เอาซะก่อนเผื่อลืม

คราวหน้าขอรูปหน้ายางแบบลอกขี้เส้นออกแล้วนะครับ แบบนี้ได้แค่เดา
เรื่องเปลือกบาง ของพี่ชายผม(ลูกพี่ลูกน้องที่สอนลับมีดให้ผม)ก็เป็นแบบพี่ว่ามา บ่นงุมงำอยู่เรื่องเปลือกบางด้วยครับ
ดินก็แบบเดียวกัน แต่ไม่ถึงปุ๋ย(ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ปุ๋ยผสมเองบ้าง ฯลฯ) ของพี่ไม่ทราบประวัติสูตรปุ๋ย เลยเดาปัญหายากครับ
ของพี่แปลงนี้เป็น 600....ปกติ600เปลือกจะหนา หนาตั้งแต่เปลือกแรก ซ้ำเปลือก(ซ้ำหน้า)แล้วเปลือกก็หนาดี(มีอัตราการงอกใหม่ของเปลือกดี)...
เหลืออีก8-11ปีถึงจะซ้ำหน้า ยางต้นโตขึ้น(เร็วกว่าตอนที่ยังไม่เปิดกรีด)เปลือกก็หนาขึ้นเองครับ...ตอนนี้คงทำได้แค่ใส่ปุ๋ยให้ดีตามที่เคยคุยไว้แค่นั้นครับ
มาถึงเรื่องการกรีด
ของพี่ตีวงเลี้ยวแคบไปครับ...วงเลี้ยวที่ว่าหมายถึงส่วนของลำต้นที่มันโค้งน่ะครับ
ของพี่พอถึงส่วนโค้งปุ๊บ ก็หักเลี้ยวทันที แบบนั้นจะทำให้มีดกิน(บาด)หน้ายางที่กรีดไปเมื่อ1-4วันก่อนครับ
ที่ดีต้องกรีดตรงๆให้เลยส่วนโค้งมาหน่อยนึงแล้วค่อยหักเลี้ยวแบบกว้างๆครับ แต่ถ้ากรีดตรงๆเลยส่วนโค้งมามากไปหน้าจะห้อย(องศามาก) ต้องระวังเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ไม่เป็นไรครับเพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน เดี๋ยวก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเองครับ
....
ของพี่ยังเกร็งๆอยู่กับเยื่อเจริญ...เอาแบบนี้ครับ ลืมเรื่องเยื่อเจริญไปก่อน กรีดให้ไม่เข้าแก่นก่อน
กรีดให้ขี้ไม้บางไว้ก่อน ผ่านไปสัก6มีด ให้ต้นยางปรับตัว

ค่อยมาเปรียบเทียบปริมาณน้ำยางกับที่กรีดอยู่แบบนี้
อาจเปรียบเทียบอย่างไม่เป็นธรรมนัก(เพราะเข้าช่วงน้ำยางร่วงแล้ว) ถ้าได้ปริมาณน้ำยางเท่าๆกับตอนนี้ก้ใช้ได้แล้ว แต่ก็สบายใจได้ว่ากรีดได้บางและไม่เข้าแก่นครับ
พอรู้สึกว่าชินมือแล้ว ลองกรีดให้เข้าเยื่อเจริญ แล้วเปรียบเทียบปริมาณน้ำยางอีกที
จริงๆแล้วบ้านผมเค้าเรียก
"ถึง(กระ)ดูก" หรือ"เข้า(กระ)ดูก" ซึ่งน่าจะตรงความหมายมากกว่า"ถึงแก่น"หรือ"เข้าแก่น) เพราะแก่นมันอยู่กลางลำต้น

แต่เข้าใจตรงกันแล้วก็ไม่เป็นไรครับ
น้ำยางที่ไหลออกมาจากแผลกรีดนั่นปกตินะครับ แม้ผ่านมาเป็นปีแล้วก็ยังไหลออกได้ครับ(เพราะมีรอยปริ-แผล ด้วยสาเหตุต่างๆ เช่นลมโยกจนแผลปริ โดนหินกระเด็นใส่ ฯลฯ)
ตอนนี้คอยสังเกตุปริมาณน้ำยางเช้าที่3 เปรียบเทียบกับเช้าแรก และเช้าที่2ไว้นะครับ
.........
ขอค้างเรื่องปาล์มเอาไว้ก่อนนะครับยังไม่มีกล้อง