ก็ยังอุตส่าลงทิ้งท้ายไว้ ก็ดีครับที่อุตส่าหวังดีเตือนเพื่อนสมาชิกท่านอื่นที่ยังไม่รู้

ผมก็ได้ลองสังเกตุสำรวจดูตัวเองหลายครั้งครับว่า ผมเคยมีปัญหากับใครในนี้บ้างมั๊ย เท่าที่รู้ก็มีแต่คุณ
กับ Mr.TUBE เจอกันครั้งแรกผมก็ฉะกับแกด้วยเหตุผลแต่ทำไมในทางกลับกันระหว่างผมกับคุณมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
เบื่อ


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915
เอ่อ ขออภัยครับ ผมผิดเอง
ข้อ 1 ผมผิดจริงๆน่ะเแหละ ใช้คำผิดไปครับ กะจะบอกว่ากระทู้นี้ตั้งขึ้นแล้วมีเรื่องแน่ๆ เท่านั้นแหละครับ
ส่วนข้อ 2 กับสามก็แล้วแต่คุณ rf จะคิดแหละครับ ตามสบาย ไม่อยากเถียงให้เสียบรรยากาศ

จริงๆกระทู้นี้ท่านที่โดนเห็นจะเป็น nut_ty ผมไม่เกี่ยว แค่รู้สึกแหม่งๆกับลักษณะของกระทู้ตามที่ท่าน Artafact คอมเม้นไว้เท่านั้นครับ

และแค่อยากเตือนท่านที่ยังไม่รู้สไตล์ของคุณ RF ว่าให้ทำใจร่มๆไว้หน่อยไม่งั้นจะเถียงกันยาว..เพราะผมเคยมาแล้ว

เชิญถกกันต่อไปเถอะครับ ผมมันไร้สาระเอง อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 06:47:06 pm โดย nopphong »


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ผมไม่เกี่ยวนะครับ แต่ในฐานะ นักวิชาการคนหนึ่งที่ไม่ใช่ ทางวิศวกรรม นะครับ

1)เราจะ Comment เฉพาะตัวงานครับ ไม่ Comment บุคคล
2)เราจะใช้ ศัพท์ ทางวิชาการในด้านนั้นๆ ครับ ไม่ใช้ ศัพท์ทั่วๆไป เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ด้านภาษา ยิ่งคนฟังกลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว
3)เราจะโต้ตอบกันโดย กฏ,ทฤษฎี,เหตุผล,ความน่าจะเป็น ในการอธิบายเรื่องต่างๆครับ
4)สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยคือสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยครับ ไม่ใช่ สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยคือสิ่งที่ผิดครับ

ส่วนตัวไม่มี ความรู้เรื่อง DAC แต่ อ่านๆเห็น เพื่อนๆ น้องๆ ชักมีอารมณ์กัน เลยอยากให้เป็น บรรยากาศ วิชาการดีกว่านะครับ :headphone


ออฟไลน์ Mc

  • Admin
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 10,323
    • เพศ:ชาย
  • ไม่ได้แสวงหาความเป็นที่สุด แต่หยุดที่ความพอใจ
จริง ๆ แล้ว ผมว่า ...... อย่า ตื๊บ กันนะ

หัวข้อ กระทู้ถามว่า

ทำไมต้อง OVER SAMPLING ? ? ?

คำตอบ ก็น่า จะไปในแนวที่ว่า  OVER SAMPLING เพื่ออะไร ทำแล้ว ผล (ทางเทคนิค) เป็นอย่างไร และ ผล (ทางเทคนิค) ต่างจาก ไม่ OVER SAMPLING อย่างไร

ส่วน ผลทางเสียง เป็นเรื่องของความพอใจ ของ แต่ละคน มากกว่า

แบ่งปันความรู้กันน่ะดีแล้ว ... อย่าให้มากกว่านี้เลย

<a href="http://www.clocklink.com/clocks/5012-black.swf?TimeZone=ICT&amp;&quot;&nbsp; width=&quot;91&quot; height=&quot;30&quot; wmode=&quot;transparent&quot; type=&quot;application/x-shockwave" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.clocklink.com/clocks/5012-black.swf?TimeZone=ICT&amp;&quot;&nbsp; width=&quot;91&quot; height=&quot;30&quot; wmode=&quot;transparent&quot; type=&quot;application/x-shockwave</a>


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
1. มิได้ครับ กระทู้นี้ไม่ได้ตัง้ขึ้นเพื่อหาเรื่อง ผมเข้าใจในเจตนาของคุณ rflover ในการตั้งกระทู้ว่าดี แต่เนื่องจากตัวบุคคล และลักษณะในการตอบคำถาม ผมคิดไว้ในใจแล้วว่ากระทู้นี้มีเรื่องแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดมีเรื่องจริงๆด้วย (มีเรื่องมาตลอดทางเลยครับ ท่านที่อ่านดูก็จะรู้ ท่านนั้นโดนที ท่านนี้โดนที)

คุณ nopphong พูดก่อนหน้านี้ว่า "เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ"
ตอนนี้ก็มากลับคำบอกว่า " มิได้ครับ กระทู้นี้ไม่ได้ตัง้ขึ้นเพื่อหาเรื่อง" ตกลง อะไรกันแน่คำกลับคพูดไปมา

ไหนครับไอ้ที่คุณว่าท่านคนนี้โดนที ท่านนั้นโดนที ไหน copy ให้ดูหน่อย ประโยคไหนของผมที่ไประรานคนอื่น ??? ช่วยกรุณา copy เอามา post ลงให้ดูหน่อย อันไหนบ้าง ???

อ้างถึง
2. โอเคที่ผมโพสมามันไม่มีสาระมั้ง ผิดมั่งถูกมั่งคุณก็เลยไม่เห็น ไม่เป็นไรครับไม่ว่ากัน
คุณตอบอะไรมา คนอื่นก็เหมือนกัน ผมยังไม่เคยไปว่าอะไร ถ้ามีเอามา post ให้ดูหน่อยครับ เท่าที่ผมเห็นคุณเป็นคนเริ่มต้นกับผมทั้งนั้น ช่วย copy มาให้ดูหน่อยเถอะครับผมหาไม่เจอจริงๆ

อ้างถึง
3. เปล่าครับ คุณ RF ไม่ได้หาเรื่องผมเลยในกระทู้นี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ลักษณะการตอบ ลักษณะการล่อให้คนมาปล่อยไก่ แล้วค่อยมาเกทับว่าข้ารู้เยอะกว่า อันนี้ค่อนข้างทำให้กระทู้เดือด ซึ่งผมไม่เดือดนะครับแต่แนวกระทู้มันเดือดมากับหลายๆท่านจริงๆ

ขออภัยที่ทำกระทู้ออกนอกเรื่องนะครับ เพียงแต่โพสเพื่อเตือนใจท่านอื่นๆว่าอย่าเดือดตามแรงกระตุ้นของข้อความมากนัก ถ้าความรู้ไม่แน่นอย่าแหยมเข้ามา เพราะผมพอรู้สไตล์การตอบของท่านเจ้าของกระทู้ดีครับ ว่าความรู้ดีแต่แนวการตอบจะออกแนวโหดๆหน่อย ถ้าเต้นตามเกมกระทู้ก็จะเดือดอยู่เรื่อยๆครับ
ในสมองคุณคุณคิดได้เพียงแค่นี้เองเหรอครับ
เบื่อ


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915

ผู้ผลิต หรือ นัก DIY บางท่านเคยเขียนให้อ่านไว้ว่า Oversampling จะให้ไดนามิกของเสียงที่สูงกว่า ความถี่สูงๆ ดีกว่า มันมีหลักฐานอันใดประกอบได้บ้างครับ เช่น Non Oversampling จะ Lost กี่ dB ที่ความถี่สูง สูงเท่าไหร่ หรือ Oversampling ความถี่สูงดีมาก ดีแค่ไหน คำนวณ หรือ ดูจากวงจรใดได้

เข้าใจจากที่ท่านทั้งหลายบอกมาคือ DAC OS ความถี่พาหะ(ผมเรียกมั่วๆอย่างนี้ละกันง่ายดี) มันจะสูงฟิลเตอร์กรองก็ทำงานที่ความถี่สูง roll off ของความถี่เสียงด้านความถี่สูงก็เลยไม่โดนกระทบไปด้วย เสียงสูงก็เลยดีกว่า
ส่วน DAC NOS ฟิลเตอร์ต้องทำงานใกล้ความถี่เสียง มันก็เลยมาตัดเอาปลายๆความถี่เสียงออกไปด้วย แหลมก็เลยสู้ไม่ได้
ส่วน DAC Nos สไตล์ผม คือ ในเมื่อความถี่พาหะมันสูงเกินกว่าหูจะได้ยินแล้ว จะกรองออกทำไม ปล่อยให้มันกรองตามธรรมชาติของแอมป์ที่ใช้ดีกว่า แหลมก็เลยไม่หด แต่รูปคลื่นจะมีพาหะรบกวนอยู่ มันดูไม่สวยในสโคป และอาจจะทำให้แอมป์ที่ตอบสนองความถี่สูงได้ดีๆต้องทำงานหนักขึ้นครับ (แต่ผมคิดว่า tweeter ไม่น่าจะพัง เพราะถ้าเทียบขนาดแล้วตัวสัญญาณรบกวนความถี่สูงที่เกาะติดมา มีขนาดเล็กกว่าสัญญาณเสียงมาก)

ปล.อย่าเชื่อผมคำตอบผมมันไม่มีสาระ  ;D
ปล.2 เอาไก่มาลองปล่อยดูเล่นอีกสักตัว ดูสิคราวนี้จะโดนอะไร


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915

คุณ nopphong ครับ  

1. ประโยคไหนของผมในกระทู้ที่แสดงเจตนาว่าตั้งขึ้นมาหาเรื่อง ??? ช่วย copy มา post ให้ดูหน่อย หรือนั้นเป็นความคิดที่แสดงออกมาจากจิตของคุณเอง
2. คุณมีประโยคอะไรที่อธิบายที่มันเป็นสาระในนี้บ้างมั๊ยครับ ช่วย post มาให้ดูหน่อย ???
ถ้าคุณมีอคติกับคนตั้งกระทู้ ก็เก็บไว้คนเดียวก็ได้ครับ
3. มีประโยคไหนที่ผมหาเรื่องคุณ nopphong บ้างมั๊ยครับในกระทู้นี้ ช่วย copy มาให้ดูที ???



1. มิได้ครับ กระทู้นี้ไม่ได้ตัง้ขึ้นเพื่อหาเรื่อง ผมเข้าใจในเจตนาของคุณ rflover ในการตั้งกระทู้ว่าดี แต่เนื่องจากตัวบุคคล และลักษณะในการตอบคำถาม ผมคิดไว้ในใจแล้วว่ากระทู้นี้มีเรื่องแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดมีเรื่องจริงๆด้วย (มีเรื่องมาตลอดทางเลยครับ ท่านที่อ่านดูก็จะรู้ ท่านนั้นโดนที ท่านนี้โดนที)
2. โอเคที่ผมโพสมามันไม่มีสาระมั้ง ผิดมั่งถูกมั่งคุณก็เลยไม่เห็น ไม่เป็นไรครับไม่ว่ากัน
3. เปล่าครับ คุณ RF ไม่ได้หาเรื่องผมเลยในกระทู้นี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ลักษณะการตอบ ลักษณะการล่อให้คนมาปล่อยไก่ แล้วค่อยมาเกทับว่าข้ารู้เยอะกว่า อันนี้ค่อนข้างทำให้กระทู้เดือด ซึ่งผมไม่เดือดนะครับแต่แนวกระทู้มันเดือดมากับหลายๆท่านจริงๆ

ขออภัยที่ทำกระทู้ออกนอกเรื่องนะครับ เพียงแต่โพสเพื่อเตือนใจท่านอื่นๆว่าอย่าเดือดตามแรงกระตุ้นของข้อความมากนัก ถ้าความรู้ไม่แน่นอย่าแหยมเข้ามา เพราะผมพอรู้สไตล์การตอบของท่านเจ้าของกระทู้ดีครับ ว่าความรู้ดีแต่แนวการตอบจะออกแนวโหดๆหน่อย ถ้าเต้นตามเกมกระทู้ก็จะเดือดอยู่เรื่อยๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 04:18:09 pm โดย nopphong »


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ
จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกว่ากระทู้มันจะออกมาแนวไหนตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของกระทู้แล้ว  ;) แต่ก็อดมาแจมไม่ได้ บางส่วนได้ความรู้ดีครับ บางส่วนก็เหมือนเกทับความรู้กันไปมาแบบที่ว่า อ่านแล้วปวดหัวมากกว่าจะดี

คุณ nopphong ครับ  

1. ประโยคไหนของผมในกระทู้ที่แสดงเจตนาว่าตั้งขึ้นมาหาเรื่อง ??? ช่วย copy มา post ให้ดูหน่อย หรือนั้นเป็นความคิดที่แสดงออกมาจากจิตของคุณเอง
2. คุณมีประโยคอะไรที่อธิบายที่มันเป็นสาระในนี้บ้างมั๊ยครับ ช่วย post มาให้ดูหน่อย ???
ถ้าคุณมีอคติกับคนตั้งกระทู้ ก็เก็บไว้คนเดียวก็ได้ครับ
3. มีประโยคไหนที่ผมหาเรื่องคุณ nopphong บ้างมั๊ยครับในกระทู้นี้ ช่วย copy มาให้ดูที ???


หลังจากผม post รูปลงไป คุณก็บอกเองว่าคุณไม่รู้เรื่อง http://www.htg2.net/index.php?topic=55917.msg680277#msg680277
แล้วจะมาโวยวายอะไรอีกครับ คุณบอกคุณอ่านของผมไม่รู้เรื่อง ในทางกลับกันผมก็อ่านของคุณไม่รู้เรื่อง แต่ที่น่าแปลงใจ Mr.TUBE อ่านของผมรู้เรื่อง

ผมไม่ได้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเองนะครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจเรื่อง audio DAC ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น พอผมมาศึกษาผมก็มา share ความรู้ที่ได้ให้เพื่อนๆคนอื่นที่เขาอยากรู้อยากฟังๆ แล้วผมก็อ้างอิงจาก application note ของผู้ผลิต

สร้างสรรค์มากเลยนะครับ คุณ nopphong ที่มาพูดพาดพิงแบบนี้ เมื่อไหร่คุณจะหยุดสนใจที่ตัวบุคคลแล้วหันไปสนใจที่เนื้อหาสาระที่เขาพูดออกมาซะทีครับ
ช่วยตอบคำถาม 3 ข้อข้างบนด้วยครับ copy เอามาแสดงเป็นหลักฐานหน่อยครับ


สมมติว่าไม่มีใครถาม ไม่มีใครตอบ ก็คงไม่มีข้อขัดแย้ง ทีนี้หัวใจอยู่ที่ว่าจะถามไปทำไม หรือ จะตอบให้เสียน้ำใจทำไม ถ้าอายุเกิน 18 แล้วก็ลองพิจารณาดูครับ ท่านอาจารย์ทั้งหลาย  :-X

คุณ nut_ty ครับ ประเด็นข้อความล่าสุดที่ผม post ไปก่อนนี้ คือ มันลามออกไปนอกเรื่องเนื้อหาสาระที่ผมได้ขอร้องไว้บนหัวกระทู้ที่ตั้ง
หากขัดแย้งกันในเนื้อหาสาระก็ไม่เป็นไร แต่มีคนบางประเภทพยายามนำพาออกไปนอกเรื่องและลามไปถึงตัวบุคคลซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาสาระที่ต้องการคุยกัน ผมไม่เห็นคนประเภทนั้นจะมีคำโต้แย้งในเนื้อหาที่ผมได้ post ลงไป มีแต่จะพาไปเรื่องอื่นซึ่งมันออกไปนอกขอบเขตของประเด็นและจุดประสงค์ของกระทู้นี้ ทีสำคัญอยากให้ทุกคนเข้าใจไว้เลยว่าผมไม่ไช่อาจารย์
เบื่อ


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย


ผู้ผลิต หรือ นัก DIY บางท่านเคยเขียนให้อ่านไว้ว่า Oversampling จะให้ไดนามิกของเสียงที่สูงกว่า ความถี่สูงๆ ดีกว่า มันมีหลักฐานอันใดประกอบได้บ้างครับ เช่น Non Oversampling จะ Lost กี่ dB ที่ความถี่สูง สูงเท่าไหร่ หรือ Oversampling ความถี่สูงดีมาก ดีแค่ไหน คำนวณ หรือ ดูจากวงจรใดได้

Block Diagram ไม่ใช่คำตอบที่ดีเลย มันแค่ทำให้รู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรเท่านั้น เอาไปแก้ปัญหาไม่ได้ เท่าที่เห็นมา มีแต่ Block Diagram ทั้งนั้น รูปธรรม คือ วงจร, PCB และ การทดลอง ผมก็ไม่ได้เหมารวมว่า Block Diagram ไม่ดีนะ แต่มันคือ Flowchart ที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจเดียวกันเท่านั้นเอง ส่วนจะใช้ภาษาอันใดมาเขียนก็สุดแล้วแต่ศิลปะในตัวตน  :)
เรื่องนี้ผมมีความคิดตามkusunokiเลยครับ ว่า oversampling เป็นการสังเคราะห์มาไม่ใช่ข้อมูลจริงครับ non oversampling จะ lost ที่เท่าไรนั้นผมจำไม่ได้ แต่ลองพิจารณาที่ K.PiniJ ได้แสดงตัวอย่างไว้นะครับ ผมว่าให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากครับ

แต่ถ้าจะบอกว่า OS แล้วเป็นการ shift  ความถี่ sampling ไม่ให้มากวนข้อมูลหลัก อันนี้ก็ไม่ผิดครับ ลองพิจารณาเป็นเรื่องๆไปนะครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ผมพอจะนึกอะไรออกแล้วล่ะ การบันทึกสัญญาณลงแผ่น CD มันเป็นรูปแบบดิจิตอลใช่ไหม ดังนั้นสัญญาณดิจิตอลที่ใส่เข้าไป ต้องนำมาถอดรหัสเป็นไซน์เวฟสินะ มันไม่ได้เป็นไซน์เวฟตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น Non Oversampling จึงมาเข้าทางจุดต้นกำเนิดไงล่ะ ส่วนไอ้เรื่องเหมือนต้นฉบับมั้ยตอบได้เลยว่าไม่มีทาง

ดังนั้นคำตอบของผมน่าจะเป็นแบบนี้ครับ คือ "ไม่มีไซน์มาตั้งแต่แรกแล้ว" เพราะมันไม่ใช่อนาล็อก เหมือนกับเทปโอเพ่นรีล, แผ่นเสียง คนที่คิด Non Oversampling คงคิดได้มากกว่านี้ แต่ให้เราลองทำแล้วเข้าใจเองกระมัง  ;D

ลองอ่านที่ผมตอบไว้ตั้งแต่#53นะครับ มันมีองค์ประกอบของคลื่นไซน์หลายความถี่ครับ เพียงแต่เราต้องมากรองออกครับ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความผิดพลาดตั้งแต่ที่มันตั้งค่าไว้ที่ 44.1KHz แล้วครับ ความละเอียดน้อยเกินไป จนเราต้องมาแก้กันที่ปลายเหตุด้วยการ over samplingนี่ละครับ
แต่ ยังไงมันก็คงสู้เทปopen reel หรือ แผ่นเสียง ที่มีสภาพสมบูรณ์ได้ยากจริงๆครับ
หลักๆที่kusunoki กล่าวไว้ก็คือ ข้อมูลที่oversampling ใส่ลงไปนั้นเป็นข้อมูลสังเคราะห์ ไม่ใช่ต้นฉบับครับ

ผู้ผลิต หรือ นัก DIY บางท่านเคยเขียนให้อ่านไว้ว่า Oversampling จะให้ไดนามิกของเสียงที่สูงกว่า ความถี่สูงๆ ดีกว่า มันมีหลักฐานอันใดประกอบได้บ้างครับ เช่น Non Oversampling จะ Lost กี่ dB ที่ความถี่สูง สูงเท่าไหร่ หรือ Oversampling ความถี่สูงดีมาก ดีแค่ไหน คำนวณ หรือ ดูจากวงจรใดได้

Block Diagram ไม่ใช่คำตอบที่ดีเลย มันแค่ทำให้รู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรเท่านั้น เอาไปแก้ปัญหาไม่ได้ เท่าที่เห็นมา มีแต่ Block Diagram ทั้งนั้น รูปธรรม คือ วงจร, PCB และ การทดลอง ผมก็ไม่ได้เหมารวมว่า Block Diagram ไม่ดีนะ แต่มันคือ Flowchart ที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจเดียวกันเท่านั้นเอง ส่วนจะใช้ภาษาอันใดมาเขียนก็สุดแล้วแต่ศิลปะในตัวตน  :)
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
ผมพอจะนึกอะไรออกแล้วล่ะ การบันทึกสัญญาณลงแผ่น CD มันเป็นรูปแบบดิจิตอลใช่ไหม ดังนั้นสัญญาณดิจิตอลที่ใส่เข้าไป ต้องนำมาถอดรหัสเป็นไซน์เวฟสินะ มันไม่ได้เป็นไซน์เวฟตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น Non Oversampling จึงมาเข้าทางจุดต้นกำเนิดไงล่ะ ส่วนไอ้เรื่องเหมือนต้นฉบับมั้ยตอบได้เลยว่าไม่มีทาง

ดังนั้นคำตอบของผมน่าจะเป็นแบบนี้ครับ คือ "ไม่มีไซน์มาตั้งแต่แรกแล้ว" เพราะมันไม่ใช่อนาล็อก เหมือนกับเทปโอเพ่นรีล, แผ่นเสียง คนที่คิด Non Oversampling คงคิดได้มากกว่านี้ แต่ให้เราลองทำแล้วเข้าใจเองกระมัง  ;D

ลองอ่านที่ผมตอบไว้ตั้งแต่#53นะครับ มันมีองค์ประกอบของคลื่นไซน์หลายความถี่ครับ เพียงแต่เราต้องมากรองออกครับ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความผิดพลาดตั้งแต่ที่มันตั้งค่าไว้ที่ 44.1KHz แล้วครับ ความละเอียดน้อยเกินไป จนเราต้องมาแก้กันที่ปลายเหตุด้วยการ over samplingนี่ละครับ
แต่ ยังไงมันก็คงสู้เทปopen reel หรือ แผ่นเสียง ที่มีสภาพสมบูรณ์ได้ยากจริงๆครับ
หลักๆที่kusunoki กล่าวไว้ก็คือ ข้อมูลที่oversampling ใส่ลงไปนั้นเป็นข้อมูลสังเคราะห์ ไม่ใช่ต้นฉบับครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 02:49:06 pm โดย Era »
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ
จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกว่ากระทู้มันจะออกมาแนวไหนตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของกระทู้แล้ว  ;) แต่ก็อดมาแจมไม่ได้ บางส่วนได้ความรู้ดีครับ บางส่วนก็เหมือนเกทับความรู้กันไปมาแบบที่ว่า อ่านแล้วปวดหัวมากกว่าจะดี

คุณ nopphong ครับ  

1. ประโยคไหนของผมในกระทู้ที่แสดงเจตนาว่าตั้งขึ้นมาหาเรื่อง ??? ช่วย copy มา post ให้ดูหน่อย หรือนั้นเป็นความคิดที่แสดงออกมาจากจิตของคุณเอง
2. คุณมีประโยคอะไรที่อธิบายที่มันเป็นสาระในนี้บ้างมั๊ยครับ ช่วย post มาให้ดูหน่อย ???
ถ้าคุณมีอคติกับคนตั้งกระทู้ ก็เก็บไว้คนเดียวก็ได้ครับ
3. มีประโยคไหนที่ผมหาเรื่องคุณ nopphong บ้างมั๊ยครับในกระทู้นี้ ช่วย copy มาให้ดูที ???


หลังจากผม post รูปลงไป คุณก็บอกเองว่าคุณไม่รู้เรื่อง http://www.htg2.net/index.php?topic=55917.msg680277#msg680277
แล้วจะมาโวยวายอะไรอีกครับ คุณบอกคุณอ่านของผมไม่รู้เรื่อง ในทางกลับกันผมก็อ่านของคุณไม่รู้เรื่อง แต่ที่น่าแปลงใจ Mr.TUBE อ่านของผมรู้เรื่อง

ผมไม่ได้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเองนะครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจเรื่อง audio DAC ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น พอผมมาศึกษาผมก็มา share ความรู้ที่ได้ให้เพื่อนๆคนอื่นที่เขาอยากรู้อยากฟังๆ แล้วผมก็อ้างอิงจาก application note ของผู้ผลิต

สร้างสรรค์มากเลยนะครับ คุณ nopphong ที่มาพูดพาดพิงแบบนี้ เมื่อไหร่คุณจะหยุดสนใจที่ตัวบุคคลแล้วหันไปสนใจที่เนื้อหาสาระที่เขาพูดออกมาซะทีครับ
ช่วยตอบคำถาม 3 ข้อข้างบนด้วยครับ copy เอามาแสดงเป็นหลักฐานหน่อยครับ


สมมติว่าไม่มีใครถาม ไม่มีใครตอบ ก็คงไม่มีข้อขัดแย้ง ทีนี้หัวใจอยู่ที่ว่าจะถามไปทำไม หรือ จะตอบให้เสียน้ำใจทำไม ถ้าอายุเกิน 18 แล้วก็ลองพิจารณาดูครับ ท่านอาจารย์ทั้งหลาย  :-X
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ผมพอจะนึกอะไรออกแล้วล่ะ การบันทึกสัญญาณลงแผ่น CD มันเป็นรูปแบบดิจิตอลใช่ไหม ดังนั้นสัญญาณดิจิตอลที่ใส่เข้าไป ต้องนำมาถอดรหัสเป็นไซน์เวฟสินะ มันไม่ได้เป็นไซน์เวฟตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น Non Oversampling จึงมาเข้าทางจุดต้นกำเนิดไงล่ะ ส่วนไอ้เรื่องเหมือนต้นฉบับมั้ยตอบได้เลยว่าไม่มีทาง

อย่างที่เคยให้ลิ้งค์นี้ไป http://www.mother-of-tone.com/creation.htm คงมีเหตุผลที่เขาต้องทำให้ A/D เป็นแบบ Non Oversampling ทั้งๆ ที่กระบวนการ A/D จากเสียงอนาล็อกมาเป็นสัญญาณดิจิตอลมีแบบไฮเทคตั้งมากมายให้สรรหามาใช้กัน (เว้นเสียแต่ว่าอยากสร้างเอกสักษณ์ในสินค้าเพื่อการขาย)

ดังนั้นคำตอบของผมน่าจะเป็นแบบนี้ครับ คือ "ไม่มีไซน์มาตั้งแต่แรกแล้ว" เพราะมันไม่ใช่อนาล็อก เหมือนกับเทปโอเพ่นรีล, แผ่นเสียง คนที่คิด Non Oversampling คงคิดได้มากกว่านี้ แต่ให้เราลองทำแล้วเข้าใจเองกระมัง  ;D

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 02:43:20 pm โดย nut_ty »
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ
จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกว่ากระทู้มันจะออกมาแนวไหนตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของกระทู้แล้ว  ;) แต่ก็อดมาแจมไม่ได้ บางส่วนได้ความรู้ดีครับ บางส่วนก็เหมือนเกทับความรู้กันไปมาแบบที่ว่า อ่านแล้วปวดหัวมากกว่าจะดี

คุณ nopphong ครับ  

1. ประโยคไหนของผมในกระทู้ที่แสดงเจตนาว่าตั้งขึ้นมาหาเรื่อง ??? ช่วย copy มา post ให้ดูหน่อย หรือนั้นเป็นความคิดที่แสดงออกมาจากจิตของคุณเอง
2. คุณมีประโยคอะไรที่อธิบายที่มันเป็นสาระในนี้บ้างมั๊ยครับ ช่วย post มาให้ดูหน่อย ???
ถ้าคุณมีอคติกับคนตั้งกระทู้ ก็เก็บไว้คนเดียวก็ได้ครับ
3. มีประโยคไหนที่ผมหาเรื่องคุณ nopphong บ้างมั๊ยครับในกระทู้นี้ ช่วย copy มาให้ดูที ???


หลังจากผม post รูปลงไป คุณก็บอกเองว่าคุณไม่รู้เรื่อง http://www.htg2.net/index.php?topic=55917.msg680277#msg680277
แล้วจะมาโวยวายอะไรอีกครับ คุณบอกคุณอ่านของผมไม่รู้เรื่อง ในทางกลับกันผมก็อ่านของคุณไม่รู้เรื่อง แต่ที่น่าแปลงใจ Mr.TUBE อ่านของผมรู้เรื่อง

ผมไม่ได้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเองนะครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจเรื่อง audio DAC ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น พอผมมาศึกษาผมก็มา share ความรู้ที่ได้ให้เพื่อนๆคนอื่นที่เขาอยากรู้อยากฟังๆ แล้วผมก็อ้างอิงจาก application note ของผู้ผลิต

สร้างสรรค์มากเลยนะครับ คุณ nopphong ที่มาพูดพาดพิงแบบนี้ เมื่อไหร่คุณจะหยุดสนใจที่ตัวบุคคลแล้วหันไปสนใจที่เนื้อหาสาระที่เขาพูดออกมาซะทีครับ
ช่วยตอบคำถาม 3 ข้อข้างบนด้วยครับ copy เอามาแสดงเป็นหลักฐานหน่อยครับ
เบื่อ


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
using our Linear Analog Oversampling Technology (LIANOTEC&reg;).

น่าเป็นกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของเขาละครับ ทีนี้เรามาดูครับว่า ตรงที่รูปคลื่นสวยนั้นมาจากที่รูปใด
จากรูปที่ 1 นั้น เขาเปรียบเทียบให้ดูครับ ว่า เวลาทำ oversampling 8X แล้ว ได้อะไรออกมา ในขณะที่ตัว lianotec ของเขาก็ยังได้รูปคลื่นออกมาไม่ดี โดยรูปที่ 2 นั้น แสดงให้เห็นเลยว่ามีอาการ phase shift อยู่ ตรงนี้ ทำให้ผมนึกไปถึง interpolation ครับ

ดังนั้น เมื่อดูรูปที่เขาทำ  (LIANOTEC&reg;) + oversampling เข้าไปแล้ว มันก็เหมือนกับเพิ่มรายละเอียด 8X เข้าไปใน OS อีก 8X ทำให้ได้เสมือนออกมาที่ 64X ครับ

Figure 3 shows
the output signal of the TRINITY&reg; DAC downstream of the digital filter with additional 8-fold analog
interpolation.

ข้อความนี้เห็นอะไรแปลกๆไหมครับ เขาบอกว่า เอ้าพุทมาจาก ดิจิตอลฟิลเตอร์+8X analog interpolation
ในกราฟเขียนไว้ว่า...
A1 - 10 kHz sinusoidal signal 8x digital oversampling and 8x LIANOTEC&reg;

ตรงนี้ละครับ ที่ผมยังสับสนไม่แม่นอยู่ เพราะยังไงเท่าที่ผมคิดนั้น oversampling มันก็เป็นส่วนหนึ่งของdigital filter ครับ ส่วนanalog interpolation ก็คือ...
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ใส่ analog filter ลงไปก็น่าได้คลื่นที่สวยงามกว่านี้แล้วครับ ถ้าถึงกับ ซีเรียสจริงๆก็เล่นกันไปหลายออเดอร์เลย แต่ส่วนใหญ่มันก็มักจะสวยสู้ over sampling dac ไม่ได้อยู่แล้วละครับ
ส่วนตัวแล้วผมยังไม่ได้ศึกษา digital filter ให้ถ่องแท้เลยครับ เลยคิดไม่ออกว่าถ้าไม่ใช้โอเวอร์แซมปลิ้งแล้ว มันจะ  filter ออกได้อย่างไรครับ

จากลิ้งค์ http://www.gte-audio.com/pdf/Non-oversampling%20Digital%20filter-less%20%20DAC%20concept.pdf (ขอบคุณพี่ AD1865) ก็ไม่เห็นเขาจะกล่าวถึงดิจิตอลฟิลเตอร์เลย โอเวอร์แซมปลิ้งอย่างเดียวกระมัง กับ ไสยศาสตร์ที่จับต้องได้ของเขา รูปออกมาซะสวยเลย พอจะเดาๆ ได้ไหมว่าเขาใช้กระบวนการอะไร  :)
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
ใส่ analog filter ลงไปก็น่าได้คลื่นที่สวยงามกว่านี้แล้วครับ ถ้าถึงกับ ซีเรียสจริงๆก็เล่นกันไปหลายออเดอร์เลย แต่ส่วนใหญ่มันก็มักจะสวยสู้ over sampling dac ไม่ได้อยู่แล้วละครับ
ส่วนตัวแล้วผมยังไม่ได้ศึกษา digital filter ให้ถ่องแท้เลยครับ เลยคิดไม่ออกว่าถ้าไม่ใช้โอเวอร์แซมปลิ้งแล้ว มันจะ  filter ออกได้อย่างไรครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
อืม...แล้วเราจะทำ non oversampling ยังไงให้ได้ไซน์ที่สวยงามล่ะ เอาดิจิตอลฟิลเตอร์มาพ่วงได้มั้ย โดยที่ไม่ใช้ฟังก์ชั่นโอเวอร์แซมปลิ้งที่แถมมากับมัน เช่นพวก sm5842/43/47
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ nopphong

  • *****
    • กระทู้: 915
ถ้าอยาก สอน ก็ปล่อยออก มาเลยครับ ไม่ต้อง ลองภูมิ ผู้เรียน ก็ได้ครับ รับรอง ทุกท่านจะได้รับกันไป เต็ม ๆ ตั้งแต่ หัดเดิน ยันวิ่ง เลยนะครับ ... ไม่ใช่มาถึงเล่น ฉายซะกลางเรื่องอย่างนี้นะครับ ....

เห็นด้วยครับ กระทู้นี้ผมเห็นว่าเป็นการตั้งกระทู้ หาเรื่อง มากกว่าเป็นการตั้งกระทู้ให้ความรู้ครับ
จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกว่ากระทู้มันจะออกมาแนวไหนตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของกระทู้แล้ว  ;) แต่ก็อดมาแจมไม่ได้ บางส่วนได้ความรู้ดีครับ บางส่วนก็เหมือนเกทับความรู้กันไปมาแบบที่ว่า อ่านแล้วปวดหัวมากกว่าจะดี ก็เลยหายหน้าไป จริงๆพอใจในข้อสรุปของคุณ mr tube ที่บอกว่า "High Freq Noise พวกนี้ มันอยู่สูงกว่าช่วงที่เราจะฟังอยู่แล้ว" ซึ่งชัดเจนดีครับ ที่เหลือถกกันไปมาก็แค่สิ่งที่วัดได้ ไม่ใช่สิ่งที่ได้ยินแล้ว หลังจากนี้ แล้วแต่รสนิยมแล้วล่ะครับ ส่วนตัวผมนั้นเป็นประเภททฤษฎีรู้แค่ 50% พอ ที่เหลือค่อยไปหาเอาตอนทำดีกว่า อิอิ ส่วนทฎษฎีลึกๆปล่อยท่านอาจารย์ทั้งหลายถกกันต่อไป นั่งบนภูดูเสีอสู้กันดีกว่า 2f


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
ผมว่าไม่แฟร์ตรงที่ non oversampling ไม่มี analog filter นะครับ แต่ก็คงยอมรับว่ารูปคลื่นอาจจะดูเป็นขั้นๆมากกว่า over sampling ครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ AD1865

  • แพงแค่ไหนไม่สน สนแต่ของถูก ฮี่ๆๆ
  • ****
    • กระทู้: 274
กลับมาที่เดิมดีกว่าครับ..

กลับมาที่ YouTube ดีกว่าครับ ขำๆ เข้าใจง่ายๆ http://www.youtube.com/watch?v=vgi-r_z1cS4 เด็กๆ ดูแล้วเข้าใจได้เลย เปิดแผ่น นอร่าห์ โจนส์ ซะด้วย  :clap
ธนันต์พร ธนพรมณีรัตน์ ธ.กรุงเทพฯ สาขา ไอทีสแควร์ เลขบัญชี 229 0879 309 ประเภท ออมทรัพย์

087-0903074


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
กลับมาที่เดิมดีกว่าครับ..
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ AD1865

  • แพงแค่ไหนไม่สน สนแต่ของถูก ฮี่ๆๆ
  • ****
    • กระทู้: 274
การเปรียบเทียบ Over และ Non oversampling แบบแปลกๆ แต่ขายได้ ลองอ่านดูครับ
http://www.gte-audio.com/pdf/Non-oversampling%20Digital%20filter-less%20%20DAC%20concept.pdf
http://www.gte-audio.de/pdf/lianotec_d.pdf
ทำให้เป็นรูปธรรมแล้วก็ขายๆ กันซะ ดีกว่ามานั่งแปลตำราที่ฝรั่งเขียนมาให้เราอ่านในขณะที่เขาวิจัยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว 

ขอบคุณครับ  ;)
ธนันต์พร ธนพรมณีรัตน์ ธ.กรุงเทพฯ สาขา ไอทีสแควร์ เลขบัญชี 229 0879 309 ประเภท ออมทรัพย์

087-0903074


ออฟไลน์ cool

  • ****
    • กระทู้: 278


ก่อนเคยซอกหา(ค้นหา)opamp เบอร์ไหนน้าที่เจ๋ง ดี 627/8/9/...

หลังจากเสียเวลาฟังเพลง(อย่างมีความทุกข์)ไปเกือบ 2 ปี จึงมาค้นพบ

http://www.tubecad.com/2006/08/blog0075.htm

อาจจะมีตัวอื่นดีกว่านี้สำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่

เหลือเวลาอยู่แค่นี้(ผู้เฒ่า)  กับความพอดี พอเพียง กับการฟังเพลง

อย่างมีความสุข  ...อ้าวแล้วมันเกี่ยวกันเปล่า...อิอิไปฟังเพลงดีกว่า



ออฟไลน์ Artafact

  • ****
    • กระทู้: 330
คนที่เค้าสนใจศึกษาก็มีอยู่ ถ้าจะไม่ช่วยพายก็ได้โปรดอย่าเอาเท้าจุ่มลงไปถ่วงเรือเลยครับ หรือถ้าไม่ได้อยากลงเรือไปด้วยคุณก็รออยู่บนฝั่งได้ครับ
ข้อสุดท้าย เรียนชี้แจง อาจารย์ ว่าผมไม่ได้ เอาเท้า จุ่ม น้ำเพื่อถ่วงใคร นะครับ จะบอกว่าความจริงผมไปรอ อยู่ที่ อีกฝั่งแล้วนะครับ
รอมานานแล้ว ด้วยนะครับ ที่ ส่งเสียงเข้ามานั้น เพื่อ ให้เรือ ลำ อื่นที่เดินทางมาด้วย รีบจ้ำ ฝีพาย นะครับ

อย่าเข้าใจในความหมายที่ไม่ดีนะครับ...ความหมายคืออย่างนี้นะครับ
เมื่อ อาจารย์ บอกว่า ถ้าไม่เรียนวิชาการเหล่านี้แล้วจะเอาความรู้ที่ไหน ไปสร้าง นะครับ ผมเพียงแค่คิดว่า ถ้าผมอยากจะสร้างบ้านของตัวเอง ...แต่มีคนบอกว่าเราต้องไปนั่งเรียนการออกแบบบ้านก่อนนะ...ไม่รู้ว่าผมจะเรียนได้ ไหมจะจบออกมาออกแบบบ้านตัวเองได้ไหม....แต่ผมไปเจอ อีกคนเค้าก็แนะนำว่า เอ้า คุณก็ไปขอคนที่เค้าเรียนจบวิชาการนี้มาออกแบบให้สิ...แบบนี้ผมใช้เวลาน้อยกว่า นะครับ พอได้แบบมาก็ เริ่มสร้างตามแบบไปเรื่อย ๆ พบ ปัญหาจัดการด้วยตัวเองไม่ได้ก็ค่อย ๆ หาข้อมูล ถามคนที่มีความรู้ ได้การแก้ปัญหามา ก็นำไปสร้างบ้านต่อไป...จนบ้านที่เราสร้างเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งถ้าผมต้องไปนั่งเรียนเพื่อมาสร้างบ้านหลังเดียวของตัวเองแล้วละก็ไม่แน่อาจ จะต้องไปซื้อบ้านสำเร็จรูปอยู่เลยก็ได้นะครับ(ไร้ซึ่งความภูมิใจครับ)...ของบางอย่างตัวเราเองก็ต้องดูความสามารถของตนเองด้วย ดังเช่น ผมนะครับ จึงใช้วิธีที่ได้อธิบายมานั้นข้ามไปรออยู่อีกฝั่ง ดังที่ได้กล่าวไว้นะครับดังนั้นเลยขอชี้แจง ดังนี้ครับ ว่าไม่มีเจตนา ในคำที่กล่าวไว้ให้เป็นไปในทางที่ไม่ดี หรือ รู้สึก มากกว่านั้น ผมเคารพ อาจารย์ ทุกท่านเสมอครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 11:29:09 am โดย Artafact »


ออฟไลน์ Artafact

  • ****
    • กระทู้: 330
สวัสดีครับ อาจารย์ ถูกครับ ที่ผม เป็นคน ชอบ diy
ผมเองเลือก พึ่ง กับคนที่ผม พึ่งพาได้นะครับ คนที่ ทำให้เห็นจริง ๆ จับต้องได้ จริง ๆครับ และ คนเหล่านั้นอยู่ในประเทศไทยนี่เองละครับ 
การศึกษา หาความรู้เป็นเรื่องที่ ดีครับ   อาจารย์เอง ก็ ถ่ายทอดความรู้ ดี ๆ ทิ้งไว้ที่นี่มากมายครับ ข้อนั้นผมยกย่องและชื่นชมครับ
แต่สำหรับความรู้บางอย่าง เป็นเรื่องที่แต่ละคน รับได้ไม่เท่ากัน และ บางอย่างยังไม่มีบทสรุปที่ แน่ชัด นะครับ อย่างเรื่อง dac ที่ คุยกันในนี้ ผมมองว่ามันไม่ใช่การให้ความรู้ด้านการศึกษานะครับ .... มีทั้ง วิชาการ ....คิดเอาเอง....ผมเรียกไม่เป็นนะครับ ....เอาเป็น การ เกทับ ความรู้กันดีกว่านะครับ ใครที่ เตรียมมาน้อย ก็ จ๋อยไป หายไป ใครที่ มีหน้าตัก เยอะ ๆ ทุนความรู้ หนา ๆ ก็รอเพื่อ จะเกทับ รายใหม่ที่เตรียมมาน้อย ต่อไป แล้วเมื่อไหร่ จะจบกัน ละครับ ที่บอกว่า ทุกคนที่เข้ามาอ่านเพื่อ หาความรู้นั้น แรก ๆ นะใช่ ครับ แต่ หลังๆ พวกที่แสดงความคิดเห็นไปไหนหมด ละครับ ..... ถ้าอยาก สอน ก็ปล่อยออก มาเลยครับ ไม่ต้อง ลองภูมิ ผู้เรียน ก็ได้ครับ รับรอง ทุกท่านจะได้รับกันไป เต็ม ๆ ตั้งแต่ หัดเดิน ยันวิ่ง เลยนะครับ ... ไม่ใช่มาถึงเล่น ฉายซะกลางเรื่องอย่างนี้นะครับ .... ความรู้เรื่อง ดิจิตอลนั้น มันไม่ได้สรุปแค่เรื่องเสียง อย่างเดียว อย่างที่ อาจารย์หลาย ๆ ท่าน ทราบกันอยู่แล้วนะครับ...มันอยู่ในทุก ๆ ที่ ทั้งเครื่องมือ วัด ... เครื่องมือทางการแพทย์ ...เครื่องมือสื่อสาร ... รวมทั้งคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ ติดต่อ กันอยู่นี่แหละครับ แต่ละอย่างก็มีความผิดพลาด ทั้ง น้อยซ์ ... และความบกพร่องด้านอื่น ๆ ซึ่งอาจจะเรียกว่าความเพี้ยน(มังครับ)ดังนั้นกราฟที่นำมาก็ต้องแบ่งแยกให้ออก นะครับ ว่ามันด้านไหน เรื่อง ดิจิตอลใช้วิชาการเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ ...ดังนั้นถ้าเกิดความเพี้ยน หรือ น้อยซ์นั้น มันเป็นเรื่องที่เรากำลังศึกษากัน อยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ ถ้าบอกว่ามันต้องใช้แบบเดียวกัน แล้วทำไม ต้องกำหนด ความเพี้ยน หรือ น้อยซ์ ที่ความถี่ใด หรือ ที่ อุณหภูมิใด ด้วยหละครับ ของบางอย่างเหมาะสม กับบางอย่างที่คนออกแบบมาเพื่อสิ่งนั้นครับ .... ย่อมไม่มีทางนำมาเทียบ เป็นประเด็นหักล้างกับสิ่งที่ไม่ใช่วงเดียวกันได้ครับ...ในความรู้ที่ผม(ไม่มี)คิดว่าเป็นเช่นนั้นนะครับ ... ไม่อย่างนั้นผมคงเห็น หมอ เอา scope ราคา แค่ 1 ล้านบาท ไปใช้วัดคนไข้แทน เครื่อง มือราคา 10 ล้าน ที่เห็นย้ำเหลือเกินว่าความเที่ยงตรงสูงมากที่สุด....แล้วละครับ
ผมเองศึกษาเฉพาะที่ผมต้องการใช้เท่านั้นนะครับ .... นอกนั้นไม่มีที่เก็บในสมองกลัวเปลืองพื้นที่นะครับเพราะเอาไปทั้งหมดก็ไม่ได้ใช้หมด อีกอย่างไม่คิดว่าจะเอาไปบอกต่อใครได้นะครับ ...ใช้เท่าที่ใช้งานเสร็จ ร้องเพลงได้ ไม่แปลกประหลาด ก็ลืมแล้วละครับ วันนึงเทคโนโลยีที่เก็บไว้นี้ก็ถูก วิชาการใหม่ มาแทนที่แล้วครับ อาจารย์
ผมยังคง เคารพ ทุกท่านที่ออกมาแสดงความคิดเห็น นะครับเพราะกว่าจะพิมพ์ หาข้อมูล มาลง ตรวจทาน ก็ใช้เวลานานมากครับ เช่นผมตอนนี้กว่าจะหาคำมาชี้แจง อาจารย์ได้ ก็เข้าวันใหม่มา 2 ชั่วโมงแล้วนะครับ อ้อ ข้อสุดท้าย เรียนชี้แจง อาจารย์ ว่าผมไม่ได้ เอาเท้า จุ่ม น้ำเพื่อถ่วงใคร นะครับ จะบอกว่าความจริงผมไปรอ อยู่ที่ อีกฝั่งแล้วนะครับ
รอมานานแล้ว ด้วยนะครับ ที่ ส่งเสียงเข้ามานั้น เพื่อ ให้เรือ ลำ อื่นที่เดินทางมาด้วย รีบจ้ำ ฝีพาย นะครับ....สุดท้าย อย่าลืมว่าเราทำเครื่องเสียงฟังนะครับ ...และยังมี อีกหลายท่าน รอผลงานจาก อาจารย์ ทุกท่านอยู่นะครับ ....ด้วยความเคารพ อาจารย์ทุกท่านครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม, 2009, 07:45:56 pm โดย Artafact »


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ทำไมต้องลืมจุดยืนของตัวเองละครับ เราเป็น DIY นะครับ ไม่ใช่นักวิจัยเครื่องเสียง หรือ บริษัท ผู้ผลิต แล้ว วิชาการที่เอามา พูด ๆ เถียง ๆ กันนี่มันไม่ใช่ เล่มเดียวกันหรือครับ เรื่องแบบ นี้ เคยเกิดมานานแล้วนะครับ ใน ไทย เอวี พี่สมาชิกเก่าแก่น่าจะเคยได้อ่านมา เรื่องวิชาการนำมารองรับกับการปฏิบัติ นะครับ ทำออกมาสิครับ แล้วจะรู้ว่า จินตนาการกับของจริงนะ มันได้ผลงานคนละแบบกันนะครับ .... อย่า เล่น เป็น ทนายโจทย์ ทนายจำเลย กันเลยครับ แยก ประเด็นให้ออก จะจัดการทางด้านไหน ซอฟแวร์ หรือ ฮารด์แวร์ แยกกัน ออกมาแล้วทดลอง ครับ ใครอยากลองทาง ซอฟแวร์ ก็ลองกันไป ใครอยากลอง ทางฮารด์แวร์ ก็สร้างสิครับ อาจารย์หลาย ๆ ท่านที่ออกมา ชำแหละ วงจรการทำงาน ของ ADC or DAC ให้พวกผมได้อ่านมาทั้งหมด ดูแล้วแต่ละท่านระดับ แถวหน้า ในประเทศทั้งนั้น ไม่ลอง มาสร้างจินตนการให้เป็นจริงกันหรือครับ บางทีอาจ ก่อเกิด ผลงานที่แม้แต่ฝรั่งเจ้า ของ วิชาการ ที่เราเอามาแปล คุยกันในนี้ หงายหลังได้นะครับ .... ผมจะเฝ้ารอร่วมกรุ๊ปบายครับ เคารพทุกท่านครับที่สละเวลาหาข้อมูลมาชี้แจงและ  ต่อยอด

ผมยังจำ นิทานเรื่อง dac หลอด ที่ อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังได้อยู่นะครับ
เป็น เรื่อง ของชายหนุ่ม คนไทยที่ จะสร้าง dac ด้วยหลอดทั้งหมด นะครับ เป็นตำนานเลยนะครับ จนกระทั่งถึงบัดนี้ทั้งวงจรและแนวทาง วิชาการที่ท่านได้ร่างไว้ จมหายไปกับกาลเวลาแล้วครับ หลังจากที่ต้องหา พื้นที่ในการวางหลอดทั้งหมด และ หม้อแปลงที่ต้องใช้ในการจ่ายกำลัง...... ทุกอย่างทำง่ายในทุก ๆ ด้านทางวิชาการ และ บนกระดาษ ลงตัวกับความรู้ที่มีของผู้ออกแบบครับ สุดท้าย ผู้มีความสามารถในการสร้าง ก็มิอาจแบกรับ ต้นทุนในการผลิต ครับ อีกทั้งการจัดหาเครื่องมือในการทดสอบ ผลงานที่สร้างเสร็จ ตัวต้นแบบ แถมยังต้องเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการท่าน อื่น ๆ ที่ก็มีความรู้ใน วิชาการเดียวกัน แต่ยังไม่อาจสร้างผลงานนั้นเสร็จ หรือ ไม่มีความสามารถในการสร้างผลงานชิ้นนั้นได้ มาคอย หา ข้อวิชาการ มาหักล้าง อีกนะครับ (ดังนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องมือที่ดีที่สุดมายืนยันว่าผลงานของท่านได้สร้างถูกต้องตามหลักการ และ ผลงานของท่านได้มาตรฐานตามที่เครื่องมือวัดแจ้งผลออกมา ส่วน พวกเราใช้ หู เป็นเครื่องมือวัด จึงยากที่จะสามารถ หาข้อสรุป ของผลงานนั้ัน ๆได้มากนัก) และอย่าลืมว่าไม่เคยมีนักสร้างผลงานที่ไหนสำเร็จจาก งานชิ้นแรกนะครับ ตอนนี้ ผมคิดถึง เอดิสัน ครับ ดูเหมือนว่าหลายท่าน กำลังจะเป็น เอดิสัน กันนะครับ  ไม่ใช่ 1 1X .....แต่เป็น 1XXXXในความล้มเหลวของเอดิสัน ...จะมีใครที่เสียสละในงานครั้งนี้ไหมครับ ....

เหตุใดคุณ Artafact จึงต้องมาคอยพึ่งคนอื่นละครับ คุณอยากทำอะไรก็ทำไปสิครับ เหตุใดต้องมาหาคนอื่นทำให้คุณด้วยครับ หรือเป็นเพราะคุณ Artafact ยังไม่มีความรู้พอในสิ่งที่อยากจะทำครับ ถ้าคุณ Artafact ไม่มีความรู้ คุณก็มีทางเลือกที่จะศึกษาได้ หรือถ้าคุณไม่ได้อยากรู้ก็ไม่ต้องศึกษาก็ได้ครับ ไม่ได้มีใครบังคับให้คุณต้องศึกษา แต่ถ้าคุณไม่ศึกษาก่อนแล้วคุณจะเอาความรู้อะไรไปทำครับ อีกอย่างนึง คนที่เค้าสนใจศึกษาก็มีอยู่ ถ้าจะไม่ช่วยพายก็ได้โปรดอย่าเอาเท้าจุ่มลงไปถ่วงเรือเลยครับ หรือถ้าไม่ได้อยากลงเรือไปด้วยคุณก็รออยู่บนฝั่งได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณอยากจะทำก็ควรจะทำเองครับ DIY - Do It Yourself ดังที่คุณบอกว่าคุณเป็นนั่นแหล่ะครับ  :)


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ WIM

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,396
    • เพศ:ชาย
:secret รูปอะไรเหรอครับ  0)]

รูปนี้ครับ
อารมณ์สร้างดนตรี......ดนตรีสร้างอารมณ์... :)
http://www.htg2.net/index.php?topic=54247.msg647885


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ผมสรุป แบบนี้ถูกใหมครับ
การที่เรา ทำ    Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่สูงๆ เกินความถี Audio และ กำจัดออกง่าย
การที่เราไม่ทำ  Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่ต่ำๆ แต่ก็เกิน 20kHz

คือเราหลีกเลี่ยง Signal Aliasing  ในความถี่ที่เราจะฟังใช่ใหมครับ  :)

ก็ไม่เชิงครับ แต่แรกเริ่ม High Freq Noise พวกนี้ มันอยู่สูงกว่าช่วงที่เราจะฟังอยู่แล้ว จะกรองออกหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบครับ แต่ในแง่วิศวกรรมแล้วมันถือเป็น Noise ครับ ถ้ามีน้อยกว่าก็คือดีกว่า จึงมีความพยายามที่จะหาวิธีกรองออกครับ

มองในแง่การใช้งานแล้ว จะเห็นว่าจะ Oversampling หรือไม่ ผู้ฟังก็ไม่ได้รับผลจาก Signal Aliasing อยู่แล้ว แต่เนื่องจากการออกแบบวงจรขยายมีแนวโน้มว่าจะมี Bandwidth (ช่วงการตอบสนอง) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแอมป์เมื่อ 15 ปีก่อน บางตัวทำงานได้ถึง 200kHz ทีเดียวครับ แอมป์มันก็จะขยายพวกขยะความถี่สูงเหล่านี้และส่งไปลำโพง ซึ่งมีโอกาสทำให้ Tweeter พังครับ นี่เป็นอีกเหตุจำเป็นหนึ่งที่จะต้องกรองเอาขยะเหล่านี้ออกครับ ส่วนพวกเล่นแอมป์หลอดอย่างเราๆ นี่สบายไปอย่าง เพราะเรามี OPT ไว้จำกัด Bandwidth ของแอมป์ครับ วงจรขยายได้ก็ขยายไป ยังไงมันก็ไม่ผ่าน OPT ไปถึงลำโพงหรอก พวกเราจึงเล่น DAC ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่าลำโพงจะพังเพราะ High Freq Noise จาก DAC ทุกๆ ประเภทครับ  ;D ;D

ขอบคุณครับ สำหรับผมแค่นี้ก็ ยูเรก้า แล้วครับ เพราะอย่างไรคงไม่ออกแบบ DAC เองอยู่แล้วครับ

อ้อ อีกอย่าง Amp ประจำการผม หลอดล้วนๆ :yahoo :yahoo :yahoo


ออฟไลน์ Artafact

  • ****
    • กระทู้: 330
ผมยังจำ นิทานเรื่อง dac หลอด ที่ อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังได้อยู่นะครับ
เป็น เรื่อง ของชายหนุ่ม คนไทยที่ จะสร้าง dac ด้วยหลอดทั้งหมด นะครับ เป็นตำนานเลยนะครับ จนกระทั่งถึงบัดนี้ทั้งวงจรและแนวทาง วิชาการที่ท่านได้ร่างไว้ จมหายไปกับกาลเวลาแล้วครับ หลังจากที่ต้องหา พื้นที่ในการวางหลอดทั้งหมด และ หม้อแปลงที่ต้องใช้ในการจ่ายกำลัง...... ทุกอย่างทำง่ายในทุก ๆ ด้านทางวิชาการ และ บนกระดาษ ลงตัวกับความรู้ที่มีของผู้ออกแบบครับ สุดท้าย ผู้มีความสามารถในการสร้าง ก็มิอาจแบกรับ ต้นทุนในการผลิต ครับ อีกทั้งการจัดหาเครื่องมือในการทดสอบ ผลงานที่สร้างเสร็จ ตัวต้นแบบ แถมยังต้องเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการท่าน อื่น ๆ ที่ก็มีความรู้ใน วิชาการเดียวกัน แต่ยังไม่อาจสร้างผลงานนั้นเสร็จ หรือ ไม่มีความสามารถในการสร้างผลงานชิ้นนั้นได้ มาคอย หา ข้อวิชาการ มาหักล้าง อีกนะครับ (ดังนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องมือที่ดีที่สุดมายืนยันว่าผลงานของท่านได้สร้างถูกต้องตามหลักการ และ ผลงานของท่านได้มาตรฐานตามที่เครื่องมือวัดแจ้งผลออกมา ส่วน พวกเราใช้ หู เป็นเครื่องมือวัด จึงยากที่จะสามารถ หาข้อสรุป ของผลงานนั้ัน ๆได้มากนัก) และอย่าลืมว่าไม่เคยมีนักสร้างผลงานที่ไหนสำเร็จจาก งานชิ้นแรกนะครับ ตอนนี้ ผมคิดถึง เอดิสัน ครับ ดูเหมือนว่าหลายท่าน กำลังจะเป็น เอดิสัน กันนะครับ  ไม่ใช่ 1 1X .....แต่เป็น 1XXXXในความล้มเหลวของเอดิสัน ...จะมีใครที่เสียสละในงานครั้งนี้ไหมครับ ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ตุลาคม, 2009, 10:54:51 pm โดย Artafact »


ออฟไลน์ Artafact

  • ****
    • กระทู้: 330
ทำไมต้องลืมจุดยืนของตัวเองละครับ เราเป็น DIY นะครับ ไม่ใช่นักวิจัยเครื่องเสียง หรือ บริษัท ผู้ผลิต แล้ว วิชาการที่เอามา พูด ๆ เถียง ๆ กันนี่มันไม่ใช่ เล่มเดียวกันหรือครับ เรื่องแบบ นี้ เคยเกิดมานานแล้วนะครับ ใน ไทย เอวี พี่สมาชิกเก่าแก่น่าจะเคยได้อ่านมา เรื่องวิชาการนำมารองรับกับการปฏิบัติ นะครับ ทำออกมาสิครับ แล้วจะรู้ว่า จินตนาการกับของจริงนะ มันได้ผลงานคนละแบบกันนะครับ .... อย่า เล่น เป็น ทนายโจทย์ ทนายจำเลย กันเลยครับ แยก ประเด็นให้ออก จะจัดการทางด้านไหน ซอฟแวร์ หรือ ฮารด์แวร์ แยกกัน ออกมาแล้วทดลอง ครับ ใครอยากลองทาง ซอฟแวร์ ก็ลองกันไป ใครอยากลอง ทางฮารด์แวร์ ก็สร้างสิครับ อาจารย์หลาย ๆ ท่านที่ออกมา ชำแหละ วงจรการทำงาน ของ ADC or DAC ให้พวกผมได้อ่านมาทั้งหมด ดูแล้วแต่ละท่านระดับ แถวหน้า ในประเทศทั้งนั้น ไม่ลอง มาสร้างจินตนการให้เป็นจริงกันหรือครับ บางทีอาจ ก่อเกิด ผลงานที่แม้แต่ฝรั่งเจ้า ของ วิชาการ ที่เราเอามาแปล คุยกันในนี้ หงายหลังได้นะครับ .... ผมจะเฝ้ารอร่วมกรุ๊ปบายครับ เคารพทุกท่านครับที่สละเวลาหาข้อมูลมาชี้แจงและ  ต่อยอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ตุลาคม, 2009, 10:44:58 pm โดย Artafact »


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ WIM

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,396
    • เพศ:ชาย
เพราะฉะนั้นใครสนุกกับการ upsampling ด้วย software ลอง upsampling
แล้ว down แล้ว up แล้ว down จาก 44.1 ไป 96 หรือ 192 ก็ได้ แล้วกลับลงมาที่ 44.1 (ทำแบบ Asynchronous) ทำไปซัก 100 รอบอะครับกลับไปกลับมา ได้ความยังไงมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ โคตรอยากรู้เลยอะไม่เคยทำ


กับเสียงไม่เคยครับ เคยแต่ลองใช้โฟโต้ช็อปเปลี่ยนresolutionของรูปภาพไปกลับดูรอบเดียวเละเลย ;D
อารมณ์สร้างดนตรี......ดนตรีสร้างอารมณ์... :)
http://www.htg2.net/index.php?topic=54247.msg647885


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ผมอ่านทฤษฎีมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีใครปฏิบัติให้ผมเข้าใจสักที ดังนั้นบทสรุปมันก็เลยไม่มีสักที ผมชื่นชมคนที่ล้มเหลวด้วยการทดลองจนหาบทสรุปได้ มากกว่าทฤษฎีแห่งการโยงไปอีกหนึ่งทฤษฎี

อ่านทฤษฎีหลายรอบแล้วเข้าใจมั๊ยครับ

ครับ เข้าใจว่าด้านหนึ่ง (non) บอกว่าอีกด้านหนึ่ง (over) ไม่ดีครับ ทฤษฎีขัดขากันเอง อัตตาล้วนๆ
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ผมสรุป แบบนี้ถูกใหมครับ
การที่เรา ทำ    Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่สูงๆ เกินความถี Audio และ กำจัดออกง่าย
การที่เราไม่ทำ  Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่ต่ำๆ แต่ก็เกิน 20kHz

คือเราหลีกเลี่ยง Signal Aliasing  ในความถี่ที่เราจะฟังใช่ใหมครับ  :)

ก็ไม่เชิงครับ แต่แรกเริ่ม High Freq Noise พวกนี้ มันอยู่สูงกว่าช่วงที่เราจะฟังอยู่แล้ว จะกรองออกหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบครับ แต่ในแง่วิศวกรรมแล้วมันถือเป็น Noise ครับ ถ้ามีน้อยกว่าก็คือดีกว่า จึงมีความพยายามที่จะหาวิธีกรองออกครับ

มองในแง่การใช้งานแล้ว จะเห็นว่าจะ Oversampling หรือไม่ ผู้ฟังก็ไม่ได้รับผลจาก Signal Aliasing อยู่แล้ว แต่เนื่องจากการออกแบบวงจรขยายมีแนวโน้มว่าจะมี Bandwidth (ช่วงการตอบสนอง) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแอมป์เมื่อ 15 ปีก่อน บางตัวทำงานได้ถึง 200kHz ทีเดียวครับ แอมป์มันก็จะขยายพวกขยะความถี่สูงเหล่านี้และส่งไปลำโพง ซึ่งมีโอกาสทำให้ Tweeter พังครับ นี่เป็นอีกเหตุจำเป็นหนึ่งที่จะต้องกรองเอาขยะเหล่านี้ออกครับ ส่วนพวกเล่นแอมป์หลอดอย่างเราๆ นี่สบายไปอย่าง เพราะเรามี OPT ไว้จำกัด Bandwidth ของแอมป์ครับ วงจรขยายได้ก็ขยายไป ยังไงมันก็ไม่ผ่าน OPT ไปถึงลำโพงหรอก พวกเราจึงเล่น DAC ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่าลำโพงจะพังเพราะ High Freq Noise จาก DAC ทุกๆ ประเภทครับ  ;D ;D


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อธิบายความคลุมเครือนิดนึงนะครับ สมมติเราใช้สัญญาณจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (ไม่ขออธิบายว่าสัญญาณอะไร) ป้อนเข้าสู่ สโคป และ นำมาเปรียบเทียบกับสัญญาณจากเครื่องเล่น CD หรือ DAC ที่เป็นโอเวอร์แซมปลิ้ง และ นอน โอเวอร์แซมปลิ้ง (ที่ไม่บอกว่าเป็นรุ่น และ ยี่ห้ออะไร) เราก็จะได้ความเพี้ยนจาก กระบวนการ A/D ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกันใช่มั้ยครับยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าเราใช้มิเตอร์วัดไฟ DC และ AC เราก็จะได้ค่าแรงดันที่มีความเพี้ยนในตัวเลขในจุดทศนิยมที่มีมาตรฐานเดียวกัน กลับมาที่การทดสอบสัญญาณเราก็จะได้ค่าแซมปลิ้งเรตตามค่ามาตรฐานของเครื่องวัดนั้นๆ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกๆ สัญญาณ ส่วนเรื่องการที่จะตอบว่ามาตรฐานราคาไหนนั้น แล้วแต่กำลังทรัพย์ และ ความพยายามหาจุดยืนที่อยู่บนความพึงพอใจของทุกๆ คนครับ

ผมอ่านทฤษฎีมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีใครปฏิบัติให้ผมเข้าใจสักที ดังนั้นบทสรุปมันก็เลยไม่มีสักที ผมชื่นชมคนที่ล้มเหลวด้วยการทดลองจนหาบทสรุปได้ มากกว่าทฤษฎีแห่งการโยงไปอีกหนึ่งทฤษฎี

ป.ล.กำลังเรียบเรียงภาษาเพื่อเมล์ไปครับ ว่าแต่ว่าจะถราสักกี่คำถามดีเนี่ย  :D

ผมเห็นคุณ Post ต่อจากข้อความของผม ซึ่งเพิ่งคุยเรื่อง A to D ไป ก็เลยนึกว่าจะคุยเรื่องกระบวนการ A to D ซะอีก ที่แท้ก็พูดถึงเรื่องการวัดและ Scope ที่คุยค้างกับคุณ RFlover ไว้ OK ครับ ผมเข้าใจข้อความของคุณแล้ว เชิญถกกันต่อเลยครับ เอาความรู้มาคุยกันดีกว่าครับ อันไหนที่มันไม่เกิดประโยชน์ คิดแล้วก็ไม่ต้องไปพิมพ์ให้มันเสียเวลาครับ Y] O0


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
ผมอ่านทฤษฎีมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีใครปฏิบัติให้ผมเข้าใจสักที ดังนั้นบทสรุปมันก็เลยไม่มีสักที ผมชื่นชมคนที่ล้มเหลวด้วยการทดลองจนหาบทสรุปได้ มากกว่าทฤษฎีแห่งการโยงไปอีกหนึ่งทฤษฎี

อ่านทฤษฎีหลายรอบแล้วเข้าใจมั๊ยครับ
เบื่อ


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
การทำ A/D อย่างไรก็เพี้ยนครับ แต่มันอยู่บนพื้นฐานเดียวกันทั้ง Original Source และ Comparision Source ครับ

ขอรายละเอียดด้วยครับ ข้อสรุปแบบนี้คลุมเคลือ ไม่ชัดเจน ไม่มีคำอธิบายว่าคืออะไร และไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลรองรับครับ

อ้างถึง
http://www.mother-of-tone.com/creation.htm

รายนี้เขาทำ A/D ออกมาขาย เดี๋ยวผมจะลองคุยเรื่องเทคนิคกับเขาสักหน่อย (ถ้าไม่มีใครเมล์ไปดักหน้าซะก่อน) เผื่อเขาจะมีมุมมองเรื่องการแปลงกลับไปกลับมาเหมือน หรือ ต่างอย่างไรกับคนบ้านนอกแบบผม

ดีครับ ได้ความอย่างไรก็เอาเนื้อหาใน Email ทั้งคำถาม-คำตอบมาแสดงไว้ด้วยนะครับ หวังว่าคงไม่มาแต่ข้อสรุปสั้นๆ ไม่ได้ใจความอย่างข้างต้นนะครับ  :nono

อธิบายความคลุมเครือนิดนึงนะครับ สมมติเราใช้สัญญาณจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (ไม่ขออธิบายว่าสัญญาณอะไร) ป้อนเข้าสู่ สโคป และ นำมาเปรียบเทียบกับสัญญาณจากเครื่องเล่น CD หรือ DAC ที่เป็นโอเวอร์แซมปลิ้ง และ นอน โอเวอร์แซมปลิ้ง (ที่ไม่บอกว่าเป็นรุ่น และ ยี่ห้ออะไร) เราก็จะได้ความเพี้ยนจาก กระบวนการ A/D ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกันใช่มั้ยครับยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าเราใช้มิเตอร์วัดไฟ DC และ AC เราก็จะได้ค่าแรงดันที่มีความเพี้ยนในตัวเลขในจุดทศนิยมที่มีมาตรฐานเดียวกัน กลับมาที่การทดสอบสัญญาณเราก็จะได้ค่าแซมปลิ้งเรตตามค่ามาตรฐานของเครื่องวัดนั้นๆ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกๆ สัญญาณ ส่วนเรื่องการที่จะตอบว่ามาตรฐานราคาไหนนั้น แล้วแต่กำลังทรัพย์ และ ความพยายามหาจุดยืนที่อยู่บนความพึงพอใจของทุกๆ คนครับ

ผมอ่านทฤษฎีมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีใครปฏิบัติให้ผมเข้าใจสักที ดังนั้นบทสรุปมันก็เลยไม่มีสักที ผมชื่นชมคนที่ล้มเหลวด้วยการทดลองจนหาบทสรุปได้ มากกว่าทฤษฎีแห่งการโยงไปอีกหนึ่งทฤษฎี

ป.ล.กำลังเรียบเรียงภาษาเพื่อเมล์ไปครับ ว่าแต่ว่าจะถราสักกี่คำถามดีเนี่ย  :D
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
มาต่อครับ ....
ส่วนเหตุผลที่ต้องทำ Oversampling ในกระบวนการ D to A สาเหตุมาจาก Signal Aliasing ครับ Signal Aliasing เป็นของแถมในกระบวนการ A to D และ D to A ครับ คือเมื่อมีการแปลงสัญญาณกลับไปมาแบบนี้ จะทำให้เกิดสัญญาณของแถมในแถบความถี่สูงขึ้น ซึ่งสัญญาณความถี่สูงนี้จะขึ้นกับความถี่ Sampling ว่าเป็นเท่าไหร่ครับ ถ้าความถี่ Sampling สูงเท่าไหร่ Signal Aliasing ก็จะอยู่สูงกว่าความถี่ Sampling ขึ้นไปอีก กรณี Sampling 44.1kHz จะเห็นว่า Signal Aliasing (ซึ่งนับเป็น Noise เพราะเราไม่ต้องการ) มันอยู่ใกล้กับความถี่สูงสุดที่เราต้องการมาก (20kHz) ถ้าจะใช้ Analog Filter กรองออก ก็ต้องใช้ Filter ความสามารถสูงซึ่งออกแบบยาก เสถียรภาพต่ำ และราคาแพง วิธีการแก้ปัญหาก็คือเอาสัญญาณ Digital มา Oversampling ซะ Signal Aliasing จะได้ไปอยู่ที่ความถี่สูงๆ ไงละครับ สมมุติ 4X Oversampling จาก 44.1kHz ก็จะเป็น 176.4kHz Aliasing Signal ก็จะย้ายไปอยู่สูงกว่า 176.4kHz ขึ้นไปอีก เทียบกับเดิมที่ 44.1kHz แล้ว สามารถออกแบบวงจรกรองได้ง่ายกว่ามากๆ

Non-Oversampling ก็คือ ไม่มีไอ่พวกข้างต้นนี่ทั้งหมด แค่นั้นเองครับ เอาข้อมูล Digital Audio มา แล้วเปลี่ยนเป็น Analog Signal เลย ผลก็คือเราจะได้ Signal Aliasing ที่ความถี่ต่ำไงครับ ก็ไปหาวิธีการกรองกันเอาครับทีนี้ ส่วนรูป-กราฟคุณ RFlover Post ไว้หมดแล้วครับ  :)

ผมสรุป แบบนี้ถูกใหมครับ
การที่เรา ทำ    Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่สูงๆ เกินความถี Audio และ กำจัดออกง่าย
การที่เราไม่ทำ  Over Sampling เพื่อให้ Signal Aliasing เกิดในความถี่ต่ำๆ แต่ก็เกิน 20kHz

คือเราหลีกเลี่ยง Signal Aliasing  ในความถี่ที่เราจะฟังใช่ใหมครับ  :)


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ย้อนกลับมาเรื่องการsamplingสัญญาณถ้าเราสามารถตัดซอยสัญญาณได้ละเอียดมากเท่าใดการนำมาแปลงเป็นสัญญาณdigitalก็จะละเอียดตามไปด้วย  ดังนั้นรายละเอียดในส่วนตอนที่เราSampleแบบหยาบๆแล้วนำมาประมวลผลและแปลงเป็นdigitalก็จะหยาบ  ทั้งหมดทั้งมวลหากผิดพลาดประการใดยินดีรับคำชี้แนะครับ ยินดีต้อนรับสู่โลกของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ  (คิด---->ทำ---->สะท้อนความคิด------>(ไม่ถูก)คิดใหม่----->ทำใหม่---->สะท้อนความคิด----->ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ)

ถูกแต่ไม่ครบครับ นอกจากเพิ่ม Sampling แล้ว ยังต้องเพิ่ม Data Resolution หรือจำนวน Bit ที่ใช้ควบคู่ไปด้วยครับ ยกตัวอย่างสํญญาณ Analog ชุดหนึ่ง เอามา Sampling ด้วย 2 ความถี่ คือที่ความ 10 เท่า (f10) และ 100 เท่า (f100) ของตัวสัญญาณเอง เพราะฉะนั้นในระหว่าง 1 Sample ของ Sampling Rate f10 เราจะได้ 10 Sample เมื่อ Sampling Rate เป็น f100 .. OK นะครับ พักไว้ตรงนี้ก่อน

ทีนี้สมมุติว่าเราแปลง Amplitude ที่ได้ที่ f10 โดยใช้ Data Resolution = 4 bit (16 ค่า) และสัญญาณที่เราแปลงมีความแรง 15Vp-p พอดี ก็เท่ากับช่วงละ 1V (0000 = 0V, 0001 = 1V, ..., 1111 = 15V) แต่ในความเป็นจริงแล้ว แรงดันมันมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ระหว่าง Sample ที่ 1 และ 2 ไม่ได้เป็นค่าคงที่ จริงไม๊ครับ ถ้าผมเพิ่ม Sampling Rate เป็น f100 ก็จะได้จุดระหว่าง Sample ที่ 1 กับ 2 เพิ่มมาอีก 8 จุด ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 8 จุดนี้ Amplitude ไม่เท่ากันเลยและน่าจะเป็นตัวเลขมีทศนิยมด้วย แต่เรากลับแทนค่าได้แค่จำนวนเต็มเพราะ Data Resolution เรามีแค่ 16 ค่า ผลก็คือจะ Sampling ที่ f10 หรือ f100 ก็ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นเท่าไรนักครับ (จริงๆ แล้วมีความแตกต่างจาก Quantization แต่ไม่ใช้สาระสำคัญที่จะพูดถึงครับ) เพราะฉะนั้นการเพิ่ม Sampling Rate เพื่อให้ได้ความละเอียดของสัญญาณมากขึ้น จะต้องเพิ่ม Data Resolution ควบคู่ไปด้วยเสมอครับ  :)   


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
2. ระบบนี้จะไม่ต้องการวงจร S/H (Sample and Hold) ซึ่งโดยปกติแล้ว วงจร S/H จะมีผลตอบสนองอิมพัลส์ (impulse response) ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน (sharp transition) ลักษณะที่ว่านี้จะก่อให้เกิดสัญญาณเคลื่อบแฝง (alias) [1] ที่ไม่พึงประสงค์ ส่งไปยังเอาพุท

ข้ออื่นๆ ที่คุณ chairat อธิบายไว้ ผมพอเข้าใจครับ ยกเว้นข้อ 2 ที่ผมยังเข้าใจไม่ชัดเจนครับ จะรบกวนคุณ chairat อธิบายในรายละเอียดหน่อยครับว่า วงจร Sample and Hold ถูกนำมาใช้ในกระบวนการ D to A อย่างไร ด้วยเหตุจำเป็นอะไร และทำไมการ Oversampling ทำให้ไม่ต้องการวงจรนี้ครับ ขอบคุณมากครับ  :bowdown


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
การทำ A/D อย่างไรก็เพี้ยนครับ แต่มันอยู่บนพื้นฐานเดียวกันทั้ง Original Source และ Comparision Source ครับ

ขอรายละเอียดด้วยครับ ข้อสรุปแบบนี้คลุมเคลือ ไม่ชัดเจน ไม่มีคำอธิบายว่าคืออะไร และไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลรองรับครับ

อ้างถึง
http://www.mother-of-tone.com/creation.htm

รายนี้เขาทำ A/D ออกมาขาย เดี๋ยวผมจะลองคุยเรื่องเทคนิคกับเขาสักหน่อย (ถ้าไม่มีใครเมล์ไปดักหน้าซะก่อน) เผื่อเขาจะมีมุมมองเรื่องการแปลงกลับไปกลับมาเหมือน หรือ ต่างอย่างไรกับคนบ้านนอกแบบผม

ดีครับ ได้ความอย่างไรก็เอาเนื้อหาใน Email ทั้งคำถาม-คำตอบมาแสดงไว้ด้วยนะครับ หวังว่าคงไม่มาแต่ข้อสรุปสั้นๆ ไม่ได้ใจความอย่างข้างต้นนะครับ  :nono


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
การทำ A/D อย่างไรก็เพี้ยนครับ แต่มันอยู่บนพื้นฐานเดียวกันทั้ง Original Source และ Comparision Source ครับ

http://www.mother-of-tone.com/creation.htm

รายนี้เขาทำ A/D ออกมาขาย เดี๋ยวผมจะลองคุยเรื่องเทคนิคกับเขาสักหน่อย (ถ้าไม่มีใครเมล์ไปดักหน้าซะก่อน) เผื่อเขาจะมีมุมมองเรื่องการแปลงกลับไปกลับมาเหมือน หรือ ต่างอย่างไรกับคนบ้านนอกแบบผม
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ทีนี้เท่าที่อ่านดูข้ออภิปรายของทุกคนในกระทู้นี้ในเรื่องการเปรียบเทียบสัญญาณ ผมจะขออธิบายกระบวนการ A to D พอสังเขปให้ทราบดังนี้ครับ

ในกระบวนการ A to D นอกจากการ Sampling แล้ว ยังมีกระบวนการสำคัญอีกอย่างคือ Quantization ครับ ผมอยากให้ลองคิดดูก่อนว่าระหว่าง 0-10 มีจำนวนอยู่ระหว่าง 2 ค่านี้กี่จำนวน บางคนอาจจะบอก 9 บางคนอาจจะบอก 11 เพราะผมไม่ได้ระบุว่า -ระหว่าง- นี้รวมเลขที่ให้ไปด้วยรึเปล่า แต่จริงๆ แล้วมันมีนับไม่ถ้วนครับ เพราะผมไม่ได้ระบุว่าจำนวนเต็ม 1.0000000001 ก็จำนวน 9.9999999999 ก็จำนวน จริงไม๊ครับ ที่ยกตัวเลขเหล่านี้ให้ดูเพื่อให้เห็นว่าเมื่อเราทำ Sampling สัญญาณค่าหนึ่ง เราอาจจะได้ค่า Amplitude ของสัญญาณเป็นเท่าไหร่ก็ได้ แต่เมื่อจะแทนค่า Amplitude นั้นด้วยข้อมูล Digital เรากลับมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่จะใช้ สมมุติข้อมูล 4 bit ละกัน เราก็จะแทนค่าได้ 16 ค่าเท่านั้น คิดที่ 16 bit ก็ยังได้แค่ 65,536 ค่า แล้วจะเอาไปแทนคำว่า นับไม่ถ้วน ได้อย่างไรครับ เพราะฉะนั้นในกระบวนการ A to D จึงต้องทำ Quantization เพื่อบอกว่า Amplitude ที่วัดมาได้ 1.23456789V นี้ จะแทนค่า Digital เป็น 11.....1010 (16 bit) หรือ 11.....1011 ดี ซึ่งแน่นอนว่าพอถอดค่า Digital กลับมาเป็น Amplitude แล้ว มันไม่ใช่ 1.23456789V แล้วแน่นอน

พอเห็นไม๊ครับว่าแค่บันทึก A to D ก็เพี้ยนแล้วครับ ผมจึงเห็นว่าการเอาสัญญาณ Analog มาเทียบรูปคลื่นกับสัญญาณ Analog ที่ถอดมาจาก Digital ไม่ได้มีความหมายอะไรครับ เว้นเสียแต่ว่าเราทราบว่า Quantization Equation ใน A to D เป็นอย่างไร และใช้สมการเดียวกันในการ Interpolation ในกระบวนการ D to A แบบนี้ก็พอจะมีความหมายบ้างครับ


ออฟไลน์ พี่ดุ้น

  • เบื่อ
  • ผู้สนับสนุน web
  • *
    • กระทู้: 436
    • เพศ:ชาย
ขอเก็บตก


แล้วทำไมต้อง "Up sampling" อ่ะ...? 


แหะ คงต้องถามด้วยว่าทำไมต้อง "down sampling" ด้วยอ่ะนะครับ ? ทำไปทำไม

ผมไม่รู้นะครับว่าจุดประสงค์จริงๆมันมีกี่อย่าง แต่อย่างนึงที่ผมรู้แน่ๆคือ ในระบบ digital audio หากข้อมูลสัญญาณ digital ที่ต้องการ mix เข้าด้วยกัน เช่นพวก mixer หรือ ระที่ต้องการการ interface กับระบบอื่นที่มี sampling rate ต่างกัน ก็จำเป็นจะต้องแปลงให้มันเท่ากันก่อน ตรงนี้อ่านผ่านๆจาก application note หรือหนังสือเล่มไหนก็ไม่รู้ ลืมแล้ว เพราะตอนแรกก็สงสัยว่าจะทำไปทำไมวะ?

แต่ที่แน่ๆ Upsampling นี่เป็นการเพิ่ม sampling rate โดยไส่ zero padding เข้าไป แต่การ oversampling นั้นคือการเพิ่ม sampling rate ให้มากกว่าความถี่ Nyquist ไม่ได้ไส่ zero padding ส่วน down sampling นี่คือลด sampling rate ลง โดยทำการสุ่มสัญญาณสุ่มอีกทีนึง

อย่างที่ผมบอกไปก่อหน้านี้โน้นนนนนนน การ upsampling กับ oversampling ดูผิวเผินเหมือนจะเหมือนกัน แต่จริงๆมันต่างกัน คนละจุดประสงค์กันเลย เพราะฉะนั้นใครสนุกกับการ upsampling ด้วย software ลอง upsampling
แล้ว down แล้ว up แล้ว down จาก 44.1 ไป 96 หรือ 192 ก็ได้ แล้วกลับลงมาที่ 44.1 (ทำแบบ Asynchronous) ทำไปซัก 100 รอบอะครับกลับไปกลับมา ได้ความยังไงมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ โคตรอยากรู้เลยอะไม่เคยทำ
เบื่อ


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ขอบคุณครับ เดี๋ยวรอภาค สอง

แต่เท่าที่อ่านๆ ข้างบน เห็นยังมีข้อโตแย้งกันอยู่ แปลว่า มันยังไม่สรุปแน่ๆเลย โดยรวม ใช่ใหมครับ ผมอ่านก็ งงๆ พอดีไม่มีพื้นฐานทางวิศวกรรมเลย  :D

มาต่อครับ
ทีนี้พื้นฐานของการ Sampling สัญญาณ มันมีกฎอยู่ว่า -ความถี่ในการ Sampling จะต้องสูง >= 2 เท่าของความถี่สูงสุดที่จะถูก Sampling- ครับ เอาแค่นี้พอ ใครสนใจลึกๆ ไปหา Nyquist Theorem มาอ่านเอาเอง เพราะฉะนั้นการ Sampling สํญญาณ 20kHz ก็ต้องใช้ความถี่ตั้งแต่ 40kHz ขี้นไปจึงจะใช้ได้ตามทฤษฎี ซึ่งในที่สุดมาตรฐานแรกก็ออกมาที่ 44.1kHz ที่เรารู้จักกันดีครับ

การ Oversampling ก็คือการ Sampling ด้วยความถี่ที่สูงกว่า 2 เท่าของความถี่สูงสุดที่ถูก Sampling ครับ อันนี้คือความหมายกว้างๆ แต่ถ้าโฟกัสเฉพาะกระบวนการ D to A ซึ่งสัญญาณต้นทางคือข้อมูล Digital Audio 16Bit/44.1kHz การ Oversampling ในกระบวนการนี้คือการ Sampling ข้อมูล ด้วยความถี่ที่สูงกว่า 44.1kHz ครับ ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นเท่าตัวพอดีของ 44.1kHz เช่น 88.2kHz, 352.8kHz, ... และที่ไม่เป็นเท่าตัวพอดีเช่น 48kHz, 96kHz,.... ครับ

การ Oversampling ใน D to A มีองค์ประกอบสำคัญ 2 อย่างคือ Interpolation และ Digital Filter ครับ Interpolation ก็คือการประมาณค่า เนื่องจาก Input ที่เข้ามาคือข้อมูลตัวเลข (Digital) การทำให้ Sample มากขึ้น (Over - sampling ตรงตัวเลย) ก็ต้องใช้คณิตศาสตร์มาประมาณค่าเอา ซึ่งผลจากการประมาณค่าทำให้ได้ Sample มากขึ้นจริง แต่เมื่อนำมาเปลี่ยนเป็นค่าสัญญาณต่อเนื่อง (Analog) แล้ว พบว่ามันมีความถี่ที่ไม่ต้องการแถมมาให้ด้วย จึงต้องมีการกรองความถี่พวกนี้ออกด้วย Digital Filter ครับ

ส่วนเหตุผลที่ต้องทำ Oversampling ในกระบวนการ D to A สาเหตุมาจาก Signal Aliasing ครับ Signal Aliasing เป็นของแถมในกระบวนการ A to D และ D to A ครับ คือเมื่อมีการแปลงสัญญาณกลับไปมาแบบนี้ จะทำให้เกิดสัญญาณของแถมในแถบความถี่สูงขึ้น ซึ่งสัญญาณความถี่สูงนี้จะขึ้นกับความถี่ Sampling ว่าเป็นเท่าไหร่ครับ ถ้าความถี่ Sampling สูงเท่าไหร่ Signal Aliasing ก็จะอยู่สูงกว่าความถี่ Sampling ขึ้นไปอีก กรณี Sampling 44.1kHz จะเห็นว่า Signal Aliasing (ซึ่งนับเป็น Noise เพราะเราไม่ต้องการ) มันอยู่ใกล้กับความถี่สูงสุดที่เราต้องการมาก (20kHz) ถ้าจะใช้ Analog Filter กรองออก ก็ต้องใช้ Filter ความสามารถสูงซึ่งออกแบบยาก เสถียรภาพต่ำ และราคาแพง วิธีการแก้ปัญหาก็คือเอาสัญญาณ Digital มา Oversampling ซะ Signal Aliasing จะได้ไปอยู่ที่ความถี่สูงๆ ไงละครับ สมมุติ 4X Oversampling จาก 44.1kHz ก็จะเป็น 176.4kHz Aliasing Signal ก็จะย้ายไปอยู่สูงกว่า 176.4kHz ขึ้นไปอีก เทียบกับเดิมที่ 44.1kHz แล้ว สามารถออกแบบวงจรกรองได้ง่ายกว่ามากๆ

Non-Oversampling ก็คือ ไม่มีไอ่พวกข้างต้นนี่ทั้งหมด แค่นั้นเองครับ เอาข้อมูล Digital Audio มา แล้วเปลี่ยนเป็น Analog Signal เลย ผลก็คือเราจะได้ Signal Aliasing ที่ความถี่ต่ำไงครับ ก็ไปหาวิธีการกรองกันเอาครับทีนี้ ส่วนรูป-กราฟคุณ RFlover Post ไว้หมดแล้วครับ  :)