HTG2.club

อีกห้องหนึ่งที่อุดรครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
สวัสดีครับ พึ่งกลับมาจากเรียน HAA ที่จีนมาครับผมเลยเอารูปบรรยากาศการเรียนมาให้ดู ที่ต้องมาเรียนต่อจาก THX ก็เพราะว่า ตอนเรียน THX John Dalh แนะนำให้เรียนต่อ HAA ถ้าต้องการรู้รายละเอียดในเรื่อง Calibration เพราะ THX ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Foundation ใน Home Theatre ก็คล้ายๆกับบอกว่า ถ้าจะเอาให้ลึกต้องมาเรียน HAA ต่อประมาณนั้น



Course นี้เป็น Level 1+2 เรียนสี่วันเต็ม ตั้งแต่เก้าโมง ถึงหกโมงเย็นทุกวัน Material ที่ให้มาก่อนการเรียนครับ มาเป็นแฟ้ม ทั้งหนังสือ check list, CD file ที่ต้องใช้ในการทดสอบเสียงต่างๆ


อันนี้เป็นอาจารย์คนสอน Gerry Lemay จาก HAA


ส่วนอีกคนจะเป็นคนแปลภาษาจีนให้คนจีนที่ร่วมประชุมฟัง Max Li คนนี้เก่งมาก รับทั้งสอนทั้งแปล Course ต่างๆ ทั้งภาพและเสียงของTHX, ISF, CEDIA เมื่อก่อนอยู่อเมริกาทำงานให้บริษัท Dolby มาหลายปี ตอนนี้มาเปิดบริษัทเองที่จีนแล้ว พูดอังกฤษคล่องปร๋อ การเรียนวันแรกจะเป็น Seminar ทั้งวันเรื่องพื้นฐานต่างๆ ซึ่งบางเรื่องผมว่าค่อนข้าง Advance เลยทีเดียว สรุปว่าได้ความรู้ขึ้นอีกมาก บางอย่างที่คิดว่ารู้แล้ว ทำให้รู้มากขึ้นว่ามันมีอะไรมากกว่าที่เราเข้าใจ และมันจะนำไปใช้จริงอย่างไร


ในวันที่สองจะเป็น Workshop การ Calibrate แบบรวดเร็ว หรือชาว HAA จะเรียกกันว่า Turbo Cal โดยจะใช้การ Calibrate ไม่เกินสองชั่วโมง ใช้การวัดโดย Mic ตัวเดียว ก่อนเข้าไปปรับจริง Gerry ได้อธิบาย Rule of thumb ต่างๆที่ต้องใช้


ภายในห้องที่ต้องใช้ทำ Workshop อีกสามวัน




ตอนแรกที่เห็น mode ในห้องละหนาวเลย


วันที่สามกับสี่จะเป็นการปรับแบบละเอียด หรือ HAA จะเรียกว่า Power Cal โดยจะปรับทุกอย่างอย่างละเอียด non compromise ในทุกๆจุด ซึ่งปกติห้องหนึ่งๆ อาจต้องใช้เวลาปรับเป็นวันๆหรือหลายวันได้ เป็นการปรับที่ Gerry บอกว่าปรับให้เสียงห้อง Home theater ได้เสียงแบบ Audiophile ซึ่งสองวันหลังจะมันสุดเพราะต้องใช้ความรู้ทุกอย่างมาแก้ไขปัญหาที่เจอ โดยจะแบ่งหน้าที่นักเรียนแต่ละคนทั้งหกคนเป็น หัวหน้าการปรับ, คนลงข้อมูล ผู้ช่วย คนงานยก Sub ปรับไมค์ ลูกค้าเจ้าของห้อง โดยจะมีโจทย์มาให้แล้วให้ Discuss และแก้ปัญหากันเองก่อน แล้ว Gerry จะมาตรวจดูผลงานอีกที ส่วนหน้าที่ก็จะวนสลับกันไปในแต่ละโจทย์ปัญหา จนทุกคนได้ทำงานครบทุกหน้าที่ในการปรับ












โฉมหน้านักเรียนทั้งหมดหกคน


สรุปเสียงที่ออกมาตอนงานเสร็จแล้วต้องบอกว่าเสียงเปลี่ยนจากตอนก่อนปรับมากครับ เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ ตอนปรับไปเรื่อยๆก็ไม่ได้คิดอะไร ทำไปตาม Checklist ที่ให้มา แต่ตอนส่งงานสุดท้ายแล้วลองมา integrate ฟังถึงกับอึ้งครับ เห็นอุปกรณ์ธรรมดา ห้องธรรมดาอย่างนี้ Gerry ปรับจนได้เสียงที่สุดยอดมาก สมกับเป็นมือปรับระดับ world class ต้องยอมรับในเรื่องฝีมือกับความรู้ของแกจริงๆครับ

 O0 O0 O0


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ว๊าวววว ภาพสวยมากกกเลยครับ มัลดีฟ เฉียดจะได้ไปหลายเที่ยวแล้ว เห็นรูปแล้วอยากไปสุดๆครับ O0

แนะนำเลยครับคุณรักษ์ ไปให้ได้สักครั้ง
 O0 O0 O0


ออฟไลน์ RAK

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Super Star
  • *****
    • กระทู้: 1,723
    • เพศ:ชาย
ว๊าวววว ภาพสวยมากกกเลยครับ มัลดีฟ เฉียดจะได้ไปหลายเที่ยวแล้ว เห็นรูปแล้วอยากไปสุดๆครับ O0


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ผมเคยไปฮันนีมูนเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ไป ClubMed Kani ครับ เห็นเกาะอื่นก็น้ำลายไหลอยากไป แต่งบต้องมากกว่านี้

ยอมรับว่า มัลดีฟนี่สวยจริงๆ

 like


ออฟไลน์ tsainont (FilmJunkie)

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,593
    • เพศ:ชาย
    • Sanguan Electric
ผมเคยไปฮันนีมูนเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ไป ClubMed Kani ครับ เห็นเกาะอื่นก็น้ำลายไหลอยากไป แต่งบต้องมากกว่านี้

ยอมรับว่า มัลดีฟนี่สวยจริงๆ
สนใจผลิตภัณฑ์พัดลมอุตสาหกรรม พัดลมโรงงาน พัดลมฟาร์ม พัดลมเกษตร โบลเออร์ เชิญที่ www.se-fan.com นะครับ


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
สวยทุกรูปเลยครับ  Y] O0

ขอบคุณครับ แต่บรรยากาศของจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลยครับ

 O0





ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

เอารูปมาฝากจากมัลดีฟนะครับผม


ไปกับแม่บ้านพักกันที่ Moofushi Resort ครับ


นั่ง Seaplane ไปลงที่เกาะครับ


มองจาก Seaplane เห็น Atoll แบบต่างๆกันครับ




มาถึงห้องพักก็มี แชมเปญ กับผลไม้รอไว้แล้วครับ


บรรยากาศหลังห้อง






บริเวณหน้าห้อง




ฉลามมีให้เห็นทั่วๆไปตามใต้ถุนบ้าน

บรรยากาศรอบๆเกาะ
















สาวๆ ใส่ทุพีช มีให้เห็นโดยทั่วไปบนเกาะ Wow.....


กิจกรรมหลักๆคือดำน้ำครับ ดำทุกวันวันละสองรอบ ตัวดำปี๋เลยครับ



บรรยากาศช่วงเย็นๆครับ













ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ไล่อ่านแต่แรกได้ความรู้มากครับ...ว่าแต่ sub หายไปไหนเหรอครับ ย้ายตำแหน่งหรือไม่จำเป็นต้องใช้ครับ ???

สราวุธ


ดีใจครับที่บทความพอเป็นประโยชน์ครับ ส่วน Sub ตอนนี้มันถูกลากมาอยู่ตรงนี้ครับ


ส่วนอีกตัวไปอยู่อีกข้างหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าต่อไปจะถูกลากไปไหนอีก ผมว่าข้อดีอย่างหนึ่งของ Sub Dude คือ ลาก Sub ไปไหนมาไหนได้ง่าย ไม่ต้องปวดหลังยก โดยเฉพาะเวลาต้องหาตำแหน่ง Sub ที่เหมาะสม
 :secret



ขอถามคุณหมอเอก สักนิดครับว่า การวาง sub ไว้ด้างข้างแบบนี้โดยรวมดีขึ้นกว่าวางไว้ข้างหน้าไหมครับ เพราะเห็นห้องในเว็ปต่างประเทศที่ systemใหญ่ หรือมีห้องที่ดีๆ นิยมวางsubไว้ด้างข้างซะเยอะ การวางแบบนี้มีข้อดีอย่างไรครับ
ขอบคุณมากๆครับ

ขออภัยครับที่มาตอบช้าไปหน่อย พอดีพึ่งกลับจาก Maldive มาครับผม ผมวาง sub ไว้ข้างๆเพราะมันลากไปลากมาง่าย เวลาผมหาตำแหน่งแล้ววัดจาก RTA ส่วนจะดีกว่าข้างหน้าไหม มันคงแล้วแต่สภาพห้อง เพราะตามหลักการก็สามารถวางไว้ได้ทั้ง ด้านหน้าด้านหลัง หรือผนังด้านข้างทั้งสองข้าง แต่ด้านหน้าของผมมันเลื่อนหาจุดลำบากมันติดทั้งลำโพง เครื่องเล่นต่างๆ เลยว่าเอาไว้ข้างๆดีกว่าลากไปมาได้สะดวก เพราะห่างกันไม่กี่นิ้วเสียงต่างกันพอสมควรเลยครับผม
 :secret


ออฟไลน์ ย่องมาฟัง

  • ***
    • กระทู้: 133
ไล่อ่านแต่แรกได้ความรู้มากครับ...ว่าแต่ sub หายไปไหนเหรอครับ ย้ายตำแหน่งหรือไม่จำเป็นต้องใช้ครับ ???

สราวุธ


ดีใจครับที่บทความพอเป็นประโยชน์ครับ ส่วน Sub ตอนนี้มันถูกลากมาอยู่ตรงนี้ครับ



ส่วนอีกตัวไปอยู่อีกข้างหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าต่อไปจะถูกลากไปไหนอีก ผมว่าข้อดีอย่างหนึ่งของ Sub Dude คือ ลาก Sub ไปไหนมาไหนได้ง่าย ไม่ต้องปวดหลังยก โดยเฉพาะเวลาต้องหาตำแหน่ง Sub ที่เหมาะสม
 :secret



ขอถามคุณหมอเอก สักนิดครับว่า การวาง sub ไว้ด้างข้างแบบนี้โดยรวมดีขึ้นกว่าวางไว้ข้างหน้าไหมครับ เพราะเห็นห้องในเว็ปต่างประเทศที่ systemใหญ่ หรือมีห้องที่ดีๆ นิยมวางsubไว้ด้างข้างซะเยอะ การวางแบบนี้มีข้อดีอย่างไรครับ
ขอบคุณมากๆครับ



ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
คุณ หมอ   ไปเรียนและ ฝึกฝน เรื่อง ภาพ เสียง     ขอถามเล่น ๆ หน่อย  เทียบกับตอนไปเรียนและสอบหมอ  อันไหนยากง่าย  อันไหน สนุกกว่ากัน อ่ะคับ

ทำงานด้านหมอเครียดกว่าครับ เพราะต้องทำกับคนจริงๆ แต่ความยาก ผมว่าแต่ละศาสตร์ มันก็มีความยากในตัวของมันเองทุกอย่างนะ อย่างกับเรื่องเสียงเนี่ย ผมอ่าน Master Handbook of ACOUSTIC ของ Everest & Pohlmann บางบทมึนตึบเลยครับ ส่วนอันไหนสนุกกว่า อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ล่ะครับ Home theater แน่นอน เพราะมันเป็นอะไรที่ชอบล่ะครับ บางทีมีเครียดบ้าง เหนื่อยบ้างเราก็พักบ้าง ช่วงไหนบ้าๆ ก็เล่นไป สนุกดีครับผม......

 :showoff :showoff :showoff :showoff :showoff :showoff :showoff :showoff :showoff


ออฟไลน์ อูฐ

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 4,631
คุณ หมอ   ไปเรียนและ ฝึกฝน เรื่อง ภาพ เสียง     ขอถามเล่น ๆ หน่อย  เทียบกับตอนไปเรียนและสอบหมอ  อันไหนยากง่าย  อันไหน สนุกกว่ากัน อ่ะคับ



ออฟไลน์ อูฐ

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 4,631

ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ไล่อ่านแต่แรกได้ความรู้มากครับ...ว่าแต่ sub หายไปไหนเหรอครับ ย้ายตำแหน่งหรือไม่จำเป็นต้องใช้ครับ ???

สราวุธ


ดีใจครับที่บทความพอเป็นประโยชน์ครับ ส่วน Sub ตอนนี้มันถูกลากมาอยู่ตรงนี้ครับ



ส่วนอีกตัวไปอยู่อีกข้างหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าต่อไปจะถูกลากไปไหนอีก ผมว่าข้อดีอย่างหนึ่งของ Sub Dude คือ ลาก Sub ไปไหนมาไหนได้ง่าย ไม่ต้องปวดหลังยก โดยเฉพาะเวลาต้องหาตำแหน่ง Sub ที่เหมาะสม
 :secret


ออฟไลน์ Help !!!

  • Guest (บุคคลทั่วไป)
  • Superstar...
  • *
    • กระทู้: 5,866
  • Please Help Thanks
 ไล่อ่านแต่แรกได้ความรู้มากครับ...ว่าแต่ sub หายไปไหนเหรอครับ ย้ายตำแหน่งหรือไม่จำเป็นต้องใช้ครับ ???

สราวุธ
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เพื่อนๆที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิกฝากถามมา ก็ขอความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆสมาชิก ช่วยตอบให้ด้วยนะคร๊าบผม...ขอบคุณมั่กๆครับ...


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

ห้องหมอเอก ได้ใบรับรอง THX ยังครับ? อยากไปฟัง  :yahoo



ยังต้องแก้ไขหลายจุดครับ ค่อยๆแก้ไป ปรับแต่งไปเรื่อยๆครับ วันไหนป๋าอิ๊ดว่างๆแวะเข้ามาได้ตลอดครับผม
 :showoff :showoff :showoff


ออฟไลน์ ขุนดง

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,118
    • เพศ:ชาย

ห้องหมอเอก ได้ใบรับรอง THX ยังครับ? อยากไปฟัง  :yahoo




ออฟไลน์ b3344

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Super Star
  • *****
    • กระทู้: 1,380



ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
like like like like ยอดเยี่ยมจริงๆ มืออาชีพยังสู้ใจรักของนักเล่นแบบนี้ไม่ได้  c) c) c) c) c)

ขอบคุณครับ อย่างผมเป็นพวก enthusiast ครับผม
 :showoff

O0 สุดยอดเลยครับพี่

ขอบคุณจ้าคุณตั้งไข่
 :victory


ออฟไลน์ ตั้งไข่

  • Superstar....
  • *****
    • กระทู้: 20,033
    • เพศ:ชาย
  • Keane and Ken's Daddy
    • FotoCoffeeS.com
 O0 สุดยอดเลยครับพี่
ไม่อยากหมดตรูด ต้องยึดนโยบาย "น้ำเต็มแก้ว" กับ "กบในกะลา"

"ไฟบางทีก็ดับด้วยน้ำไม่ได้ ต้องใช้ระเบิดโยน" by pop2000

ของพี่ๆเขา เพราะลำโพงคู่เดียว ส่วนของผม เพราะแอมป์ตัวเดียว :black_eye



ออฟไลน์ Phantom

  • *
    • กระทู้: 43
    • เพศ:ชาย
 like like like like ยอดเยี่ยมจริงๆ มืออาชีพยังสู้ใจรักของนักเล่นแบบนี้ไม่ได้  c) c) c) c) c)
Phantom


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ RAK

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Super Star
  • *****
    • กระทู้: 1,723
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
สุดยอด...ขอแสดงความยินดีด้วยครับ  d_d d_d O0 O0

ขอบคุณครับ รอติดตามชมห้องคุณหมูอ่อนนุชอยู่นะครับ

 :victory


ออฟไลน์ หมูอ่อนนุช

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,048
สุดยอด...ขอแสดงความยินดีด้วยครับ  d_d d_d O0 O0
My twitter.........wo_ofm


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย


คุณ Pontip ซู้ดยอด
กระทู้นี้ดีมากเลยครับ หาเจอโดยบังเอิญไม่รู้ไปกดอะไรเจอ
อืม ผมไม่ได้เอะใจว่า หากจะทำ dBfs -0 แอมป์มันต้องแรงมากจริงๆ อืมมๆๆๆๆ ช่ายๆๆๆๆๆ
หากจะทำห้องให้ได้มาตรฐานก็ต้องประมาณนี้เลยทีเดียว เยี่ยมซู้ดดดเลยครับ

นักเล่นไทยส่วนใหญ่มองเรื่องเครื่องเสียงเป็นแบบจับต้องไม่ได้ ไม่เคยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วยปรับ
ส่วนใหญ่เป็นประเภท ความสามารถส่วนบุคคลลอกเลียนแบบไม่ได้  (ซึ่งจริงๆก็ผิด)
อ่านมาจากเว็บอื่น พวกเรื่องการตั้งค่า subwoofer อ่านไปก็ขำไปครับ
ต้องมีแบบนี้บ่อยๆ นักเล่นไทยจะได้พัฒนาเดินหน้ากับเขาบ้าง

อย่างค่า impulse response (หาหน่วยออกมาเป็นเมตร หรือพวก delay) และการวัดค่าคุณ pongtip เขียนได้ดีมากเลยครับ
นอกเรื่องหน่อย อย่างผมทำพวกแผ่นซับเสียง ลูกค้าอยากได้ห้องแสนเงียบๆ (over-damped)
บางทีพูดไปก็เหนื่อย โดนด่าอีกต่างหาก มีกระทู้แบบนี้ละดีแล้วครับ

ปล.ปกติผมใช้ค่าพวก Rt60, EDT, RT30.พวกนี้ทุกวันเยยย :)


สรุปว่าเรื่องการวัดค่าเสียงเจ๋งที่ซู้ดดดดดด

สวัสดีครับคุณ mc_lover ผมก็เห็นด้วยเลยครับ ว่าเรื่องพวกคลื่นเสียงพวกนี้เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง มีการเรียนในมหาวิทยาลัย มีหนังสือที่พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ มี Journal ด้วย และมันก็เป็นไปตามหลัก Physics เรื่องคลื่นนี่แหละครับ ถ้าเข้าใจพื้นฐานของมันการปรับแต่งเสียงก็ทำได้ง่ายขึ้น ดูจากกราฟก่อนหลังปรับรูปนี้ครับ



ซึ่งห้องผมคำนวณได้ค่า resonance ที่มีปัญหาประมาณ 60Hz ซึ่งพอวัดจริงๆก็อยู่ที่ประมาณห้าสิบกว่า ดังกราฟเส้นสีเขียว หลังจากนั้นก็ได้ลองปรับตามหนังสือแนะนำไว้ (แต่ก็ไม่ได้ตรงเปะๆ ก็พอเป็น idea) ผลก็ดีทีเดียวตามกราฟเส้นสีขาว
 Y]

หลักการมาจากเล่มนี้แหละครับ ของ Dr.Floyd



อย่างของผมปัญหามันอยู่ที่ First กับ Second order ที่ความกว้างกับยาวตามลำดับ ก็จะได้ตำแหน่งคร่าวๆ แล้วไปปรับกับของจริงฟังของจริงแล้วขยับตามเหมาะสมในห้องอีกทีครับ
 :secret



ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมยอดเลยครับ หมอเอก ผ่านมาบางแสน รบกวน ขอความรู้ บ้างนะครับ
 โดยส่วนตัวผมเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องของacoustic ก็เป็นศาสตร์ แขนงหนึ่งที่พิสูจน์ และรับรู้ได้จริง วัดค่าได้
 ต้นเหตุ ของการที่มาสนใจ ของผมก็เพราะสงสัยว่า ทำไมบางห้อง เครื่องแพง แต่เสียงไม่คุ้มราคา. แต่บางห้อง เครื่องไม่แพง แต่ฟังเพลงดี จัง ก็เป็นจากหลายปัจจัย ด้วยกัน สำหรับผมเอง ให้ความสำคัญกับห้ห้องฟังมาเป็นอันดับแรก. นั้่น คือ ขนาด และสัดส่วนของห้อง. โครงสร้าง และการตอบสนองควาถี่ของห้อง. เมื่อเราทราบแล้วจึงนำ ข้อมูลที่ได้นั้นมา แก้ไขปัญหาของห้อง ไม่มีห้องไหนที่ไม่มีปัญหา ขึ้นกับว่าต้องแก้มาก แก้น้อย เป็นสำคัญ. ถ้าห้องไม่จบ เล่นไปเท่าไหร่ ก็ไม่จบ หรือ ไม่สุด.
      หมอเอกเป็นอีกคนหนึ่งที่ ผม ว่าเป็นคนที่สนใจ ทั้งทางด้านภาพและเสียงอย่างจริงจัง มากๆคนนึงเลยในweb นี้. รอติดตามผลงานครับ
ปล . เรื่องเมื่อได้ห้องที่ดีแล้ว. ต่อไปคือstep ของการเลือกคู่ครับ. (Matching)  เมื่อเลือกคู่ ได้แล้ว ก็ถึงเวลาปรับตัวเข้าหากัน (tuning) ถ้ามีอะไรขาดๆเกินๆกันไปบ้าง ก็ต้องหาตัวช่วย (accessory) เมื่อได้ดังนี้แล้วชีวิตก็อยู่กันยืดครับ ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อยๆ.   like
   ยอดเยี่ยมครับหมอเอก.   นับถือๆ

ขอบคุณครับคุณหมอนพ ถ้าผมได้มีโอกาสไปแถวบางแสน คงต้องขออนุญาตไปชมห้องคุณหมอแน่นอนครับ แต่คงเป็นผมไปขอความรู้กับประสบการณ์กับคุณหมอมากกว่าครับ ผมไม่ได้รู้มากมาย รู้แค่บางจุด ยังต้องหาประสบการณ์กับความรู้เพิ่มอีกมากครับ เห็นคุณหมอตอบก็รู้แล้วว่าประสบการณ์ไม่ธรรมดาจริงๆ  O0
ยินดีครับผม
หมอเอก


ยอดเยี่ยมมากครับ สงสัยบางค่าอยู่นานมาก ขอบคุณครับที่มาถ่ายทอดความรู้ให้ รอติดตามชมต่อครับ
ยินดีครับ เดี๋ยวถ้ามีเวลาผมจะมา มั่วต่อนะครับ 555
 :D


พี่หมอเอกสุดยอดมากๆครับ O0 O0 O0

คุณตั้งไข่ก็สุดยอดเหมือนกันครับ ผมติดตามชุดคุณตั้งไข่มาตลอดนะครับ
 O0


ออฟไลน์ ตั้งไข่

  • Superstar....
  • *****
    • กระทู้: 20,033
    • เพศ:ชาย
  • Keane and Ken's Daddy
    • FotoCoffeeS.com
พี่หมอเอกสุดยอดมากๆครับ O0 O0 O0
ไม่อยากหมดตรูด ต้องยึดนโยบาย "น้ำเต็มแก้ว" กับ "กบในกะลา"

"ไฟบางทีก็ดับด้วยน้ำไม่ได้ ต้องใช้ระเบิดโยน" by pop2000

ของพี่ๆเขา เพราะลำโพงคู่เดียว ส่วนของผม เพราะแอมป์ตัวเดียว :black_eye



ออฟไลน์ Nit'09

  • *
    • กระทู้: 47
ยอดเยี่ยมมากครับ สงสัยบางค่าอยู่นานมาก ขอบคุณครับที่มาถ่ายทอดความรู้ให้ รอติดตามชมต่อครับ


ออฟไลน์ dr.nop

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,735
    • เพศ:ชาย
  • CIH club thailand
    • saensuk hifi.com
เยี่ยมยอดเลยครับ หมอเอก ผ่านมาบางแสน รบกวน ขอความรู้ บ้างนะครับ
 โดยส่วนตัวผมเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องของacoustic ก็เป็นศาสตร์ แขนงหนึ่งที่พิสูจน์ และรับรู้ได้จริง วัดค่าได้
 ต้นเหตุ ของการที่มาสนใจ ของผมก็เพราะสงสัยว่า ทำไมบางห้อง เครื่องแพง แต่เสียงไม่คุ้มราคา. แต่บางห้อง เครื่องไม่แพง แต่ฟังเพลงดี จัง ก็เป็นจากหลายปัจจัย ด้วยกัน สำหรับผมเอง ให้ความสำคัญกับห้ห้องฟังมาเป็นอันดับแรก. นั้่น คือ ขนาด และสัดส่วนของห้อง. โครงสร้าง และการตอบสนองควาถี่ของห้อง. เมื่อเราทราบแล้วจึงนำ ข้อมูลที่ได้นั้นมา แก้ไขปัญหาของห้อง ไม่มีห้องไหนที่ไม่มีปัญหา ขึ้นกับว่าต้องแก้มาก แก้น้อย เป็นสำคัญ. ถ้าห้องไม่จบ เล่นไปเท่าไหร่ ก็ไม่จบ หรือ ไม่สุด.
      หมอเอกเป็นอีกคนหนึ่งที่ ผม ว่าเป็นคนที่สนใจ ทั้งทางด้านภาพและเสียงอย่างจริงจัง มากๆคนนึงเลยในweb นี้. รอติดตามผลงานครับ
ปล . เรื่องเมื่อได้ห้องที่ดีแล้ว. ต่อไปคือstep ของการเลือกคู่ครับ. (Matching)  เมื่อเลือกคู่ ได้แล้ว ก็ถึงเวลาปรับตัวเข้าหากัน (tuning) ถ้ามีอะไรขาดๆเกินๆกันไปบ้าง ก็ต้องหาตัวช่วย (accessory) เมื่อได้ดังนี้แล้วชีวิตก็อยู่กันยืดครับ ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อยๆ.   like
   ยอดเยี่ยมครับหมอเอก.   นับถือๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 สิงหาคม, 2013, 08:02:32 am โดย dr.nop »


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

วันนี้ขอมาต่อเรื่องImpulse Response ที่ค้างไว้จากกราฟคราวที่แล้ว มันเป็นการวัดการตอบสนองของห้องต่อเสียง หลักการก็คือเครื่องจะทำการบันทึกเสียงช่วงสั้นๆไม่กี่สิบวินาที เมื่อเริ่มบันทึกก็จะไม่มีเสียงเพื่อวัดค่า noise ของห้อง อีกสัก 3-7วินาทีเครื่องก็จะส่งสัญญาณเสียงไปยัง pre เพื่อทำให้เกิดเสียงซึ่งอาจจะป็นเสียงimpulse เสียงลูกโป่งแตก หรือเป็นเสียง Sweep แล้วแต่เราเลือก หลังจากอัดเสียงเสร็จก็จะคำนวณค่าต่างๆออกมาได้ เหมือนในรูปข้างล่างนี้



มาดูแต่ละค่ากันครับว่ามีความหมายอะไรบ้าง เอาแบบคร่าวๆที่ได้ใช้งานจริงๆ บางค่าก็ไม่จำเป็นสำหรับห้องhome theater
T30 หรือที่เราคุ้นกันคือ RT60 เป็นค่าเวลาที่เสียงลดลงจนถึง 60dBหลังจากสิ้นสุดต้นกำเนิดเสียง พูดง่ายๆก็คือความก้องของห้อง ถ้ามีค่ามากแสดงว่าห้องมีการก้องของเสียงมาก ค่าที่ THX แนะนำไว้ประมาณ 2-4 ms ห้องวัดได้ที่ Mid 0.37s ส่วน High freq ได้0.34 s ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงปกติ แต่มาดูที่กราฟอีกที



อันบนเป็นกราฟของT30 ที่แยกมาแต่ละคลื่นความถี่ พบสูงสุดของ Octave 63 วัดได้ .511 ก็ถือว่าสูงนิดหน่อย ก็ถ้าต้องการให้ลดอาจต้องหา bass trap ที่จับความถี่ต่ำมาลดการสะท้อนของความถี่ต่ำๆ  ซึ่งอย่างที่เคยบอกไปว่าค่า RT60 จะวัดยากและไม่ค่อยเท่ากัน เวลาวัดก็ต้องดูที่มันเฉลี่ยออกมาใกล้เคียงกันที่สุดคร่าวๆก็พอเป็น Idea

ส่วนกราฟด้านล่างของ RT60 เป็นกราฟของ SN Avg ก็คือค่า Signal to Noise Ratio เป็นการวัดความต่างของเสียงImpulse กับเสียง noise แนะนำให้ได้เกิน 50 ยิ่งมากยิ่งดีแสดงว่า Noise น้อยเมื่อเทียงกับสัญญาณเสียง ห้องนี้ได้ 57dB ก็ถือว่า OK แต่จากกราฟ ความถี่ต่ำได้ค่า 49.5 ถือว่าถ้าจะเอาให้ดีกว่านี้คงต้องลด noise ความถี่ต่ำลงอีกหน่อย

ค่าอีกสองค่าที่น่าสนใจคือ C50 กับ C80 เป็นค่า Charity parameter พูดง่ายๆก็คือค่าที่บอกความชัดของเสียง C50 มันใช้ในห้องที่มีการใช้เสียงพูดเป็นหลัก ส่วน C80 ใช้กับห้องที่ต้องการทำเป็นห้องฟังเพลงเป็นหลัก ค่าที่มากขึ้นบ่งถึงว่าตัวโนัตจะชัดขึ้นการบวมเบลอของเสียงจะน้อยลง หน่วยจะเป็น dB ไม่มีค่ามาตฐานที่ใช้กันทั่วไปสักเท่าไหร่ รู้เพียงว่าในห้องที่เน้นฟังเพลงเล็กๆก็ค่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1ถึง -16dB จากกราฟจะเห็นว่าห้องผมค่าต่ำสุดจะอยู่ที่ 315Hz ที่2 dB ก็พอถูไถ



อีกค่าที่น่าสนใจคือค่า BR หรือค่า Bass Ratio เป็นค่าที่แสดงค่า warmth ของห้อง แปลเป็นไทยก็น่าจะเป็นความอบอุ่นของห้อง ค่าที่สูงห้องจะเป็นห้องที่มีเบสมากขึ้น โดยห้องที่จะให้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพูดเป็นหลัก ค่าควรจะอยู่ระหว่า 0.9-1.0 แต่ถ้าเป็นห้องที่ต้องการเน้นเรื่องเสียงดนตรี ค่าควรจะอยู่ 1.0-1.3 ห้องผมได้ 1.28 ก็พอไหวสำหรับห้องที่เน้นเสียงดนตรี

กราฟต่อมาเป็นกราฟที่บอกถึง Early Reflextions ของห้อง หรือการสะท้อนของห้องในช่วงแรก



จากกราฟผมได้ลาก Cursor ไปยังจุด first reflextion ของลำโพงL-R พบว่าค่าอยู่ที่ 1.1เมตร ซึ่งค่านี้จะช่วยในการ treatment ห้อง เช่นถ้าเราต้องการลด first reflextion ของเสียงลำโพงสองตัวนี้ก็ต้องวาง วัสดุ treatment ไม่ว่าจะเป็น diffusor, absorber ห้างจากลำโพงสัก 1.1 เมตร แต่ระวังเพราะว่า Early Reflextion ของเสียงเป็น Reflextion ที่ดีไม่ควรกำจัดออกหมด ตัวที่ไม่ดีคือ late reflextion ซึ่งจะทำให้เสียงไม่ชัดพร่ามัวและเพี้ยน บางคนเข้าใจผิดคิดว่า reflextion พวกนี้ไม่ดีหมดเลยเก็บเสียหมดเลย มันก็เลยทำให้เป็นการ Over treatment เสียงที่ได้ออกมาก็จะแห้ง ไม่เหมือนธรรมชาติ มือ set ระดับโลกหลายคนไม่ว่าจะเป็น John Dahl, Bob Hodas, Gerry lemay หรือเจ้าพ่อ Acoustic อย่าง Dr. Floyd Toole พูดเหมือนกันทุกคนว่าข้อผิดพลาดที่เห็นบ่อยในห้อง home theater หรือ แม้กระทั่งโรงภาพยนต์บางโรงเอง คือ Over Absorption มันทำให้เสียงแปลกๆ ไม่มีการสะท้อนที่เหมาะสม เหมาะเป็นห้องประชุมมากกว่าห้องดูหนังฟังเพลง แต่ก็เคยมีคนแย้ง Gerry ว่าห้องดูหนังเราก็ต้องเน้นเสียงพูดมากที่สุด ซึ่งเขาก็ตอบว่าไหนบอกบอกหน่อยว่าหนังที่เคยดูมีเรื่องไหนบ้างที่ไม่มีเพลงประกอบอยู่ในเรื่องบ้างซึ่งเพลงนี่แหละทำให้ได้อรรถรสหนังมากขึ้น ดังนั้นการใส่ Diffuser และ Absorber จึงใส่แค่พอเหมาะก็พอ เหลือพื้นที่ไว้ให้เสียงมันสะท้อนบ้างซึ่งในแต่ละแห่งก็จะมีสูตรการใส่การวางtreatment พวกนี้ต่างๆกันไป THX ก็มี pattern การวางของเขาเองเหมือนกัน แต่คงต้องพูดกันอีกยาว 555
พูดมาซะยืดยาว เดียวถ้าว่างๆคราวหน้าและยังมีคนสนใจ ผมค่อยมาพูดถึงเรื่อง การวัดด้วย FFT ฝากไว้กับกราฟ FFT ก่อนที่จะปรับ กับหลังปรับ ว่ารูปหลังจากปรับมันมาได้ยังไงต้องปรับอะไรบ้าง

อันนี้เป็นเสียงเบสก่อนปรับ



อันนี้เป็นเสียงเบสหลังปรับ



อันนี้เป็น Full pink noise ก่อนปรับ



อันนี้เป็น Full pink noise หลังปรับ



 :secret


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมครับคุณหมอ ติดตามติดตาม
 O0 O0 O0
 O0 O0 O0
ได้รู้เพิ่มอีกเพียบ

อีกนิด

ต้องเล่นกับตัวนี้ด้วยครับ D2v ยังไม่ละเอียดพอนะผมว่านะครับ หมอเอกต้องเล่นตัวนี้ไปเลยครับ

DATASAT RS20i ปรับได้ละเอียดสุดๆ


ขอบคุณครับพี่เล็ก  :)

ส่วนเจ้า Datasat น่าจะเจ๋งจริง ตอนไปดูงานเครื่องเสียงที่ปักกิ่ง ไม่ว่าห้องเล็กห้องใหญ่ กว่า 70เปอร์เซนต์ใช้อยู่ยี่ห้อเดียว
 O0

ขึ้นไปเมื่อไหร่จะติด RS20i ไปที่ห้องหมอเอกด้วยครับ



ได้แต่ดูล่ะครับ ค่าตัวไปไกลเลย
 :cry2


ขาไมค์ดูตัวนี้ไหมครับคุณหมอ



Auralex PlatFeet are the most effective tool to float your mic stand. Just slide these rigid foam blocks under each foot of your stand to improve clarity and reduce feedback. This can prevent structure-borne vibrations before they transfer to the mic

Also ideal for floating snare drums and floor toms.

Auralex เนี่ยมันทำทุกอย่างขายจริงๆ
 :showoff


ออฟไลน์ M.lex

  • M.Lex HTG (Home Theater GURU)
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,154
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมครับคุณหมอ ติดตามติดตาม
 O0 O0 O0
 O0 O0 O0
ได้รู้เพิ่มอีกเพียบ

อีกนิด

ต้องเล่นกับตัวนี้ด้วยครับ D2v ยังไม่ละเอียดพอนะผมว่านะครับ หมอเอกต้องเล่นตัวนี้ไปเลยครับ

DATASAT RS20i ปรับได้ละเอียดสุดๆ


ขอบคุณครับพี่เล็ก  :)

ส่วนเจ้า Datasat น่าจะเจ๋งจริง ตอนไปดูงานเครื่องเสียงที่ปักกิ่ง ไม่ว่าห้องเล็กห้องใหญ่ กว่า 70เปอร์เซนต์ใช้อยู่ยี่ห้อเดียว
 O0

ขึ้นไปเมื่อไหร่จะติด RS20i ไปที่ห้องหมอเอกด้วยครับ

ขาไมค์ดูตัวนี้ไหมครับคุณหมอ



Auralex PlatFeet are the most effective tool to float your mic stand. Just slide these rigid foam blocks under each foot of your stand to improve clarity and reduce feedback. This can prevent structure-borne vibrations before they transfer to the mic

Also ideal for floating snare drums and floor toms.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 สิงหาคม, 2013, 12:40:51 pm โดย M.lex »
จิตอาสาพาเราเจริญ

โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน" width="190" height="58" border="0


ออฟไลน์ M.lex

  • M.Lex HTG (Home Theater GURU)
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,154
    • เพศ:ชาย
พวกความถี่ต่ำๆ ระดับ 20-30 hz ให้ระวังนะครับ เพราะตัวขาไมร์ เองก็มีความถี่ในตัว  พยายาม อย่ายืดขาไมค์ เยอะครับ ในงาน pa ผมเจอ เบสหื่ง เพราะขาไมค์มาแล้ว   แบบว่าเบสไปกระทบเวที และขาไมค์ เลนวิ่งเข้าไมค์ครับ
เออ ลืมนึกไป เจอแบบนี้เหมือนกัน เยี่ยมครับท่าน
จิตอาสาพาเราเจริญ

โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน" width="190" height="58" border="0


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
พวกความถี่ต่ำๆ ระดับ 20-30 hz ให้ระวังนะครับ เพราะตัวขาไมร์ เองก็มีความถี่ในตัว  พยายาม อย่ายืดขาไมค์ เยอะครับ ในงาน pa ผมเจอ เบสหื่ง เพราะขาไมค์มาแล้ว   แบบว่าเบสไปกระทบเวที และขาไมค์ เลนวิ่งเข้าไมค์ครับ

เอ่อน่าจะเป็นไปได้ นึกไม่ถึงจริงๆ ขอบคุณนะครับเสี่ยเบนซ์สำหรับประสบการณ์ดีๆ
 c)


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมครับคุณหมอ ติดตามติดตาม
 O0 O0 O0
 O0 O0 O0
ได้รู้เพิ่มอีกเพียบ

อีกนิด

ต้องเล่นกับตัวนี้ด้วยครับ D2v ยังไม่ละเอียดพอนะผมว่านะครับ หมอเอกต้องเล่นตัวนี้ไปเลยครับ

DATASAT RS20i ปรับได้ละเอียดสุดๆ


ขอบคุณครับพี่เล็ก  :)

ส่วนเจ้า Datasat น่าจะเจ๋งจริง ตอนไปดูงานเครื่องเสียงที่ปักกิ่ง ไม่ว่าห้องเล็กห้องใหญ่ กว่า 70เปอร์เซนต์ใช้อยู่ยี่ห้อเดียว
 O0


ออฟไลน์ b3344

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Super Star
  • *****
    • กระทู้: 1,380
พวกความถี่ต่ำๆ ระดับ 20-30 hz ให้ระวังนะครับ เพราะตัวขาไมร์ เองก็มีความถี่ในตัว  พยายาม อย่ายืดขาไมค์ เยอะครับ ในงาน pa ผมเจอ เบสหื่ง เพราะขาไมค์มาแล้ว   แบบว่าเบสไปกระทบเวที และขาไมค์ เลนวิ่งเข้าไมค์ครับ


ออฟไลน์ M.lex

  • M.Lex HTG (Home Theater GURU)
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,154
    • เพศ:ชาย
เยี่ยมครับคุณหมอ ติดตามติดตาม
 O0 O0 O0
 O0 O0 O0
ได้รู้เพิ่มอีกเพียบ

อีกนิด

ต้องเล่นกับตัวนี้ด้วยครับ D2v ยังไม่ละเอียดพอนะผมว่านะครับ หมอเอกต้องเล่นตัวนี้ไปเลยครับ

DATASAT RS20i ปรับได้ละเอียดสุดๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 สิงหาคม, 2013, 10:29:19 pm โดย M.lex »
จิตอาสาพาเราเจริญ

โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน" width="190" height="58" border="0


ออฟไลน์ tui147

  • **
    • กระทู้: 60
ยอเดยี่ยมมากคร้าบ ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดีๆครับ เป็นความรุ้ดีมากเลยครับ c)


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
รอติดตามชมครับ  :clap :clap O0 O0

ขอบคุณครับท่าน Saitosan ที่ติดตามอ่าน แต่ก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ขอเฉลยก่อนครับว่า กราฟ RTA รูปที่สองที่เห็นได้ NC25 นั้นเป็นเพราะสายไมค์หลุดมันก็เลยเอาไมค์ในเครื่องipad วัดเลย ผลที่ได้เยี่ยมมากเพราะไมค์ในตัวเครื่องipad ไม่สามารถจับความถี่สูงๆได้เลย มันจึงวัดมาได้น้อยกว่าความเป็นจริงมากครับ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คิดได้ว่าไมค์ในการวัดวัดเสียงต้อง sensitive ดีมากๆ เพราะถ้าไม่ดีค่าที่ได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย สรุปผมก็ต้องมานั่งหาวิธีต่อกรกับเจ้า Noise นี้ต่อไป เอ้อ.......
 :cry2 :cry2 :cry2 :cry2 :cry2 :cry2 :cry2 :cry2

เดี๋ยวคราวหน้าผมจะมาเล่าถึงการวัดต่อมาคือ Room Impulse Response นะครับ หรือที่เราอาจคุ้นกันว่า RT60 หรือ Reverbation Time ซึ่งตัว RT60 เป็นเพียงค่าหนึ่งที่อยู่ใน Room Impulse Response ครับ ยังไงฝากกราฟให้ดูคร่าวๆกันก่อน





ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

จัดเครื่องเข้าที่แล้วได้เวลาวัดค่าแล้ว เอาค่าพื้นฐานของห้องก่อน เป็น RTA ของห้องขณะเงียบที่สุดได้ดังนี้



เห็นค่าแล้วตกใจจะเป็นลม ได้ตั้ง NC47
  :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'(

ต้องอธิบายก่อนว่าค่า NC หรือชื่อเต็มคือ noise criteria เป็นการวัดค่าเสียงรบกวนในระดับ Octave ต่างๆ แล้ว plot ออกมาเป็น Curve หรือเรียกง่ายๆว่า NC Curve ที่ต้องเป็น Curve ก็เพราะว่า การตอบสนองของหูคนต่อความถี่ต่างๆ ไม่ได้ Flat เราก็เลยต้องทำระดับของ NC ตาม นอกจากค่านี้แล้วก็จะมีอีกสองสามค่าที่อาจได้ยิน คือ NCB หรือ balanced noise criteria, RC หรือ room criteria ซึ่งก็จะต่างกันที่สูตร กับ criteria เล็กน้อยแต่สุดท้ายวัดถุประสงค์ก็เหมือนกันคือวัดnoise ในที่นี้ผมใช้ NC ละกันแต่เครื่องที่ผมใช้มันวัดได้ทุกค่าที่บอกมาแหละครับ (NC มักใช้บ่อยแถวๆ North America)

แล้วค่ามาตรฐานมันเท่าไร่หน้อ?
ยังไม่มีการกำหนดแน่นอน NC0 ก็ประมาณค่า Threshold ที่คนปกติจะทนอยู๋ได้ เช่นในห้อง Anechoic chamber คนเข้าไปจะทนอยู่นานๆไม่ได้เพราะเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง เสียงเลือดที่ไหลผ่านเส้นเลือด แต่ที่ผมรู้มาคือ THX กำหนดห้องฟัง หรือโรงภาพยนต์ไว้ที่ NC25 (แม่เจ้าใครจะทำได้) ผมก็ว่าห้องผมเงียบละนะวัดก็ตอนตีหนึ่งทำไมได้ตั้ง NC47 แต่อย่างว่า THX เขาใส่ใจทุกรายละเอียด แม้กระทั่งท่อแอร์ ก็มีการกำหนดไว้ว่าต้องวางยังไงโค้งยังไง ปลั๊กผนังแต่ละจุดต้องวางยังไงไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้ามา จำได้ว่าตอนเรียนTHXแค่เรื่อง noise ต้องใช้เวลาเรียนหลายชั่วโมงกันเลย

แล้วมันสำคัญยังไงล่ะครับ ห้องมันเสียงดังก็ปรับ Volume ให้ดังขึ้นก็จบ?
มันก็จบเลยไงครับ 555
ความจริงเรื่องนี้มันเกี่ยวกับ Dynamic Range(ช่วงความกว้างของเสียงที่เบาสุดถึงดังที่สุด) ของเสียงโดยตรงเลยครับ เพราะว่าเสียงดังที่สุดที่สามารถบันทึกมาจะเป็น 0 dBFS ซึ่งเมื่อนำมาเล่นก็จะได้SPL ความดังที่ 105 dB แต่output ของLFE จะสูงกว่า Channels อื่นๆ 10dB ก็จะได้ 115dB (Dolby Digital) ส่วนระดับเสียงเบาที่สุดที่เราจะได้ยินจะประมาณ 22dB ในห้องฟังมาตรฐานของTHX ดังนั้นถ้า noise เขามีค่าสูง เราก็ต้องปรับ Volume ให้สูงตามเพื่อให้ได้ยินเสียงเบาที่สุดที่ควรจะได้ยิน แต่เดี๋ยวครับดูตารางนี้ก่อน



อันนี้วัดที่หน้าลำโพงหนึ่งเมตรนะครับ จะเห็นว่าถ้าเราจะให้เสียงดังถึง 105dB เราต้องมี Amp อย่างน้อย 500 watt และอย่าลืมว่ายิ่งอยู่ไกลลำโพงออกไปเสียงก็จะเบาลง 3dB ถ้าห่างขึ้นอีกเท่าหนึ่ง ดังนั้นยิ่งถ้าเราเร่ง Volumeมากเพื่อให้ได้ยินเสียงเบาที่สุด เราก็ต้องเพิ่ม Maximum SPL เข้าไปอืกเพื่อชดเชย Dynamic Range ให้เท่าเดิม และคงต้องใช้แอมป์เป็นพันวัตต์ล่ะมั้งครับแล้วAmp อย่างผมแค่ 325watt คงทำไม่ได้ ยิ่งถ้าเราset ให้ลำโพงอื่นให้เล่น LFE ด้วยแล้วต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วยนะครับ ยังไงลำโพงในบ้านก็ยังเล็กกว่าลำโพงที่ใช้ในโรงภาพยนต์ที่ลำโพงแต่ละChannel บางทีมี woofer 15 -18 นิ้วสองสามตัวต่อ channel


เขาเลยบันทึกเสียงให้ ความถี่ต่ำลงไปที่ Sub woofer เพื่อใช้ขยายgain ความถี่ต่ำช่วยลำโพงหลัก ไม่ให้เพี้ยนเมื่อต้องรับ load สูง หรือทำให้ทั้ง Amp กับ ลำโพง เจ๊งเมื่อต้องรับ Dynamic Range ที่สูงขนาดนี้
ดังนั้นการลด noise ให้ได้มากที่สุดจึงมีความสำคัญมากเพื่อให้คงได้ Dynamic ใกล้เคียงกับโรงภาพยนต์มาตรฐานและไม่ load amp กับ ลำโพงมากเกินไปเคยเป็นไหมครับว่าทำไมในโรงหนังเสียงเบส เสียงพูด เสียงเพลง มันได้อารมณ์ดีจริงๆ ฟังก็เหมือนไม่ดังเท่าไหร่ฟังแล้วเคล้ม แต่เมื่อเวลามี impact มาก็มาแบบเต็มๆครบแน่นสะเทือน พอกลับมาฟังห้องที่บ้านเร่งให้ดังๆ กลับไปทำให้เสียงมันเจี้ยวจ้าวไม่น่าฟัง ทำให้การดูหนังแทนที่จะดูนานๆแล้วสนุกไม่เหนื่อยและอินไปในเนื้อเรื่อง กลับต้องมาทนทุกข์กับเสียงดังเกินไป

ตอนนี้ผมเลยมานั่งเอาหัวโขกกำแพง  K]
ว่าจะกำจัดไอ้เจ้า noise อย่างไรดีนะ เลยemail ไปถาม Gerry Lemay ผู้ชำนาญการของ HAA ว่าเครื่องเจ๊งเปล่า หรือผมวัดผิดทำไมวัดได้เยอะเกิน แกก็เลยปลอบใจกลับมาว่า ระดับ NC47 ก็ถือว่าเงียบนะ แต่ถ้าจะเอาระดับห้องอัดเสียงหรือโรงมาตรฐานคงต้องลดลงกว่านี้ พูดง่ายๆก็คือถ้าเราคิดว่าดีละก็พอละ ฟังๆไปเถิดถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่ม
แต่ในที่สุดผมก็ค้นพบทางออกแล้ว ลองดูกราฟล่าสุดเสียก่อน



เป็นไงล่ะ NC25 ไม่ไกลเกินเอื้อม

 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2 :weight_lift2

มันจะไปยากเกินความสามารถคนไทยอย่างเราไปได้ยังไง เดี๋ยวค่อยมาบอกอีกทีถ้ายังมีคนสนใจเรื่องนี้อยู่


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย

หลังจากได้ตัวนี้มา



 iPro Professional Audio Analysis Kit ก็ได้ปลุกปล้ำกันเป็นอาทิตย์กว่าจะพอใช้งานได้คร่าวๆ วันนี้เลยจะมา review ว่าไอ้เจ้าตัวนี้ทำอะไรได้บ้าง

เริ่มจากเอาของออกมา พบว่าสายยาวดี



ตัวนี้ Mic ซึ่งผมว่ามันจะดีไม่ดีก็ตัวนี้แหละ มีทั้งหมดสี่ตัวทำคาดสีไว้ให้ต่างกันทั้งสี่ตัว ส่วนหัวยางเอาไว้ calibrate ครับ



อันนี้เป็นตัว calibrate mic ซึ่งสำคัญมาก เพราะคลื่นเสียงค่อนข้าง sensitive มาก ดังนั้นไมค์ต้องมีความเที่ยงตรงสูง เราต้อง re-calibrate อยู่เรื่อยๆครับ และต้องทำทั้ง 4 ตัวด้วย



ห้องตอนนี้รกได้ที่เลยครับ ณ.เวลานี้มันเลยจุดความสวยงามแล้ว เลยเละอย่างที่เห็น 555



ได้เวลาวัดเสียงเสียที วางไมค์หลายๆตำแหน่งบริเวณ listening area



ทำไมต้องมีไมค์หลายตัว มันดีกว่าตัวเดียวยังไง อันนี้มีคนสงสัยเยอะ ขอตอบว่าการที่ใช้ไมค์หลายตัว หรือที่เรียกว่า Multiplexer เนื่องจากห้องที่เล็ก room resonance modes จะตอบสนองต่างกันมากในแต่ละพื้นที่ของห้อง ดังนั้นการวัดจุดเดียวอาจทำให้เจอตำแหน่งที่เป็น room mode ที่มักจะทำให้เสียงเบส ไม่แน่นอน(Uneven), บูม(boomy) หรือ บาง(wimpy) การวัดจุดเดียวอาจทำให้เสียเวลาและไม่สามารถดูได้พร้อมกันเพื่อเปรียบเทียบกันแบบ real-time และการทำให้เกิด wide sweat spot หรือ ลดความแตกต่างระหว่างเสียงเบสในแต่ละที่นั่งทำได้ยาก ซึ่งในการวัดระดับมืออาชีพในโรงภาพยนต์ ห้องประชุม โบสถ์ คลับจะใช้การวัดแบบนี้กันท้้งนั้น
เครื่องตัวนี้มีข้อดีอีกอย่างคือมีตัว Signal Generator ที่สามารถส่งสัญญาณเสียงมาตรฐานแบบต่างๆโดยสาย Optical ไปยัง Processor หรือ AVR เพื่อให้การวัดเที่ยงตรงมากขึ้น แต่เสียดายระบบเสียงที่ให้มามีแค่ 6.1 channel ใครใช้ 7.1 ต้องมาปรับอีกนิดหน่อย



เดี๋ยวจะมาต่อเรื่องค่าที่วัดได้หลังจากปรับแล้วอีกทีครับผม


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ห้องเดิมๆ ของหมอเอกที่ทำไว้ RT60 อยู่ที่เท่าไหร่ ครับ  กราฟวัดค่าตอบสนองความถี่ของห้องเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ห้องเดิมผมเคยมีคนวัดไว้นานละ รู้สึกคร่าวๆ 0.3-0.4 ms แต่หลังจากปรับห้องใหม่ก็ยังไม่ได้วัด แต่ค่า RT60 เป็นค่าที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่หลังจากเราใส่เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ลงไปในห้อง การวัดในจุดต่างๆกันก็จะได้ค่าต่างกันมาก การวัด RT60 ถ้าจะได้ค่าที่เที่ยงตรงก็ต้องวัดก่อนใส่อุปกรณ์ต่างๆ ลงไปในห้อง ถ้าวัดตอนนี้ก็ได้ค่าที่ไม่ค่อยเที่ยง หรืออาจจะใช้เป็น mic หลายตัวเป็น multiplexer ก็พอกล้อมแกล้มครับ เอาไว้เป็นค่าประกอบพอได้ซึ่งต้องฟังจากหูอีกที ส่วนกราฟความถี่เดี๋ยวรอได้อุปกรณ์ตัวใหม่เดียวจะมาให้ดูอีกทีครับ ตอนนี้ใช้กราฟคร่าวๆจาก iphone app ไปก่อน ร่วมกับการคำนวณ ก็พอจะรู้ว่ายังมีปัญหา room mode ที่ 60-70 Hertz ซึ่งพอลองวัดที่1/12 octave พบว่าดีที่ Decay ยังไม่เป็น cleft ถ้าเป็นก็จบไม่ต้องหาทางแก้ละ equalizer ก็แก้ไม่ได้ เลยกำลังหาวิธีลดความแรงของ room mode ก่อนครับ ยังไงมันก็แก้ไม่ได้อยู่แล้วครับนอกจากถ้าไม่อยากให้มีก็ต้องไม่มีห้อง 555 หรือต้องเปลี่ยน dimension ห้อง ยังไงก็คงต้องพยายามลดลงให้มากที่สุดก่อน

 :secret
 

ทุกห้องน่าจะมีปัญหา room mode หมดนะครับ อยู่ที่ว่าความถี่เท่าไหร่ ห้องผมเจอที่ 40-42 Hertz โด่งเหมือนกันครับ ก็ต้องปรับอคูสติคส์ครับ  :)

นั่นแหละครับ ถ้าไม่อยากให้มี room mode ก็ต้องไม่มีห้อง
 :yucky

แล้วลำโพงใหม่ของท่าน Saitosan เป็นไงบ้างครับผม ยังไงแจ้งข่าวคราวบ้างนะครับ
 :secret

พ้นเบิร์นแล้วครับ เสียงตามที่พี่หมอเอกแนะนำครับ ถูกใจครับ  :headphone  d_d

ยินดีและดีใจด้วยนะครับ
 O0


ออฟไลน์ Saitosan

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 10,352
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ Saitosan

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 10,352
    • เพศ:ชาย
ห้องเดิมๆ ของหมอเอกที่ทำไว้ RT60 อยู่ที่เท่าไหร่ ครับ  กราฟวัดค่าตอบสนองความถี่ของห้องเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ห้องเดิมผมเคยมีคนวัดไว้นานละ รู้สึกคร่าวๆ 0.3-0.4 ms แต่หลังจากปรับห้องใหม่ก็ยังไม่ได้วัด แต่ค่า RT60 เป็นค่าที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่หลังจากเราใส่เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ลงไปในห้อง การวัดในจุดต่างๆกันก็จะได้ค่าต่างกันมาก การวัด RT60 ถ้าจะได้ค่าที่เที่ยงตรงก็ต้องวัดก่อนใส่อุปกรณ์ต่างๆ ลงไปในห้อง ถ้าวัดตอนนี้ก็ได้ค่าที่ไม่ค่อยเที่ยง หรืออาจจะใช้เป็น mic หลายตัวเป็น multiplexer ก็พอกล้อมแกล้มครับ เอาไว้เป็นค่าประกอบพอได้ซึ่งต้องฟังจากหูอีกที ส่วนกราฟความถี่เดี๋ยวรอได้อุปกรณ์ตัวใหม่เดียวจะมาให้ดูอีกทีครับ ตอนนี้ใช้กราฟคร่าวๆจาก iphone app ไปก่อน ร่วมกับการคำนวณ ก็พอจะรู้ว่ายังมีปัญหา room mode ที่ 60-70 Hertz ซึ่งพอลองวัดที่1/12 octave พบว่าดีที่ Decay ยังไม่เป็น cleft ถ้าเป็นก็จบไม่ต้องหาทางแก้ละ equalizer ก็แก้ไม่ได้ เลยกำลังหาวิธีลดความแรงของ room mode ก่อนครับ ยังไงมันก็แก้ไม่ได้อยู่แล้วครับนอกจากถ้าไม่อยากให้มีก็ต้องไม่มีห้อง 555 หรือต้องเปลี่ยน dimension ห้อง ยังไงก็คงต้องพยายามลดลงให้มากที่สุดก่อน

 :secret
 

ทุกห้องน่าจะมีปัญหา room mode หมดนะครับ อยู่ที่ว่าความถี่เท่าไหร่ ห้องผมเจอที่ 40-42 Hertz โด่งเหมือนกันครับ ก็ต้องปรับอคูสติคส์ครับ  :)

นั่นแหละครับ ถ้าไม่อยากให้มี room mode ก็ต้องไม่มีห้อง
 :yucky

แล้วลำโพงใหม่ของท่าน Saitosan เป็นไงบ้างครับผม ยังไงแจ้งข่าวคราวบ้างนะครับ
 :secret

พ้นเบิร์นแล้วครับ เสียงตามที่พี่หมอเอกแนะนำครับ ถูกใจครับ  :headphone  d_d


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย




 

หลังจากที่คุยกันถึงเจ้าชุดนี้มามาน ในที่สุดก็มาจนได้ แน่วแน่และมุ่งมั่นมากครับ หมอเอก
Next step HAA training course

เดี๋ยวลองใช้งานดูก่อนนะครับ แล้วจะรายงานผลอีกทีครับผม
 :secret


ออฟไลน์ jimmm

  • ***
    • กระทู้: 163
    • เพศ:ชาย
    • http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=169575&st=0&start=0
ได้มาละครับกับ RTA/FFT ตัวใหม่






ประกอบร่างกับเข้ากับ ipad



 c)
ได้มาละครับกับ RTA/FFT ตัวใหม่






ประกอบร่างกับเข้ากับ ipad



 c)
ได้มาละครับกับ RTA/FFT ตัวใหม่






ประกอบร่างกับเข้ากับ ipad



 c)

หลังจากที่คุยกันถึงเจ้าชุดนี้มามาน ในที่สุดก็มาจนได้ แน่วแน่และมุ่งมั่นมากครับ หมอเอก
Next step HAA training course
Theater Solution By Calpo


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ได้มาละครับกับ RTA/FFT ตัวใหม่






ประกอบร่างกับเข้ากับ ipad



 c)


ออฟไลน์ หมอเอก

  • *****
    • กระทู้: 892
    • เพศ:ชาย
ห้องเดิมๆ ของหมอเอกที่ทำไว้ RT60 อยู่ที่เท่าไหร่ ครับ  กราฟวัดค่าตอบสนองความถี่ของห้องเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ห้องเดิมผมเคยมีคนวัดไว้นานละ รู้สึกคร่าวๆ 0.3-0.4 ms แต่หลังจากปรับห้องใหม่ก็ยังไม่ได้วัด แต่ค่า RT60 เป็นค่าที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่หลังจากเราใส่เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ลงไปในห้อง การวัดในจุดต่างๆกันก็จะได้ค่าต่างกันมาก การวัด RT60 ถ้าจะได้ค่าที่เที่ยงตรงก็ต้องวัดก่อนใส่อุปกรณ์ต่างๆ ลงไปในห้อง ถ้าวัดตอนนี้ก็ได้ค่าที่ไม่ค่อยเที่ยง หรืออาจจะใช้เป็น mic หลายตัวเป็น multiplexer ก็พอกล้อมแกล้มครับ เอาไว้เป็นค่าประกอบพอได้ซึ่งต้องฟังจากหูอีกที ส่วนกราฟความถี่เดี๋ยวรอได้อุปกรณ์ตัวใหม่เดียวจะมาให้ดูอีกทีครับ ตอนนี้ใช้กราฟคร่าวๆจาก iphone app ไปก่อน ร่วมกับการคำนวณ ก็พอจะรู้ว่ายังมีปัญหา room mode ที่ 60-70 Hertz ซึ่งพอลองวัดที่1/12 octave พบว่าดีที่ Decay ยังไม่เป็น cleft ถ้าเป็นก็จบไม่ต้องหาทางแก้ละ equalizer ก็แก้ไม่ได้ เลยกำลังหาวิธีลดความแรงของ room mode ก่อนครับ ยังไงมันก็แก้ไม่ได้อยู่แล้วครับนอกจากถ้าไม่อยากให้มีก็ต้องไม่มีห้อง 555 หรือต้องเปลี่ยน dimension ห้อง ยังไงก็คงต้องพยายามลดลงให้มากที่สุดก่อน

 :secret
 

ทุกห้องน่าจะมีปัญหา room mode หมดนะครับ อยู่ที่ว่าความถี่เท่าไหร่ ห้องผมเจอที่ 40-42 Hertz โด่งเหมือนกันครับ ก็ต้องปรับอคูสติคส์ครับ  :)

นั่นแหละครับ ถ้าไม่อยากให้มี room mode ก็ต้องไม่มีห้อง
 :yucky

แล้วลำโพงใหม่ของท่าน Saitosan เป็นไงบ้างครับผม ยังไงแจ้งข่าวคราวบ้างนะครับ
 :secret


ออฟไลน์ Saitosan

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 10,352
    • เพศ:ชาย
ห้องเดิมๆ ของหมอเอกที่ทำไว้ RT60 อยู่ที่เท่าไหร่ ครับ  กราฟวัดค่าตอบสนองความถี่ของห้องเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ห้องเดิมผมเคยมีคนวัดไว้นานละ รู้สึกคร่าวๆ 0.3-0.4 ms แต่หลังจากปรับห้องใหม่ก็ยังไม่ได้วัด แต่ค่า RT60 เป็นค่าที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่หลังจากเราใส่เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ลงไปในห้อง การวัดในจุดต่างๆกันก็จะได้ค่าต่างกันมาก การวัด RT60 ถ้าจะได้ค่าที่เที่ยงตรงก็ต้องวัดก่อนใส่อุปกรณ์ต่างๆ ลงไปในห้อง ถ้าวัดตอนนี้ก็ได้ค่าที่ไม่ค่อยเที่ยง หรืออาจจะใช้เป็น mic หลายตัวเป็น multiplexer ก็พอกล้อมแกล้มครับ เอาไว้เป็นค่าประกอบพอได้ซึ่งต้องฟังจากหูอีกที ส่วนกราฟความถี่เดี๋ยวรอได้อุปกรณ์ตัวใหม่เดียวจะมาให้ดูอีกทีครับ ตอนนี้ใช้กราฟคร่าวๆจาก iphone app ไปก่อน ร่วมกับการคำนวณ ก็พอจะรู้ว่ายังมีปัญหา room mode ที่ 60-70 Hertz ซึ่งพอลองวัดที่1/12 octave พบว่าดีที่ Decay ยังไม่เป็น cleft ถ้าเป็นก็จบไม่ต้องหาทางแก้ละ equalizer ก็แก้ไม่ได้ เลยกำลังหาวิธีลดความแรงของ room mode ก่อนครับ ยังไงมันก็แก้ไม่ได้อยู่แล้วครับนอกจากถ้าไม่อยากให้มีก็ต้องไม่มีห้อง 555 หรือต้องเปลี่ยน dimension ห้อง ยังไงก็คงต้องพยายามลดลงให้มากที่สุดก่อน

 :secret
 

ทุกห้องน่าจะมีปัญหา room mode หมดนะครับ อยู่ที่ว่าความถี่เท่าไหร่ ห้องผมเจอที่ 40-42 Hertz โด่งเหมือนกันครับ ก็ต้องปรับอคูสติคส์ครับ  :)