HTG2.club

พลังงานน้ำและแสงอาทิตย์ & กาแฟสด & ยางพารา & บ้านดิน & เครื่องเสียง & สะป๊ะ

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เรื่องการ DIY เทิร์น ผมคิดว่าเราอย่าไปสนใจว่าเพลทเตอร์จะหมุนแล้วไปทำให้เกิดรีโซแนนกันเลย เพราะการหมุนมันรอบต่ำมากจนไม่สามารถไปถึงค่ารีโซแนนของแท่นหรือของจานที่หมุนครับ ขอให้พวงกับการไม่บาลานซ์ของจานหมุนอย่าง้เดียวพอครับ

ส่วนเรื่องแท่นนั้นให้ห่วงเรื่องค่ารีโซแนนซ์ของตัวมันเองที่ควรจะทำให้มันอยู่ที่ 2.5-5Hz จะดีที่สุดครับ ซึ่งค่านี้มันต่ำมากไม่เข้าไปถึงความถี่ของเสียงอีกด้วย แต่เราก็ต้องมีการแดมป์แอมป์ปิจูดที่ 2.5-5Hz นี้ลงให้ได้มากที่สุดด้วยนะครับ มิเช่นนั้นลำโพงเราก็จะกระพือได้ ถ้าทำได้ครบตามนี้ก็ถือว่าเทิร์นที่ทำเองเยี่ยมแล้วละครับ d_d :drunk



ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อ้างถึง
วันนี้ผมได้ชมการทำกาแฟจากขี้ของชมด โอ้โฮ้ กก. ละ 100,000 บาท เฉพาะขี้เท่านั้น สำเร็จเป็นกาแฟดื่มแก้ว ๆ ละ 1,500 บาท แม้เจ้า.... ทำไมจะกล้าดื่มครับ ไม่ใกล้ ไม่ไกล จังหวัดกาญจนบุรี นี้เอง จะหาโอกาสไปเที่ยว และไปขอสูดกลิ่นกาแฟแก้วละ 1,500 บาท ขอเพียงสูดกลิ่นนะครับ คุณPINIJ ไม่ทดลองดูบ้างหรือครับ
อยากลองดูเหมือนกันครับ ตอนนี้ผมก็ได้ปลูกกาแฟไว้เก็บผลเองแล้ว และจะได้มั่นใจอย่างแท้จริงว่ากาแฟของเราจะเป็น Organic Coffee ที่แท้จริง (ที่ซื้อจากคนอื่นมาขายผมยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์เหมือนเราปลูกเอง)

อีกสองอาทิตย์ผมก็ได้นัดเพื่อนไว้ว่าจะขึ้นไปดูเค้าเลี้ยงชมดที่ดอยช้างอยู่เหมือนกันครับ ปัญหาเยอะครับ ส่วนมากคือมันชอบกัดกันตายน่ะครับ และมันตื่นคนแบบวิ่งกระแทกกรงจนจมูกเป็นแผลแล้วก็จะตายก็อีกสาเหตุหนึ่ง แต่ตอนนี้คนที่กินกาแฟผมที่เคยกินของดอยช้างมาแล้ว ยังบอกว่าที่ก้นแก้วของกาแฟผมมีความหวานหอมมากกว่าของดอยช้างนะครับ (แต่ต้องชงแบบกดให้การไหลของน้ำให้ไหลออกมาเป็นหยดๆ  1 Oz นี่อาจใช้เวลาเกือบนาทีกันเลยทีเดียว (กาแฟผมถึงจะใช้เวลาน้ำร้อนไหลลงแก้วนานกว่ามาตรฐาน แต่มันจะไม่มีกลิ่นไหม้ครับ) ยิ่งลีดน้ำออกมาเป็นหยดมันก็ยิ่งจะได้มวลเนื้อของกาแฟมากขึ้น (คือคนกินแค่ 1 ออนซ์แบบริสเทร็ทโต้เราก็ต้องลีดมวลสารในผงกาแฟลงไปในแก้วให้หมดครับ ถ้าใครดื่มที่ 2 ออนซ์ แบบเอสเพรสโซ่ ก็ปล่อยน้ำไหลตามปรกติ)

อ้างถึง
การแก้ปัญหาของเค้า แนวคิดง่าย ๆ แบบนี้ครับ โดยใช้แม่เหล็ก พลักกัน ทำให้เพลทเตอร์ ถูกยกลอย ทั้งเพลทเตอร์ตัวบน และ ตัวล่าง เมื่อวัสดุลอยตัวแล้ว เจ้าเรโซเน้นซ์ที่เกิดขึ้นบนแท่น ก็ยากที่จะถูกถ่ายเทไปถึงเพลทเตอร์
พี่ยังเข้าใจตรงนี้ผิดครับ รีโซแนนซ์มันอยู่ในเพลทเตอร์ครับ ไม่ใช่จากการถ่ายเทจากแท่นเข้าไป และจากแท่นมันก็มีเป็นค่าของแท่นเอง และจริงๆ แล้วการหมุนช้าๆ ระดับ 33.3 rpm การหมุนยังไม่น่าจะขึ้นไปถึงค่ารีโซแนนซ์ของมันเลยด้วยนะครับ เรื่องรีโซแนนซ์จึงยังไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่เรื่องบันทัดข้างล่างนี่ละเกี่ยวเป็นอย่างมากครับ

อ้างถึง
ส่วนการหมุนสวนทางกัน เป็นการรักษาสมดุลย์ของแรงหมุนของเพลทเตอร์
ไอ้ที่ว่าวิ่งสวนทางแล้วมันรักษาค่าสมดุลย์ของเพลทเตอร์นี่แหละ ที่ผมว่ามันเป็นคำพูดของคนที่ไม่รู้เรื่องนี้จริง มันดูเหมือนเป้นแบบนั้น แต่ไม่ใช่ครับ ลองกลับย้อนไปอ่านสิ่งที่ผมเขียนไว้แล้วอีกครั้ง ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามที่เค้าว่ามาครับ การสร้างล้อเพลทเตอร์ขึ้นมาอีกล้อหนึ่งนี่มันเป็นการเพิ่มให้การสมดุลย์มันแย่ลงครับ ลองคิดง่ายๆ สมมุติว่าเรามีล้อเดียวมันก็จะแกว่งหรือสั่นอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว จากที่ผมเคยบอกว่าไม่มีใครทำบาลานซ์ให้เป้นศูบย์ได้ครับ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเอาอีกล้อมาวิ่งบนเพลาเดียวกันดู แล้วคิดต่อไปว่าเวลาที่จุด Unbalance นั้นมันหมุนมาตรงกันหรือเจอกันทั้งสองเพลทเตอร์ การสั่นก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวน่ะครับ แล้วมันก็จะเกิดอาการสั่นๆ มากๆๆ กว่าการใช้เพลทเตอร์อันเดียว แล้วก็จะหายๆ ไป กลับไปกลับมาแบบนี้ไปเรื่อยๆ น่ะครับ (Fluctuation)
อ้างถึง
ตรงนี้ก็มีจุดที่ลิเนียเรื่องความสูงเหมือนกัน กับ แกนแบริ่ง เมื่อเราปรับระดับความสูงอย่างสมดุลย์กับการหมุน
ปรับความสูงหรือความห่างอย่างไรก็ไม่มีจุดดีขึ้นครับ มีแต่ว่ายิ่งวางห่างกันโมเมนตั้มของการแกว่งก็จะมากขึ้นตามครับ ให้นึกถึงภาพการส่ายหน้าอกและสะโพงของนักเต็มระบำฮาวายหรือพวกอินเดียนะครับ ซึ่งมันจะไปกันคนละทาง เต้นไม่เป็นอาจล้มง่ายๆ แต่ถ้าเราส่ายแต่สะโพงอย่างเดียวโอกาศเต้นแล้วล้มจะยากกว่าน่ะครับ

อ้างถึง
ก็จะเกิดเรโซเน้นซ์น้อยที่สุด หรือ อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
ผมคิดว่าการหมุนแค่ 33.3 rpm ของเพลทเตอร์ยังไม่ถึงกับขึ้นไป Excite เจ้ารีโซแนนซ์ที่ค่ามันน่าจะสูงกว่า 33.3 cpm ครับ หรือแค่ 0.5Hz เอง ค่ารีโซแนนซ์ของแท่นเทรินที่มีราคาแพงยังแค่ 3-5Hz นะครับ แต่พวกเทิร์นถูกๆ นี่อาจขึ้นไปถึง 10Hz กว่าก็เป็นได้ครับ เพราะฉะนั้นความเร็วในการหมุนขนาดนี้ ผู้เขียนคนนั้นไม่ความจับเอามาเป็นประเดนในการโฆษณาชวนเชื่อในการขายสิ้นค้าครับ การเขียนนี้คือการลหอกคนที่ไม่มีความรู้ครับ โดยการเอาเรื่องที่คนมักจะเกรงกลัวกันมากๆ คือเรื่องของรีโซแนนซ์ แต่จริงๆ แล้วกรณีนี้มันเกี่ยวกันน้อยมากๆ จนไม่น่าเอามาคิดครับ

ถ้าจะคิดกันในเรื่องของรีโซแนนซ์คืออยู่ที่ตัวอาร์มครับ คนที่เล่นอาร์มและหัวแพงๆ กับชุดดีๆ ถึงบอกกันว่าหัวนี้ไม่เหมาะกับอาร์มนี้ นี่คือเรื่องที่รีโซแนนซ์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเต็มๆ ครับ ให้ลองอ่านดูว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไรให้อ่านข้างล่างนี้ดูนะครับ

(เคดิดลิงค์ของ SME ที่เขียนไว้) :-

With one compliance unit (lcu) equivalent to l x l0-6 cm.dyne, a low-to-moderate compliance design has a relatively stiff stylus cantilever suspension in the 8-15cu range. The medium compliance range runs approximately from 15 to 25cu, while very softly suspended cantilevers fit in the high compliance range, from 25 to 50cu. In the bad old days when low frequency trackability was just about the only well-regarded performance parameter, cartridge compliances over 60cu were achieved, the Empire ZX1000, for example.
In an ideal world, tonearms would be well-matched to specific ranges of pickup compliance, assuring the customer of optimum performance from both. SME chased the high trackability dragon with their ultra low mass Series III, which employed nitrogen hardened titanium and carbon fibre technology. While it was expensive to tool up, the arm sold in large numbers, due to its affordable pricing.
Depending on the precise set up, the Series III offered an effective mass in the 5-7g range, optimum for cartridges in the 25-50cu region. When cartridges offering a better subjective performance emerged, cartridges with a lower compliance, SME offered a ballast weight to increase the arm's effective mass, but this was tantamount to shutting the stable door after the horse had bolted. An arm must be totally engineered for the target effective mass, if the performance is to be maximised. Lower compliance cartridges feed more vibrational energy into the arm, and this can only be dealt with using a structure of superior rigidity and resonance control. Simply adding mass to the headshell of a lightweight arm could make things worse. If a higher mass is required, the designer must exploit this engineering resource to give the best possible structure.
Some readers may be wondering why the arm mass needs to be matched to the cartridge compliance. It's a long story, but was thoroughly researched by Shure. Briefly, the total moving mass, made up of the cartridge and that of the arm seen by the cartridge - the effective mass' or moment of inertia - in combination with the spring of the cartridge cantilever suspension results in a mechanical resonance, capable of oscillating or vibrating as the groove is dragged past the stylus. Such a resonance will result in an undesirable, non-musical low frequency output from the cartridge, and worse still, it can impair the stability and the tracking behaviour of the pickup. The worst effects can be ameliorated by some form of arm damping, perhaps by means of a viscous fluid filled dashpot, which reduces the amplitude of the rise in output at resonance, but the alternative, of applying damping to the cartridge suspension, results in even worse tracking on difficult recorded passages.
If the arm/cartridge resonance is on the high side, above 15Hz, say, it will begin to affect sound quality in the bass. Conversely, the tracking is secure and recovers quickly from vibration or shock. If this resonance is too low, lower than 8Hz, the cartridge wobbles alarmingly and is unduly excited by minor warps - Shure's work showed that this has a maximum content around 6Hz. Close examination at such a condition will show the pickup perpetually vibrating at its resonance frequency. A further problem arises with the best-sounding turntables, which generally employ a floating, spring-suspended subchassis. These chassis systems have their own resonances in the 2.5Hz to 5Hz region. For arm/cartridge resonances below 8Hz, the proximity is too great and unwanted energy coupling often occurs, worsening stability and increasing the overall turntable flutter, an unpleasant rapid variation in musical pitch.
Thus 10-12Hz is the ideal region in which to place the arm/cartridge resonance, requiring matching of the arm mass with the cartridge compliance; arm damping will help to extend the range of compatibility, but only so far. Arm damping should be used at a sensibly low level, just enough to take the edge off the resonance magnification factor or 'Q', reducing it from 15 to 4-8, say. Excessive damping adds additional loading to the stylus tip, unbalancing the left and right groove contact forces and disturbing the channel balance as the damping attempts to prevent the cartridge from following minor warps and related disc eccentricities
So we come to the SME Series V - better late than never - potentially a statement of the arm designer's art and a tonearm designed for the finest modern cartridges, virtually hand-built, moderate-compliance, moving-coils. The selling price has risen above the initial target, the 'V' sells for more than £1200 - without any doubt a fantastic price for a tonearm. However, its stake on SME's traditional claim, 'The best tonearm in the world', is supported by an exceptional standard of design - technology, engineering and aesthetics directed towards versatility, compatibility, but above all, sheer performance.
A medium-to-high mass arm, with a 10-11g effective mass, its use of materials has been optimised to provide maximum structural resonance control and rigidity. The latter is essential to hold the cartridge firmly so that as much musical groove information as possible is transformed to its electrical equivalent and fed to the preamplifier. Satisfying this requirement for rigidity and simultaneously allowing for the cartridge to move freely in two axes is a major problem which all arm designers have to solve. Their in finding a solution which remains consistent in production, largely determines how well the arm will perform subjectively in the real world.
To quote SME in their excellent instruction manual for the 'V': 'in theoretical terms an ideal pickup arm is supposed to be perfectly unyielding in four out of six possible degrees of freedom. That is, all except the two linear dimensions in which the music signal is generated by groove modulation. In those two linear dimensions, an ideal arm is supposed to act as a pure mass'.
SME do not claim to have achieved this; rather, they believe that they have approached closer to this paradigm than before. 'Pure Mass' implies that no compliance or potential for flexure exists. If realised, such an arm would be totally non-resonant, except at subsonic frequencies, and would be devoid of frequency imbalance or coloration.
Arms typically exhibit flexure in several parts of the structure, sometimes at surprisingly low frequencies. Detachable headshell models generally 'sing' between 200Hz and 300Hz, due to the headshell/arm joint. Arms with decoupled counterweights can run into trouble at frequencies as low as 50Hz. Poorly designed main beams, or for that matter bearing assemblies, can introduce a series of resonances from a few hundred Hertz upwards. The Linn Ittok LVII is an early classic design which has stood the test of time. It avoids most pitfalls, and has been the model for later designs. The Swiss Breuer predated the Ittok, but was always regarded as too costly - little would we have guessed that the ultimate SME would cost very much more!
The new SME arm aims to solve a major headache in one bold stroke, one already partially addressed by Roy Gandy in his Rega RB300. This is to remove all the usual bonds between headshell and armtube, tube and pivot assembly, assembly and counterweight. By doing this, a number of potential weaknesses are eliminated. The SME designer chose to make the main beam a massive-looking affair of heavily-tapered, relatively thin-wall, magnesium alloy, cast in one piece with the substantial cartridge mounting platform, bearing assembly and the rear gantry and track for the counterweight. The large diameter of the cast beam maximises the torsional stiffness, while the strong taper to the headshell exerts a firm grip on any possible bending vibration modes.
Following various reports obtained during prototype testing, it was decided that the counterweight be clamped tightly in position after alignment, eschewing the rubber coupling often employed to try to lower the amplitude of midband resonances. In the event, such compromised damping was not required. Ideally, the counterweight material should be of high density, allowing its mass to be concentrated physically to allow placement close to the pivot/bearing position. This minimises self resonance and lowers its contribution to the effective mass, allowing more mass to be used to reinforce the main arm beam. To help realise this goal, SME chose to employ a tungsten block, optimally dimensioned. (Rega also use tungsten for their RB300 counterweight.)
In their previous designs, SME aimed at providing very low bearing friction in the two required planes of motion, employing a small precision ballrace for the horizontal motion and a gravity loaded knife-edge bearing for the vertical. Recognising that lower compliance cartridges impart significant acceleration to the arm, SME resolved to use ballrace bearings for both planes. In the case of inexpensive designs, these are generally left on the slack side to ensure low friction. Any trace of play, however, can have dire subjective consequences, the general effect being a grainy imprecision in the treble, an additional degree of sibilance on vocals, and in some cases a brittle brightness at high frequencies.
The new SME, as with other great tonearms, had to be devoid of any play. However, strong bearings require a degree of pre-load tension to take up any slackness and stiffen the operating assembly.
To sustain these forces without any brinelling, or indentation, of the bearing surfaces, high-load, large-size, stainless steel ballrace assemblies are used.
In harmony with these strong bearings, the whole pivot assembly, yoke and pillar, are substantial in size so as not to prejudice the overall rigidity. An ingenious lathe-like double-jaw clamp locks the pillar into a pair of guides which run between the main mounting bars of the bedplate. Once the arm has been positioned after lateral stylus overhang and height alignment, the whole assembly is locked together with a ball-head socket wrench. A rack and pinion drive allows precise overhang adjustment.
This rigid construction, as with the lttok, Breuer, Sumiko, Zeta and a few other models, means that a substantial degree of audio range energy from the cartridge is communicated to the arm baseplate and hence to the turntable chassis, an important point which will be considered later. As we shall see, it may strongly affect the ideal choice of turntable.
Nominally compatible with the earlier SME arm baseplates, the fixing centres for the four screws and the familiar oval armboard cutout are the same. Thereafter, some differences emerge. Unlike its predecessors, which used a compliant rubber grommet mounting, the 'V' is rigidly bolted to the turntable, and the through bolts need clearance below the chassis. Care must be taken with the Linn, for example. Another minor difficulty concerns the current LP12's corner plinth reinforcements: that nearest the arm fouls the 'V's leadout assembly and needs careful paring away.
A conventional logarithmic frequency scaling has been adopted for fig.2 to show up the low frequency behaviour more clearly. The arm was tested on an Oracle Delphi, and it must be noted that some of the measured effects are due to the Oracle's chassis and armboard resonances. That at 1 kHz, for example is suspected to be due to the Oracle. The lowest frequency mode is probably due to the counterweight and is quite moderate. The main arm modes occur at approximately 1.3kHz and 1,6kHz, indicating a very rigid, well damped structure. (The best arms tested so far have shown torsional modes below 1kHz, sometimes as low as less than 500Hz.)
The effective mass was estimated at around 10.5gm, somewhat dependent on the mass of the cartridge counterbalanced and the choice of mounting hardware. Stainless steel socket-head bolts are preferred for mounting the cartridge, but add 1-I.5g of mass. The geometric alignment was rated highly, while the arm's dynamic stability and lack of structural resonance resulted in superior pickup tracking. With the signal excellently screened, hum levels were low with test cartridge (a van den Hul MC1 0).
Bearing friction was moderate, at 40mg lateral. This was not the lowest I have measured but accorded with the alignment required for zero play. In the vertical plane it was 10mg or less. Given a sensible playing downforce of 1.25g or more, these friction values are negligible. Set to 1.5g, bias compensation at the innermost grooves was appropriate for an elliptical or similar stylus (the range allowed covers 180-225mg). At the rim the force was marginally low, but should not result in any noticeable ill effects.
The downforce dial proved to be correctly calibrated, while the cue operated well with negligible lateral drift and sensible descent and ascent rates. A generous range of subsonic damping was available; on audition its use at the first calibration was thought sufficient.
Sound quality
We had the opportunity to sample the 'V' in three great turntables, a current Linn LP12, the latest, and in my view, much-refined Oracle Delphi, and the massive West German Audiolabor Konstant. Cartridges used included the vdH MC1 B and MC10 and the Koetsu Red. A wide range of amplification was available during the test period, including the Audio Research SP-11/M-100 and the conrad-johnson Premier 3/4. Earlier listening had taken place with the Cyrus Two; while on the face of things this modest amplifier seems an inappropriate companion, the superior quality of the 'V' was more than obvious.
Perhaps I should admit straight away that the SME Series V was very much my kind of tonearm. I have used and respected the lttok for years, dabbled with Alphasons and Zetas, but have felt the need for something capable of truly great performance. Yet another model with a differently shaded view of the truth was not enough.
The 'V' redefines the art of pivoted tonearm sonic performance. It is possible to extemporise on various specific aspects of quality relative to other models, but one simple test will readily reveal its greatest strength. A well-recorded, wide-range singing voice will suffice: one experiences an almost revelatory exposition of articulation and clarity, notable for its uniform texture over the vocal range, freedom from 'edge', sibilance or unnatural emphasis, and superb placement in the central stereo stage. This fine vocal neutrality is its key attribute, and only later do the fine details of its overall performance make their presence known. Slowly the listener has a dawning awareness of the coherent musical control exerted by this arm.. This control was contiguous over the entire frequency range, from low bass to high treble, All areas seem to be given fair weight and balance, which was held both in terms of tonal quality and in the stability and coherence of the stereo image.
Images were reproduced with exceptional width and depth, with fine perspective layering and little spatial distortion, ambience and space lying around and beyond the frontal stage. Coloration was as low as expected, an aspect which supports the recognition of its relaxed transparency, again this well maintained over the entire frequency range.
While the above comments represent a distillation of its 'absolute' performance, it is affected by the choice of motor unit. Of those tried, each showed specific effects. On the Oracle, the bass was very fine and the clamp/mat system exploited the arm's transparency and low coloration to the full. Some clouding of information was apparent in the midrange, perhaps due to the outrigger type arm mounting platform. On the Audiolabor, the low bass was excellent, strong but dry, while the upper bass was not differentiated to the same standard. In the upper mid and lower treble. the arm sound hinted at excess brightness with a loss of stereo depth. This turntable uses a massive, heavy metal subchassis, and energy reflections at the mounting were felt to be responsible. Nevertheless, the standard was very good.
Perhaps it was logical that the Linn should have turned out to be the best all rounder. In a sense optimised for the lttok, the LP12 handled the SME, which is relatively similar mechanically, very well. On the Linn, the 'V' appeared optimally terminated with the standard, composite fibre, mounting board, While the upper bass was marginally bumpy, low frequencies were tuneful and well extended. The midrange was at its most even, and balanced well with the treble. Ultimately, this was the most satisfying combination. Other players need to be tried and hopefully the industry will build up some experience here.
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
   วันนี้ผมได้ชมการทำกาแฟจากขี้ของชมด โอ้โฮ้ กก. ละ 100,000 บาท เฉพาะขี้เท่านั้น สำเร็จเป็นกาแฟดื่มแก้ว ๆ ละ 1,500 บาท แม้เจ้า.... ทำไมจะกล้าดื่มครับ ไม่ใกล้ ไม่ไกล จังหวัดกาญจนบุรี นี้เอง จะหาโอกาสไปเที่ยว และไปขอสูดกลิ่นกาแฟแก้วละ 1,500 บาท ขอเพียงสูดกลิ่นนะครับ  :) คุณPINIJ ไม่ทดลองดูบ้างหรือครับ

   การแก้ปัญหาของเค้า แนวคิดง่าย ๆ แบบนี้ครับ โดยใช้แม่เหล็ก พลักกัน ทำให้เพลทเตอร์ ถูกยกลอย ทั้งเพลทเตอร์ตัวบน และ ตัวล่าง เมื่อวัสดุลอยตัวแล้ว เจ้าเรโซเน้นซ์ที่เกิดขึ้นบนแท่น ก็ยากที่จะถูกถ่ายเทไปถึงเพลทเตอร์ ส่วนการหมุนสวนทางกัน เป็นการรักษาสมดุลย์ของแรงหมุนของเพลทเตอร์ ตรงนี้ก็มีจุดที่ลิเนียเรื่องความสูงเหมือนกัน กับ แกนแบริ่ง  เมื่อเราปรับระดับความสูงอย่างสมดุลย์กับการหมุน ก็จะเกิดเรโซเน้นซ์น้อยที่สุด หรือ อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้


<a href="http://www.youtube.com/v/BJg3jLuPshk" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/BJg3jLuPshk</a>


<a href="http://www.youtube.com/v/PfZUmbxzUM4" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/PfZUmbxzUM4</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ตุลาคม, 2012, 10:55:27 pm โดย มุมคนรักหลอด »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
วันนี้มีอาจารย์สอนไวโอลินผ่านมาดื่มกาแฟที่ร้าน เลยเอาของเราขึ้นมาปัดฝุ่น ให้เค้าสอนให้ซะเลย ลองเข้ามาเล่นในห้องฟังแล้วเล่นเทียบกับชุดของเรา เลยถือโอกาศปรับความดังของเสียงให้มันเท่าๆ กันซะเลย จริงๆ แล้วความดังก็พอๆ กะที่ผมฟังอยู่ปรกติทุกวันนั่นแหละ แต่ผมไปฟังบ้านใครผมต้องเร่งเสียงมากขึ้นเกือบทุกบ้านเลยนะครับ เสียงถึงจะได้ยินเท่าที่ผมฟังโดยปรกติ ผมเป็นคนฟังเพลงค่อนข้างดังกว่าชาวบ้านแน่ๆ ครับ (เล่นเองเทียบเสียงกับชุดของเราเองไม่ได้ เพราะเสียงไวโอลินมันอยู่ใกล้หูเรามากเกินไป มันไม่เหมือนคนอื่นเล่นแบบยืนตรงระหว่างกึ่งกลางลำโพงน่ะครับ) ผมก็ว่าชุดผมเล่นเสียงไวโอลิน ได้ใกล้เสียงจริงพอสมควรเลยละครับ มีไดนามิคทานเซี้ยนของเสียงได้ออกมาสดใกล้เคียงกัน เมื่อฟังจากแผ่นดำผ่านผ่านปรีเข้าแอมป์ตรงๆ ไม่ผ่านคอมป์นะครับ แต่พอเล่นจากคอมป์ไฟร์ดอทเวฟ 32bit 192 kbps พบว่ามันยังห่างเสียงจริงกว่าการใช้แผ่นดำเล่นครับ




ปล. พี่มุมผมติดตั้งวินโด้ใหม่แล้วดูคลิปที่เอามาให้ดูไม่ได้ครับ (มันเป็นสีขาวๆ เท่าานั้น)  ช่วยอธิบายให้ฟังด้วยครับ ว่าเค้าแก้อย่างไร?
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย


อ้างถึง
แนวคิดของผู้ออกแบบไม่เหมือนใครในโลก ทำให้ผมเกิดความสนใจ ในหลายเรื่อง ๆ แต่สุดท้าย หลังจากการทดลอง (สร้างเครื่องนี้เป็นเครื่องที่ 2) แนวคิดอันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของทฤษฎีของนิวตัน ที่ผมเคยเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ครับ หลักคิดง่าย ๆ ของผู้ออกแบบ คือ การสลายเรโซเน้นซ์แต่จุด ให้อยู่กับที่
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ ที่วิธีนี้จะสลายรีโซแนนซ์ของวัสดุให้หายไปไหนได้ด้วยงิธีนี้นะครับ ถ้ามวลของสองเพลทเตอร์นี้เท่าๆ กัน การทำแบบนี้มันจะมีสิทธิให้เกิดผลจากรีโซแนนซ์รุนแรงมากขึ้นอีกเท่าตัว ถ้า Phase ของการสั่นมันไปพร้องกันพอดีซะด้วยซ้ำไปนะครับ ผมมไม่คิดว่าคนทำหรือคนออกแบบนี้จบวิศวะเครื่องกลเป็นแน่ครับ เพราะดูจากการออกแบบแล้วเค้าไม่ได้เข้าใจหลักของเรื่องในตำราไดนามิคเลย ผมเห้นบ่อยๆ ที่การออกแบบพวกเครื่องเสียงโดยเฉพาะเทิร์นเทเบิ้นที่ไม่ได้ถูกถูกออกแบบโดยวิศวะกรเครื่องกลเป็นแน่หลายๆ ยี่ห้อ (ใครอยากทราบพีเอ็มคุยกันได้ครับ) หรือถ้าใช่วิศวะกรเครื่องกล ก็แสดงว่าเค้าผู้นั้นไม่มีคุณธรรม เพราะเป้นการออกแบบมาเพื่อต้องการขายอุปกรณ์ที่จะต้องโมฯ เปลี่ยนกันภายหลังให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วพวกเค้าก็ได้ตังค์เข้ากระเป๋าเค้ามากขึ้น ที่อาจขายเทิร์นไปแล้ว คนใช้ใช้ได้ดีโดยไม่ต้องโมต่อในภายหลัง โดยทั้งที่ถ้าทำดีๆ แล้ว มันก็ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอะไรมากนัก

แต่ที่ผมพูดมาในช่วงหลังไม่เกี่ยวกะเทิร์นที่ทำแบบนี้นะครับ เทิร์นตัวนี้คือคนออกแบบใช้หลักคิดเอาเอง ไม่ใช่ใช้หลักวิชาการที่ถูกต้องครับ
อ้างถึง
เริ่มตั้งแต่ตัวสร้างพลัง คือมอเตอร์ ส่งพลังงาน ผ่านมูเล่ย์ ไป จนถึงตัวรับพลังงานคือ เพลทเตอร์ ซึ่งมีการวางที่ไม่เหมือนใครในโลก และ แถมยังต้องวางเพลทเตอร์ถึง 2 ชุด ตรงนี้เอง ทำให้ผมคิดไปถึงรถไต่ถังว่า ทำไมจึงต้องเกิดแรงเวี่ยง 2 ชุด ในพลังงานชุดเดียวกัน เมื่อแรงหมุนด้วยพลังงานเพียงชุดเดียว พอถึง ณ จุด ๆ หนึ่ง จะเกิดการบารานส์ขึ้น คล้ายกับช่องว่างของพลังงาน หรือ การหนีศูนย์พลังงาน วัสดุจะไม่เกิดแรงดึงกันขึ้น สมัยเป็นเด็ก ผมเคยเล่น คือ ใช้มือเราจับมือเพื่อน แล้วก็ใช้แรงเวี่ยงหมุนเพื่อนรอบตัวเรา เราเพียงใช้แรงนิดหนึ่ง เวี่ยงเพื่อนออกไป เจ้าเพื่อนก็จะหมุนลอยอยู่รอบตัวเรา โดยที่เราใช้แรงไม่มาก เข้ากฎของนิวตันเลย แนวคิดอัน ผู้ออกแบบเอามาใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเค้า คือใช้มอเตอร์มีกำลังที่ไม่มาก ไปขับเพลทเตอร์ที่มีความหนักถึง 3-4 กก. /เพลทเตอร์
ไม่ใช่ผมออกเขียนขัดคอนะครับ ที่ผมเขียนนั้นเป้นหลักวิชาการ ที่อยากจะอธิบายให้พี่มุมได้เข้าใจอย่างถูกต้องเท่านั้น การที่พี่ทำเพลทเตอร์สองอันห่างจากเครื่องต้นแบบที่เค้าทำไว้จะทำให้เกิดผลตามรูปภาพที่ผมเอามาให้ดูนี้ หนักหนาสาหัดมากกว่าเทิร์นต้นแบบที่พี่มุมไปเห็นมานะครับ ไม่ว่าเพลทเตอร์ทั้งสองจะหมุนสวนทางหรือทางเดียวกัน ถ้ามันยิ่งห่างกันมันก็จะเกิดอาการสั่นโยกตัวมากขึ้นเหมือนการเต้นแบบยักย้ายสะโพงของระบำฮาวายมากยิ่งขึ้นนะครับ

แล้วยิ่งพี่มุนทำบาลานซ์ด้วยวิธีสะแตติก (คือแต่จับหมุนแล้วก็ถ่วงน้ำหนักเอา) มันเป็นการทำบาลานซ์ที่แย่ที่สุดนะครับ เพราะฉะนั้นค่า Residue Unbalance จะเหลืออยู่สูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเทียบกันเอาเข้าเครื่องปั่นที่เรียกว่าทำแบบไดนามิกบาลานซ์น่ะครับ

หลายๆ คนอาจคิดว่า การอันบาลานซ์ของเพลทเตอร์เป็นความถี่ต่ำมากๆ ไม่ขึ้นไปถึงความถี่เสียงที่เราได้ยินไม่ต้องไปสนใจมัน บางคนอาจจะเห็นอาการลำโพงกระเพิ่มวิ่งเข้าวิงออกด้วยระยะที่น่ากลัวกลวยลำโพงจะหลุดออกมาทั้งยวงเวลาเล่นเทิร์นเทเบิ้น สาเหตุอาจเกินจากกานอันบาลานซ์นี้ก็เป็นได้เช่นเดียวกับการจับคู่อาร์มกับหัวเข้มไม่ดีเช่นกันนะครับ คือพอเทิร์นเขย่ามันก็ไปเขย่าหัวเข็มต่อด้วยเช่นกันนะครับ เพราะหัวเข็มก้านมันอ่อนมากๆ เทิร์นเขย่าเล็กน้อย เราอาจมองไม่เห็นการเขย่าหรือสั่นตัวช้าๆ ของมันแบบนี้ได้ แต่มันก็สามรถไปขยายจากแอมป์ไปออกที่ลำโพงให้เราเห็นได้น่ะครับ

   ขอบคุณครับ ที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้ ผมกำลังศึกษาการทำงานของผู้คิดว่า เค้าคิดอย่างไรกับโครงงานฯแบบนี้ หลายเรื่อง หลายอย่าง ต้องทำความเข้าใจไปพร้อมกับการทดลอง ผมเองไม่สามารถตั้งสมุติฐานได้ว่า เหตุจงใจที่ผู้ออกแบบกระทำแบบนี้ เค้าคิดอย่างไร หลังจากที่มาทำด้วยตัวเองจึงรู้ปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางการแก้ไข วิ่ง
เข้า วิ่งออกโรงกลึง จนช่างเริ่มออกอาการเหนื่อยกับผมแล้ว แต่ก็ดีครับ ผมเรียนรู้การแก้ไขไปด้วย พร้อมไปกับการสร้างเครื่องในลักษณะเช่น หากยังพอมีกำลังทรัพย์ ผมเองน่าจะสร้างตัวที่ 3 อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อเช่านี้ก็ไปโรงกลึงอีกแล้วครับ

   ขอบคุณ คุณ PINIJ ที่ช่วยนำเสนอบางแง่มุมทำให้ผมเกิดไดเดีย บางอย่างขึ้นมาเพิ่มเติม  :)

.............ลองชมที่เวลา 1.21 นาทีดูครับ ............ ว่าเค้าแก้ปัญหาอย่างไร กับ การสั่นของเพลทเตอร์

<a href="http://www.youtube.com/v/Jt2-6aq6g-Y" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/Jt2-6aq6g-Y</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ตุลาคม, 2012, 09:39:04 am โดย มุมคนรักหลอด »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ผมทำความยาวของแขนลิเนียร์อาร์มเท่ากับ SME V ครับ วันนี้ลองเอามาวางเข้าที่เข้าทางดู รู้สึกว่าก้านอาร์มมันจะยาวไปหน่อย  คือถ้าใช้งานจริงมีปัญหาเรื่องการแท็กกิ้งค่อยตัดแขนอาร์มให้สั้นลง คือผมลองใช้ปากเปล่าลมใส่ตรงหัวเข้มแล้วมันวิ่งดี เลยขอลองแบบยาวๆ เพื่อให้ค่า VTA/SRA คงที่ดีๆ ไว้ก่อน ผมยังไม่ได้สามารถลองเล่นกับแผ่นจริงๆ เพราะต้องยกอาร์มไปลองเป่าลมกันที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ รอซื้อปั๊มลมมาใช้เองก็คงได้ลองจริงจังกันอีกครั้ง



และขอเอาวิธีทำให้อาร์มแท็กกิ้งกับร่องดีขึ้น แล้วทำให้ได้เสียงที่ดีขึ้นด้วยวิธีคล้ายกับการใช้ Heavy Weigth มาให้ดูกันด้วยนะครับ

ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff


อ้างถึง
แนวคิดของผู้ออกแบบไม่เหมือนใครในโลก ทำให้ผมเกิดความสนใจ ในหลายเรื่อง ๆ แต่สุดท้าย หลังจากการทดลอง (สร้างเครื่องนี้เป็นเครื่องที่ 2) แนวคิดอันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของทฤษฎีของนิวตัน ที่ผมเคยเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ครับ หลักคิดง่าย ๆ ของผู้ออกแบบ คือ การสลายเรโซเน้นซ์แต่จุด ให้อยู่กับที่
ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ ที่วิธีนี้จะสลายรีโซแนนซ์ของวัสดุให้หายไปไหนได้ด้วยงิธีนี้นะครับ ถ้ามวลของสองเพลทเตอร์นี้เท่าๆ กัน การทำแบบนี้มันจะมีสิทธิให้เกิดผลจากรีโซแนนซ์รุนแรงมากขึ้นอีกเท่าตัว ถ้า Phase ของการสั่นมันไปพร้องกันพอดีซะด้วยซ้ำไปนะครับ ผมมไม่คิดว่าคนทำหรือคนออกแบบนี้จบวิศวะเครื่องกลเป็นแน่ครับ เพราะดูจากการออกแบบแล้วเค้าไม่ได้เข้าใจหลักของเรื่องในตำราไดนามิคเลย ผมเห้นบ่อยๆ ที่การออกแบบพวกเครื่องเสียงโดยเฉพาะเทิร์นเทเบิ้นที่ไม่ได้ถูกถูกออกแบบโดยวิศวะกรเครื่องกลเป็นแน่หลายๆ ยี่ห้อ (ใครอยากทราบพีเอ็มคุยกันได้ครับ) หรือถ้าใช่วิศวะกรเครื่องกล ก็แสดงว่าเค้าผู้นั้นไม่มีคุณธรรม เพราะเป้นการออกแบบมาเพื่อต้องการขายอุปกรณ์ที่จะต้องโมฯ เปลี่ยนกันภายหลังให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วพวกเค้าก็ได้ตังค์เข้ากระเป๋าเค้ามากขึ้น ที่อาจขายเทิร์นไปแล้ว คนใช้ใช้ได้ดีโดยไม่ต้องโมต่อในภายหลัง โดยทั้งที่ถ้าทำดีๆ แล้ว มันก็ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอะไรมากนัก

แต่ที่ผมพูดมาในช่วงหลังไม่เกี่ยวกะเทิร์นที่ทำแบบนี้นะครับ เทิร์นตัวนี้คือคนออกแบบใช้หลักคิดเอาเอง ไม่ใช่ใช้หลักวิชาการที่ถูกต้องครับ
อ้างถึง
เริ่มตั้งแต่ตัวสร้างพลัง คือมอเตอร์ ส่งพลังงาน ผ่านมูเล่ย์ ไป จนถึงตัวรับพลังงานคือ เพลทเตอร์ ซึ่งมีการวางที่ไม่เหมือนใครในโลก และ แถมยังต้องวางเพลทเตอร์ถึง 2 ชุด ตรงนี้เอง ทำให้ผมคิดไปถึงรถไต่ถังว่า ทำไมจึงต้องเกิดแรงเวี่ยง 2 ชุด ในพลังงานชุดเดียวกัน เมื่อแรงหมุนด้วยพลังงานเพียงชุดเดียว พอถึง ณ จุด ๆ หนึ่ง จะเกิดการบารานส์ขึ้น คล้ายกับช่องว่างของพลังงาน หรือ การหนีศูนย์พลังงาน วัสดุจะไม่เกิดแรงดึงกันขึ้น สมัยเป็นเด็ก ผมเคยเล่น คือ ใช้มือเราจับมือเพื่อน แล้วก็ใช้แรงเวี่ยงหมุนเพื่อนรอบตัวเรา เราเพียงใช้แรงนิดหนึ่ง เวี่ยงเพื่อนออกไป เจ้าเพื่อนก็จะหมุนลอยอยู่รอบตัวเรา โดยที่เราใช้แรงไม่มาก เข้ากฎของนิวตันเลย แนวคิดอัน ผู้ออกแบบเอามาใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเค้า คือใช้มอเตอร์มีกำลังที่ไม่มาก ไปขับเพลทเตอร์ที่มีความหนักถึง 3-4 กก. /เพลทเตอร์
ไม่ใช่ผมออกเขียนขัดคอนะครับ ที่ผมเขียนนั้นเป้นหลักวิชาการ ที่อยากจะอธิบายให้พี่มุมได้เข้าใจอย่างถูกต้องเท่านั้น การที่พี่ทำเพลทเตอร์สองอันห่างจากเครื่องต้นแบบที่เค้าทำไว้จะทำให้เกิดผลตามรูปภาพที่ผมเอามาให้ดูนี้ หนักหนาสาหัดมากกว่าเทิร์นต้นแบบที่พี่มุมไปเห็นมานะครับ ไม่ว่าเพลทเตอร์ทั้งสองจะหมุนสวนทางหรือทางเดียวกัน ถ้ามันยิ่งห่างกันมันก็จะเกิดอาการสั่นโยกตัวมากขึ้นเหมือนการเต้นแบบยักย้ายสะโพงของระบำฮาวายมากยิ่งขึ้นนะครับ

แล้วยิ่งพี่มุนทำบาลานซ์ด้วยวิธีสะแตติก (คือแต่จับหมุนแล้วก็ถ่วงน้ำหนักเอา) มันเป็นการทำบาลานซ์ที่แย่ที่สุดนะครับ เพราะฉะนั้นค่า Residue Unbalance จะเหลืออยู่สูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเทียบกันเอาเข้าเครื่องปั่นที่เรียกว่าทำแบบไดนามิกบาลานซ์น่ะครับ

หลายๆ คนอาจคิดว่า การอันบาลานซ์ของเพลทเตอร์เป็นความถี่ต่ำมากๆ ไม่ขึ้นไปถึงความถี่เสียงที่เราได้ยินไม่ต้องไปสนใจมัน บางคนอาจจะเห็นอาการลำโพงกระเพิ่มวิ่งเข้าวิงออกด้วยระยะที่น่ากลัวกลวยลำโพงจะหลุดออกมาทั้งยวงเวลาเล่นเทิร์นเทเบิ้น สาเหตุอาจเกินจากกานอันบาลานซ์นี้ก็เป็นได้เช่นเดียวกับการจับคู่อาร์มกับหัวเข้มไม่ดีเช่นกันนะครับ คือพอเทิร์นเขย่ามันก็ไปเขย่าหัวเข็มต่อด้วยเช่นกันนะครับ เพราะหัวเข็มก้านมันอ่อนมากๆ เทิร์นเขย่าเล็กน้อย เราอาจมองไม่เห็นการเขย่าหรือสั่นตัวช้าๆ ของมันแบบนี้ได้ แต่มันก็สามรถไปขยายจากแอมป์ไปออกที่ลำโพงให้เราเห็นได้น่ะครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
อาร์มเจ๋งครับพี่ ช่วยถ่ายตรงจุดหมุนชัดๆ หน่อย (Pivot) อยากเห็นกลไกปรับค่า Anti Skecting น่ะครับ แล้วทำไมมัน9hv'ระโยงระยางแบบนั้น ช่วยอะธิบายถึงการทำงานแต่ละชิ้นส่วนของอาร์มด้วยก็จะดีครับ ชอบตรงหัวสูบลมรถน่ะครับ มันทำหน้าที่อะไรครับ?

จานหมุนแบบสองล้อวิ่งสวนกันแบบนี้ (สงสัยจะทำตามแบบของแบรนดังยี้ห้อหนึ่งแน่ๆ) ผมคิดว่าเค้าทำเพื่อให้ดูมันยุ่งยาก จะได้ขายได้แพงๆ แล้วก็คุยสับพระคุณว่ามัน จะช่วยกันสลายพลังงานลดอาการสั่นสะเทือนจากการไม่บาลานซ์กันของเพลทเตอร์

แต่ผมกลับคิดว่าสองจานแบบนี้ มันจะก่อปัญหาการสั่นมากกว่าจานเดี่ยวอันเดียวซะอีกละครับ เพราะถ้าเราทำบานซ์ให้เหลือค่า Residue Unbalnce อยู่เท่าๆ กับแบบใช้จานเดียว (Residue Unbalnce จะอย่างไรมันก็ยังจะมีค่าการ Unbalance อยู่จำหนึ่งเสมอ จะเหลือเท่าไร? ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องและคนทำว่าเจ๋งแค่ไหน? ไม่มีทางทำจนมีค่าเท่าศูนย์ครับ เพราะผมทำงานด้านนี้มาเกือบสามสิบปี ก็ยังไม่เคยเจอใครที่จะสามารถทำบาลานซ์จนเหลือค่าอันบาลานซ์เป็นศูนย์ได้เลย)

ให้ลองคิดว่าถ้าจะเริ่มหมุนของจานทั้งคู่นี้ มีตำแหน่งที่น้ำหนักไม่บาลานซ์ เกิดมาพอดีอยู่ใกล้ๆ กัน เวลามันวิ่งไปอีกรอบมันก็จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้มันก็จะเกิดการสั่นที่มากกว่าการใช้จานเดียวไงครับ

แต่ถ้าเราดวงดี จุดที่หนักมันอยู่ 90 องศากัน ใช่...มันก็จะหักล้างเฉลี่ยกันได้ ดังนั้นถ้าเราจะให้ได้ประโยชน์จากการใช้สองจานวิ่งสวนกัน เราต้องรู้ว่าจะที่หนักของแต่ละจานอยู่ตรงไหน? ซะก่อนแล้วก็จับให้อยู่ 90 องศากันซะ ซึ่งมันก็จะสั่นแบบ Flutuate คือขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าการทำแบบนี้ไม่เวิร์คเท่าการทำแผ่นเดียวแล้วทำบานลานซืให้ดีที่สุด จะดีกว่าละครับ (คือถ้ามันดีจริง คงมีหลายๆ แบรนยอมซื้อลิกสิทธิ์ทำตามไปแล้วละครับ ผมก็เห็นมีอยู่แค่ยี่ห้อเดียวเท่านั้นเอง)

ผมไม่ทราบว่าพี่มุมฯ หรือของยี่ห้อแบรนดังที่ทำขาย จะมีการมาร์คจุดหนักไว้ให้ปรับให้มันอยู่ 90 องศากันก่อนการเล่นทุกครั้งหรือไม่?

ผมคิดว่าคำแนะนำนี้อาจเป็นประโยขน์ต่อพี่มุมฯ หรือบริาทที่ทำเพลทเตอร์คู่แบบนี้ออกมาขาย ถ้ายังไม่มาร์คจุดหนักกัน ก็จัดการทำซะ วิธีทำคือเราอาจเอียงแล้วหมุนหลายๆ ครั้งเพื่อหาจุดที่ตกลงอยู่ข้างล่างสุด นั่นละคือจุดหนักที่ควรเอาไว้ให้อยู่ 90 องศาด้วยเพื่อเฉลี่ยการสั่นให้ลดลง เพราะถ้าอยู่ตรงข้ามกันจุดหนักมันก็จะมีโอกาศกลับมาเจอกันอีก ใครซื้อของนอกมาเค้าอาจจะทำบาลานซ์มาดี วิธีแบบสะเตติกบาลานซ์อาจไม่ได้ผล คุณอาจต้องเอามันไปใส่เครื่องบาลานซิ่งเมซซีนเพื่อเช็คหาให้ก็ได้ครับ) มิฉะนั้นท่านอาจเจอการสั่นเป็นสองเท่าได้ หรือก็อาจจะสั่นน้อยกว่ก็เป็นได้นะครับ ซื้อของแพงแล้วยังต้องมาเสี่ยงดวงใช้ของกันแบบนี้ผมถือว่าไม่คุ้มครับ

ปล. ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเค้ามีมาร์คไว้ให้ตามที่ผมว่าไหม? ใครเคยเห็นตัวเป็นๆ อย่าลืมดูหรือถามคนขายให้ผมด้วยนะครับ

ลิเนียร์อาร์มของผมวันนี้ลองเอาลมเข้าดูอีกครั้งให้มั่นใจ โดยลองผิวปากเบาๆ ห่างหัวเข็มเกือบคืบ อาร์มก็ลื่นปื๊ดเลยละครับ ก็หมดห่วงเรื่องการที่อาร์มจะเลื่อนเข้าออกแบบทำให้สัญญาณทั้งซ้ายขวาไม่เท่ากันไปแล้วละครับ ผมไม่จำเป็นต้องเอียงเพลาด้านปลายเพลาให้ตกลงเล็กน้อยเพื่อให้อาร์มวิ่งเข้าวงในของแผ่นตามที่คิดไว้แต่แรกแล้ว คือตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่า แค่ผมดันเลื่อนเพลาไปข้างหน้าตามแนวชี้ของก้านอาร์มหรือหัวเข็มไปเพียงเล็กน้อยมันก็จะมีแรงพาอาร์มเข้าไปร่องในได้แระ!!!!! (แรงจากส่วนโค้งคล้ายที่เกิดกับไพว็อทอาร์ม แต่มันน้อยกว่าอาจแค่เพียงหนึ่งส่วนร้อยเท่าของไพว็อทอาร์ม) คือถ้าสัญญาณทั้งสองฝั่งไม่เท่ากันที่เกิดจากฟริกซั่นของแอร์แบรริ่ง (ที่น่าจะมีอยู่บ้างเพราะผมเน้นอาร์มยาวหน่อย เพื่อเวลาเจอแผ่นที่บิดงอเล็กน้อย มุม VTF/SRA จะได้ไม่เปลี่ยน) ผมก็แค่ขยับเพลาลื่นตามแนวระนาบเข้าออกจากแนวตั้งฉากจากจุดศูนย์กลางแค่นั้นก็จะทำให้สัญญาณซีกซ้ายและขวาผมเท่ากัน ผมน่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่เป็นกังวนกับอาร์มตัวนี้อีกแระ

   แนวคิดของผู้ออกแบบไม่เหมือนใครในโลก ทำให้ผมเกิดความสนใจ ในหลายเรื่อง ๆ แต่สุดท้าย หลังจากการทดลอง (สร้างเครื่องนี้เป็นเครื่องที่ 2)  แนวคิดอันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของทฤษฎีของนิวตัน ที่ผมเคยเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ครับ หลักคิดง่าย ๆ ของผู้ออกแบบ คือ การสลายเรโซเน้นซ์แต่จุด ให้อยู่กับที่ เริ่มตั้งแต่ตัวสร้างพลัง คือมอเตอร์ ส่งพลังงาน ผ่านมูเล่ย์ ไป จนถึงตัวรับพลังงานคือ เพลทเตอร์ ซึ่งมีการวางที่ไม่เหมือนใครในโลก และ แถมยังต้องวางเพลทเตอร์ถึง 2 ชุด ตรงนี้เอง ทำให้ผมคิดไปถึงรถไต่ถังว่า ทำไมจึงต้องเกิดแรงเวี่ยง 2 ชุด ในพลังงานชุดเดียวกัน เมื่อแรงหมุนด้วยพลังงานเพียงชุดเดียว พอถึง ณ จุด ๆ หนึ่ง จะเกิดการบารานส์ขึ้น คล้ายกับช่องว่างของพลังงาน หรือ การหนีศูนย์พลังงาน วัสดุจะไม่เกิดแรงดึงกันขึ้น สมัยเป็นเด็ก ผมเคยเล่น คือ ใช้มือเราจับมือเพื่อน แล้วก็ใช้แรงเวี่ยงหมุนเพื่อนรอบตัวเรา เราเพียงใช้แรงนิดหนึ่ง เวี่ยงเพื่อนออกไป เจ้าเพื่อนก็จะหมุนลอยอยู่รอบตัวเรา โดยที่เราใช้แรงไม่มาก เข้ากฎของนิวตันเลย แนวคิดอัน ผู้ออกแบบเอามาใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเค้า คือใช้มอเตอร์มีกำลังที่ไม่มาก ไปขับเพลทเตอร์ที่มีความหนักถึง 3-4 กก.  /เพลทเตอร์  ประการที่ 2 การออกแบบโทนอาร์ม ก็เช่นกัน อาศัยแรงกด ไม่เหมือนกับ โทนอาร์มอาร์มที่เราเล่น ๆ เล่น กันทั่ว ๆ ไป เค้ากับอาศัยแรงกดเป็นตัวควบคุมการหมุนจองหัวเข็ม ก็เหมือนกับคุณ PINIJ ออกแบบโทนอาร์มนั้นแหละครับ แต่ที่สำคัญคือ พลัง หรือ แรงกดที่ส่งไปที่ปลายเข็ม จะต้องบารานศ์กันที่สุด กับหัวเข็ม ๆ จึงจะวิ่งบนล่องแผ่นเสียงลิเนียที่สุดเช่นกัน ดังนั้นโทนอาร์มแบบนี้ เมื่อปรับแรงน้ำหนักให้บารานส์กันตั้งแต่ออกแบบ แทบจะไม่ต้องไปปรับอะไรอีกเลย ง่าย แต่ดีครับ เสียงที่ได้จากการทำงานเครื่องเล่นแผ่นเสียงลักษณ์นี้ จึงนิ่ง และ ให้รายละเอียดที่จัดเจนมากครับ ผมฟังเพลงหลาย ๆ แผ่น ต้องบอกเลยครับ ว่าแนวคิดเจ้าเครื่องแผ่นแผ่นเสียง ของนักคิดท่านนี้ สุดยอดจริง ๆ



   ของคุณครับที่ช่วยเสนอชี้แนะ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ครับ

   จุดหาน้ำหนักที่ 90 องศา คุณวิทยา เคยบอกวิธีทำง่าย ๆ แบบโบราณ คือ การหมุนเพลทเตอร์แบบตั้งฉาก หลาย รอบ แล้ว มาร์คไว้ว่าแต่ระจุดที่หมุนเพลทเตอร์อยู่ตรงไหน แล้วค่อยจัดการเรื่องถ่วงน้ำหนัก ของคุณวิทยา ก็ง่ายดี และได้ผลดีครับ
















   หมายเหตุ   บางจุดผมก็ใส่ความคิดผมลงไปด้วยครับ หลังจากเจอปัญหาในการทำเครื่องแรก จึงนำมาแก้ไขในเครื่องที่ 2 และ ยังมีจุดที่ต้อง ทำให้สมบูรณ์ คือ การเอามอเตอร์ไปอยู่นอกแท่น



 






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ตุลาคม, 2012, 04:09:58 am โดย มุมคนรักหลอด »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อาร์มเจ๋งครับพี่ ช่วยถ่ายตรงจุดหมุนชัดๆ หน่อย (Pivot) อยากเห็นกลไกปรับค่า Anti Skecting น่ะครับ แล้วทำไมมัน9hv'ระโยงระยางแบบนั้น ช่วยอะธิบายถึงการทำงานแต่ละชิ้นส่วนของอาร์มด้วยก็จะดีครับ ชอบตรงหัวสูบลมรถน่ะครับ มันทำหน้าที่อะไรครับ?

จานหมุนแบบสองล้อวิ่งสวนกันแบบนี้ (สงสัยจะทำตามแบบของแบรนดังยี้ห้อหนึ่งแน่ๆ) ผมคิดว่าเค้าทำเพื่อให้ดูมันยุ่งยาก จะได้ขายได้แพงๆ แล้วก็คุยสับพระคุณว่ามัน จะช่วยกันสลายพลังงานลดอาการสั่นสะเทือนจากการไม่บาลานซ์กันของเพลทเตอร์

แต่ผมกลับคิดว่าสองจานแบบนี้ มันจะก่อปัญหาการสั่นมากกว่าจานเดี่ยวอันเดียวซะอีกละครับ เพราะถ้าเราทำบานซ์ให้เหลือค่า Residue Unbalnce อยู่เท่าๆ กับแบบใช้จานเดียว (Residue Unbalnce จะอย่างไรมันก็ยังจะมีค่าการ Unbalance อยู่จำหนึ่งเสมอ จะเหลือเท่าไร? ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องและคนทำว่าเจ๋งแค่ไหน? ไม่มีทางทำจนมีค่าเท่าศูนย์ครับ เพราะผมทำงานด้านนี้มาเกือบสามสิบปี ก็ยังไม่เคยเจอใครที่จะสามารถทำบาลานซ์จนเหลือค่าอันบาลานซ์เป็นศูนย์ได้เลย)

ให้ลองคิดว่าถ้าจะเริ่มหมุนของจานทั้งคู่นี้ มีตำแหน่งที่น้ำหนักไม่บาลานซ์ เกิดมาพอดีอยู่ใกล้ๆ กัน เวลามันวิ่งไปอีกรอบมันก็จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้มันก็จะเกิดการสั่นที่มากกว่าการใช้จานเดียวไงครับ

แต่ถ้าเราดวงดี จุดที่หนักมันอยู่ 90 องศากัน ใช่...มันก็จะหักล้างเฉลี่ยกันได้ ดังนั้นถ้าเราจะให้ได้ประโยชน์จากการใช้สองจานวิ่งสวนกัน เราต้องรู้ว่าจะที่หนักของแต่ละจานอยู่ตรงไหน? ซะก่อนแล้วก็จับให้อยู่ 90 องศากันซะ ซึ่งมันก็จะสั่นแบบ Flutuate คือขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าการทำแบบนี้ไม่เวิร์คเท่าการทำแผ่นเดียวแล้วทำบานลานซืให้ดีที่สุด จะดีกว่าละครับ (คือถ้ามันดีจริง คงมีหลายๆ แบรนยอมซื้อลิกสิทธิ์ทำตามไปแล้วละครับ ผมก็เห็นมีอยู่แค่ยี่ห้อเดียวเท่านั้นเอง)

ผมไม่ทราบว่าพี่มุมฯ หรือของยี่ห้อแบรนดังที่ทำขาย จะมีการมาร์คจุดหนักไว้ให้ปรับให้มันอยู่ 90 องศากันก่อนการเล่นทุกครั้งหรือไม่?

ผมคิดว่าคำแนะนำนี้อาจเป็นประโยขน์ต่อพี่มุมฯ หรือบริาทที่ทำเพลทเตอร์คู่แบบนี้ออกมาขาย ถ้ายังไม่มาร์คจุดหนักกัน ก็จัดการทำซะ วิธีทำคือเราอาจเอียงแล้วหมุนหลายๆ ครั้งเพื่อหาจุดที่ตกลงอยู่ข้างล่างสุด นั่นละคือจุดหนักที่ควรเอาไว้ให้อยู่ 90 องศาด้วยเพื่อเฉลี่ยการสั่นให้ลดลง เพราะถ้าอยู่ตรงข้ามกันจุดหนักมันก็จะมีโอกาศกลับมาเจอกันอีก ใครซื้อของนอกมาเค้าอาจจะทำบาลานซ์มาดี วิธีแบบสะเตติกบาลานซ์อาจไม่ได้ผล คุณอาจต้องเอามันไปใส่เครื่องบาลานซิ่งเมซซีนเพื่อเช็คหาให้ก็ได้ครับ) มิฉะนั้นท่านอาจเจอการสั่นเป็นสองเท่าได้ หรือก็อาจจะสั่นน้อยกว่ก็เป็นได้นะครับ ซื้อของแพงแล้วยังต้องมาเสี่ยงดวงใช้ของกันแบบนี้ผมถือว่าไม่คุ้มครับ

ปล. ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเค้ามีมาร์คไว้ให้ตามที่ผมว่าไหม? ใครเคยเห็นตัวเป็นๆ อย่าลืมดูหรือถามคนขายให้ผมด้วยนะครับ

ลิเนียร์อาร์มของผมวันนี้ลองเอาลมเข้าดูอีกครั้งให้มั่นใจ โดยลองผิวปากเบาๆ ห่างหัวเข็มเกือบคืบ อาร์มก็ลื่นปื๊ดเลยละครับ ก็หมดห่วงเรื่องการที่อาร์มจะเลื่อนเข้าออกแบบทำให้สัญญาณทั้งซ้ายขวาไม่เท่ากันไปแล้วละครับ ผมไม่จำเป็นต้องเอียงเพลาด้านปลายเพลาให้ตกลงเล็กน้อยเพื่อให้อาร์มวิ่งเข้าวงในของแผ่นตามที่คิดไว้แต่แรกแล้ว คือตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่า แค่ผมดันเลื่อนเพลาไปข้างหน้าตามแนวชี้ของก้านอาร์มหรือหัวเข็มไปเพียงเล็กน้อยมันก็จะมีแรงพาอาร์มเข้าไปร่องในได้แระ!!!!! (แรงจากส่วนโค้งคล้ายที่เกิดกับไพว็อทอาร์ม แต่มันน้อยกว่าอาจแค่เพียงหนึ่งส่วนร้อยเท่าของไพว็อทอาร์ม) คือถ้าสัญญาณทั้งสองฝั่งไม่เท่ากันที่เกิดจากฟริกซั่นของแอร์แบรริ่ง (ที่น่าจะมีอยู่บ้างเพราะผมเน้นอาร์มยาวหน่อย เพื่อเวลาเจอแผ่นที่บิดงอเล็กน้อย มุม VTF/SRA จะได้ไม่เปลี่ยน) ผมก็แค่ขยับเพลาลื่นตามแนวระนาบเข้าออกจากแนวตั้งฉากจากจุดศูนย์กลางแค่นั้นก็จะทำให้สัญญาณซีกซ้ายและขวาผมเท่ากัน ผมน่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่เป็นกังวนกับอาร์มตัวนี้อีกแระ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
   สนใจการทำมากเลย ครับ วันนี้เจ้า Robot ผมร้องเพลงแล้ว ครับ  :)














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม, 2012, 06:27:16 pm โดย มุมคนรักหลอด »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff


ใครรู้แหล่งซื้อสายร้อยในอาร์มหรือมีเหลือๆ ผมจะขอแบ่ง คือผมต้องการซักสองเมตรครับ ช่วยชี้แหล่งซื้อให้หน่อยครับ :help
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
http://www.thaiavclub.org/Forum/index.php?topic=4165.240

พี่มุมลองเข้าไปอ่านในนี้ดูก่อนนะครับ ถ้าสงสัยอยากรู้อะไรก็เขียนมาถามกันได้ครับ ผมอยากให้พวกเราได้ทำลิเนียร์อาร์มใช้กันเอง ต้นทุนค่าอลูมิเนียมและเพลาสะแตนเลสส์กลวงที่ผมซื้อจากร้านของเก่า รู้สึกว่าราคารวมแล้วไม่เกิน 300 บาทเองครับ แต่ค่ากลึงผมไม่เสียเพราะให้หลานกลึงให้ แต่งานกลึงต้องละเอียดมากนะครับ บอกเค้าให้ทำให้ละเอียดที่สุดๆ เรื่องราคาเราไม่เกี่ยงเค้าจะได้ทำแบบสุดฝือมือให้เรา




Support ตัวจริงผมรอสั่งกลึงด้วยสะแตนเลส์สให้แข็งแรงและต้องหนักมากๆ อีกด้วยครับ (อันนี้เอาไอเดียที่สามารถปรับการก้มเงยของเพลาเป็นแบบให้ช่างกลึงครับ แค่ทดลองประกอบมาให้ดูกันเล่นๆ นะครับ) ผมคิดไว้ว่าจะเอาสายไฟและท่อลมขึ้นทางฝั่งด้านปลายเพลาเพื่อไม่ให้แกะกะตอนปรับ VTA (ผมอาจทำมอเตอร์ไดร์วแล้วใช้รีโมทปรับโดยที่เรานั่งฟังอยู่ที่เก้าอี้กันเลย) แต่ผมจะยกให้ท่อลมและสายสัญญาณให้สูงกว่าเพลาของอาร์ม (ณ จุดกลึ่งกลางการวิ่งกลับไปกลับมาของแบรริ่ง) เพื่อลดผลในการลดแรงกระทำจากท่อลมและสายสัญญาณ ผมคิดว่าการวางท่อลมของคูซม่านั้นท่อลมเวลามีแรงดันภายในแล้วมันจะทำให้มันพยายามจะเป็นท่อตรงๆ ซึ่งผมคิดว่าจะมีผลในการเคลื่อนที่ของแบรริ่งมากกว่าการที่ผมจะโรยตัวท่อลมลงมาจากด้านบนในแนวดิ่ง แต่ก็คงต้องให้มันโค้งงอบ้างเพื่อการให้เกิดการเคลื่อนตัวเข้าในแผ่นและออกนอก แต่ผมก็ยังคิดว่าแรกกระทำของท่อลมจะน้อยกว่าของคูซม่าที่งอกัน 180 องศากันเลย ซึ่งท่อลมของผมอาจโค้งงอไม่ถึง 90 องศาด้วยซ้ำไป d_d :drunk
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ตุลาคม, 2012, 10:23:05 am โดย PINIJ »
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
   ผมก็คิดอยากจะทำโทนอาร์มแบบนี้อยู่ครับ กำลังสะสมความรู้ พร้อมอุปกรณ์อยู่


<a href="http://www.youtube.com/v/npUeDaOgBdo" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/npUeDaOgBdo</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ตุลาคม, 2012, 01:11:06 pm โดย มุมคนรักหลอด »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff


เอาลิเนียร์อาร์มใกล้ได้ฟังแล้วมาให้ดูกันครับ d_d :drunk






ผมทำ Clearance ระหว่าง Air Bearing กับเพลาไว้น้อยมากๆ ลองอัดลมแค่ 3 Bar เข้าไป ตัวอาร์มมันเป็นอิสระจากเพลาอย่างมาก จนมันวิ่งไปมาซุกซนมากๆ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกันในการปรับระดับเพลาให้ขนานกับพื้นโลกจริงๆ อาร์มมันถึงจะหยุดอยู่นิ่งๆ กับที่ได้ ผมคิดว่าคงจะมีแต่ Magnatic Bearing  ที่จะไหลหลื่นได้ดีเท่ากับ Air Bearing ละครับ แต่ Magnatic Bearing จะมีปัญหาในเรื่องของเส้นแรงแม่เหล็ก ที่ถ้าคุมไม่ดีมันอาจเข้าไปกวนกับสนามแม่เหล็กในหัวเข็มของเราได้

Air Bering ตัวนี้ผมคิดว่าจะใช้แรงดันลมแค่ 1 Bar กว่าๆ ก็น่าเวิร์คแล้วละครับ (เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าแบรริ่งมันวิ่งแบบลื่นจนมากเกินไปหน่อย การลดแรงดันลมลงมา อาจเหมือนการแดมป์ให้อาร์มมันเคลื่อนที่วิ่งเข้าไปยังร่องเสียงส่วนในได้เสถียรดีขึ้น) การทำให้ Clearance ระหว่างแบรริ่งกับเพลาน้อยมากๆ นี้ มีข้อดีคือ ผมได้ลองเอาลมจากที่ปั๊มลมที่ใช้กับปืนยิงตาปูอัตโนมัตที่เป็นแค่ถังพักลมเล็กๆ เป่าลมทั้งไว้เป็นชั่วโมง Pressure ของลมในถังลดไปนิดหน่อย (หยุดปั๊มนะครับ)  คิดว่าถ้าใช้ถังนี้มาเล่นกะมันแล้ว เราอาจเล่นกันสามวันสามคืน ลมก็คงยังไม่หมดถัง เผลอๆ อาจเล่นกันได้เป็นอาทิตย์ละครับ (ของนอกขนาดแพงๆ ยังต้องปั๊มลมอัดกันต่อเนื่องตลอดเวลา จนต้องหาห้องเก็บเสียงของปั๊มลมที่ดังมากกันดูวุ่นวาย แต่ของผมแค่ปั๊มครั้งเดียว เล่นได้จนหูแฉะกันเลยละ)

คนเล่นเทิร์นที่เป็น DIYer น่าทำกันเล่นครับ มุมต่างๆ ในช่วงที่หัวเข็มวิ่งอยู่บนแผ่นจะถูกต้องจากร่องนอกจนถึงร่องในสุดครับ เหมือนตอนเครื่องกัดแผ่น กัดแผ่นออกมาให้เราฟังกันนะครับ พวก Pivot Arm ต่อให้แพงขนาดไหน? ก็จะได้ความถูกต้องของเสียงไม่ดีเท่าเราครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ตุลาคม, 2012, 03:30:51 pm โดย PINIJ »
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
คอกาแฟ เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพียบเลยครับ  ;D
อยากลองชิมก็ส่งที่อยู่มาหลังไมค์ได้นะครับ d_d :drunk

  หวัดดีครับพี่ ไม่ได้เข้ามานานหากระทู้ไม่เจอ 5555555
             
เอาด้วยไหม? วันนี้มีคั่วส่งให้หลายเจ้า
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ top

  • **
    • กระทู้: 51
    • เพศ:ชาย
คอกาแฟ เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพียบเลยครับ  ;D
อยากลองชิมก็ส่งที่อยู่มาหลังไมค์ได้นะครับ d_d :drunk

  หวัดดีครับพี่ ไม่ได้เข้ามานานหากระทู้ไม่เจอ 5555555
             


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
คอกาแฟ เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพียบเลยครับ  ;D
อยากลองชิมก็ส่งที่อยู่มาหลังไมค์ได้นะครับ d_d :drunk
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Jakaman

  • เล่นมาเย้อ เจ็บมาเย้อ
  • ****
    • กระทู้: 284
    • เพศ:ชาย
  • เราวางใจในพระเจ้า
    • AudioDevelop
คอกาแฟ เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพียบเลยครับ  ;D
เมื่อก่อนข้าเคยตาบอด แต่บัดนี้ตาข้าเห็นแล้ว


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เฮ้ย! โล่งออกไป  d_d :drunk
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
1. แตกที่หน้ายาง ปกติครับ ไม่ใช่โรค สาเหตุเป็นได้หลายอย่าง สภาพอากาศร้อน(ฝนน้อย-ทิ้งช่วง)เป็นสาเหตุหลักครับ
นั่นอธิบายได้ว่า หน้ายางที่พี่กรีดมันแตก(เพราะยังอยู่ในระยะเปิดกรีด ฝนยังน้อยอยู่) ส่วนที่จ้างกรีดมันไม่แตกครับ
ถ้าแตกที่เปลือก(เปลือกกระเทาะ)เป็นสัญญาณอันตรายกับปริมาณน้ำยาง น้ำยางไหลไม่หยุดเป็นสัญญาณอันตรายกับต้นยาง(เป็นเชื้อราไฟทอปธอร่า ยืนตาย)ครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เมื่อวานก่อนก็เพิ่งไปขายมา 98 บาท (ถูกหักจาก 100 ไปสองบาท) เหมือนกันครับ เรื่องปุ๋ยก็ตาม อ. แนะครับ d_d :drunk


อ. โก้ ครับ เมื่อเช้าออกไปดูสวนยาง เห็นยางสวนหนึ่งอายุสามปีเจ้าของยืนอยู่ที่สวนพอดี เห็นลูกยางเต็มต้นเลย เจ้าของสวนบอกว่าใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ครับ สวนนี้เค้าแบ่งยางออกเป็นสองส่วน อีกส่วนไม่พบลูกยางมากเท่าอีกส่วนที่ว่ามาครับ (เจ้าของรายนี้ดูเค้าเป็นคนชอบทดลองดี)

เรื่องของเรื่องคือ ส่วนที่ใส่สูตรสิบห้าเต็มที่ ต้นยางมันโตและสูงใหญ่กว่าที่เค้าใส่ปุ๋ยยางอ่อนตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ มันต่างกันทุกต้นเป็นอย่างมากเลยครับ ไม่ได้เอากล้องไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เจ้าของสวนยังบอกว่า ส่วนนี้เค้าจะใส่ 16-16-16 เพิ่มเข้าไปอีก คือเหตุผลของเค้าบอกว่า ยางยังไม่กรีด ขอให้มันโตก่อนเป้นใช้ได้ พอกรีดค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะใส่ปุ๋ยอะไร

ผมเจอแบบนี้ถึงกับอึ่งในเหตุผลของเค้า อ. โก้ คิดเห็นประการใดครับ

แล้วที่ว่าจะให้ผมใส่ปุ๋ยต่อไป ผมรู้ว่า N ช่วยเลี้ยงลำต้น (ถูกหรือปล่าวนี่?) แล้วต้นมันแตกแบบนี้ ผมไม่เคยเรียนรู้เรื่องเรื่องนี้มาก่อนครับว่า มันควรจะลดหรือเพิ่มกันแน่? ถ้าให้เดาคือควรลดตัวนี้ลงไปอีกใช่หรือไม่ครับ?


1. เปลือกแตก....
แตกที่เปลือก หรือแตกที่หน้ายางที่กรีดแล้วครับ

2. ไม่ทราบอายุยาง ตอบยากอยู่ครับ 15-15-15 ราคาพอๆ กับ 20-8-20   :D

1. เปลือกแต่หน้ายางที่กรีด ดูในรูปที่ผมโพ๊ทไว้ข้างบน เป็นเฉพาะช่วงที่ผมกรีด ช่วงที่จ้างเค้ากรีดไม่เป้น หรือผมกรีดไม่ดีครับ

2. รอดูผลกันต่อไปนะครับ ว่าตอนเค้ากรีดผลจะออกมาอย่างไร

วันนี้ไปคุยกะคนปลูก 251 บอกว่าต้องกรีดวันเว้นวัน ทำสามวันหยุดหนึ่งวัน แบบ 600 ของผมไม่ได้ครับ ตอนนี้ผมแฮบปี่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลย กรีดสามหยุดหนึ่ง ได้ยางแผ่นรวมที่หนึ่งเดือนเหมือนกัน ผมได้มากกว่าคนอื่นแล้วละครับ c) :victory O0 c) ต้องขอขอบพระคุณ อ. โก้ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยที่แนะนำให้ทำแบบนี้ครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
เมื่อวานก่อนก็เพิ่งไปขายมา 98 บาท (ถูกหักจาก 100 ไปสองบาท) เหมือนกันครับ เรื่องปุ๋ยก็ตาม อ. แนะครับ d_d :drunk


อ. โก้ ครับ เมื่อเช้าออกไปดูสวนยาง เห็นยางสวนหนึ่งอายุสามปีเจ้าของยืนอยู่ที่สวนพอดี เห็นลูกยางเต็มต้นเลย เจ้าของสวนบอกว่าใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ครับ สวนนี้เค้าแบ่งยางออกเป็นสองส่วน อีกส่วนไม่พบลูกยางมากเท่าอีกส่วนที่ว่ามาครับ (เจ้าของรายนี้ดูเค้าเป็นคนชอบทดลองดี)

เรื่องของเรื่องคือ ส่วนที่ใส่สูตรสิบห้าเต็มที่ ต้นยางมันโตและสูงใหญ่กว่าที่เค้าใส่ปุ๋ยยางอ่อนตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ มันต่างกันทุกต้นเป็นอย่างมากเลยครับ ไม่ได้เอากล้องไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เจ้าของสวนยังบอกว่า ส่วนนี้เค้าจะใส่ 16-16-16 เพิ่มเข้าไปอีก คือเหตุผลของเค้าบอกว่า ยางยังไม่กรีด ขอให้มันโตก่อนเป้นใช้ได้ พอกรีดค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะใส่ปุ๋ยอะไร

ผมเจอแบบนี้ถึงกับอึ่งในเหตุผลของเค้า อ. โก้ คิดเห็นประการใดครับ

แล้วที่ว่าจะให้ผมใส่ปุ๋ยต่อไป ผมรู้ว่า N ช่วยเลี้ยงลำต้น (ถูกหรือปล่าวนี่?) แล้วต้นมันแตกแบบนี้ ผมไม่เคยเรียนรู้เรื่องเรื่องนี้มาก่อนครับว่า มันควรจะลดหรือเพิ่มกันแน่? ถ้าให้เดาคือควรลดตัวนี้ลงไปอีกใช่หรือไม่ครับ?


1. เปลือกแตก....
แตกที่เปลือก หรือแตกที่หน้ายางที่กรีดแล้วครับ

2. ไม่ทราบอายุยาง ตอบยากอยู่ครับ 15-15-15 ราคาพอๆ กับ 20-8-20   :D
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เมื่อวานก่อนก็เพิ่งไปขายมา 98 บาท (ถูกหักจาก 100 ไปสองบาท) เหมือนกันครับ เรื่องปุ๋ยก็ตาม อ. แนะครับ d_d :drunk


อ. โก้ ครับ เมื่อเช้าออกไปดูสวนยาง เห็นยางสวนหนึ่งอายุสามปีเจ้าของยืนอยู่ที่สวนพอดี เห็นลูกยางเต็มต้นเลย เจ้าของสวนบอกว่าใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ครับ สวนนี้เค้าแบ่งยางออกเป็นสองส่วน อีกส่วนไม่พบลูกยางมากเท่าอีกส่วนที่ว่ามาครับ (เจ้าของรายนี้ดูเค้าเป็นคนชอบทดลองดี)

เรื่องของเรื่องคือ ส่วนที่ใส่สูตรสิบห้าเต็มที่ ต้นยางมันโตและสูงใหญ่กว่าที่เค้าใส่ปุ๋ยยางอ่อนตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ มันต่างกันทุกต้นเป็นอย่างมากเลยครับ ไม่ได้เอากล้องไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เจ้าของสวนยังบอกว่า ส่วนนี้เค้าจะใส่ 16-16-16 เพิ่มเข้าไปอีก คือเหตุผลของเค้าบอกว่า ยางยังไม่กรีด ขอให้มันโตก่อนเป้นใช้ได้ พอกรีดค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะใส่ปุ๋ยอะไร

ผมเจอแบบนี้ถึงกับอึ่งในเหตุผลของเค้า อ. โก้ คิดเห็นประการใดครับ

แล้วที่ว่าจะให้ผมใส่ปุ๋ยต่อไป ผมรู้ว่า N ช่วยเลี้ยงลำต้น (ถูกหรือปล่าวนี่?) แล้วต้นมันแตกแบบนี้ ผมไม่เคยเรียนรู้เรื่องเรื่องนี้มาก่อนครับว่า มันควรจะลดหรือเพิ่มกันแน่? ถ้าให้เดาคือควรลดตัวนี้ลงไปอีกใช่หรือไม่ครับ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 กันยายน, 2012, 01:00:54 pm โดย PINIJ »
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
น้ำไม่มีอยู่แถวนั้น และไม่มีแอ่งให้น้ำขังด้วย ที่เป้นหลังเต่าครับ

ตอนหลังนี้ผมใช้ปุ๋ยแค่ที่ใช้กะต้นยางอ่อนแล้วนะครับ

แล้วจะทำไงดีอ่ะครับ แต่ที่แน่ๆ คงหยุดให้ปุ๋ยไปก่อนนะครับ :help
ไม่ถูกครับ
ความรู้เรื่องNPKที่ให้ไปนั่นแหละเอามาใช้ครับพี่ ปรับตัวหน้า+หลังลงครับ ปุ๋ยราคาต่ำลงด้วยครับ
ราคาน้ำยางทางนี้(สหกรณ์) 98บาทครับ น้ำยางจากข้างนอกกำลังถล่มสหกรณ์ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ เดี๋ยวพอราคาดี คงกลับไปกันหมด :giveup
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
น้ำไม่มีอยู่แถวนั้น และไม่มีแอ่งให้น้ำขังด้วย ที่เป้นหลังเต่าครับ

ตอนหลังนี้ผมใช้ปุ๋ยแค่ที่ใช้กะต้นยางอ่อนแล้วนะครับ

แล้วจะทำไงดีอ่ะครับ แต่ที่แน่ๆ คงหยุดให้ปุ๋ยไปก่อนนะครับ :help
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
อ. โก้ คงยังไม่ได้เข้ามาอ่าน เช้านี้ผมเอารูปไปให้คนที่ขายปุ๋ยโคโตซานดู เข้าบอกว่าผมใส่ปุ๋ยให้ต้นยางมากเกินไป เปลือกจึงแตก เพราะมันเป็นโรคคนรวยครับ ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าใส่ปุ๋ยมากเกินก็ไม่ดี  :cry2

คำถาม
หนักตัวไหน....

คิดต่อ ทำอย่างไร...
คิดต่อ เมื่อไหร่...

หน้ายางครับ ฝนตกหลายวัน+ติดงานแต่ง เพิ่งเปิดกรีดเช้าวันแรกครับ
ไม่กด(แซะ)หน้ากดหลังครับ




ต้นปริ นอกจากหนักปุ๋ยแล้ว ยังมีเรื่องชุ่มน้ำ(น้ำไม่สเด็ด)อีกอย่างด้วยครับ น้ำไม่สเด็ดคือ...ระหว่างแถวไม่มีร่อง(หรือร่องตื้นเกินไป)น่ะครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อ. โก้ คงยังไม่ได้เข้ามาอ่าน เช้านี้ผมเอารูปไปให้คนที่ขายปุ๋ยโคโตซานดู เข้าบอกว่าผมใส่ปุ๋ยให้ต้นยางมากเกินไป เปลือกจึงแตก เพราะมันเป็นโรคคนรวยครับ ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าใส่ปุ๋ยมากเกินก็ไม่ดี  :cry2
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
:)ผมก็ต้องแวะแล้ว เดือนเม.ย ต้องไปเซ่งเม็งอยู่แล้ว
หวัดดีครับพี่สงค์ สบายดีนะครับ ไม่ได้คุยกันนานเลย ปีหน้าผมคงจะได้ลงไปเที่ยวทางปักษ์ใต้กันบ้างละครับ เพราะลูกชายคนเล็กคงสองขวบกว่า ผมคงเที่ยวแบบลุยๆ กันได้แล้ว คิดว่าคงต้องวางแผนให้รถวิ่งผ่านไปทางบ้าน อ. โก้ แน่นอนเหมือนกันละครับ



รูปถ่ายเช้าวันนี้ครับ เอามาให้ อ. โก้ ดูว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง? ที่นี่ฝนตกเกือบทุกวัน เพราะอยู่ใกล้เขาครับ ไม่เหมือนในตัวจังหวัดพะเยาหรือที่ลำพูนที่เคยอยู่ ฝนไม่ค่อยตกมากเหมือนที่นี่ เลยวันหยุดเยอะ ยังสรุปอะไรออกมาให้แน่ชัด เกี่ยวกับวันที่สองกับสามว่าใครจะได้มากกว่ากัน เพราะบางครั้งมันต้องหยุดวันที่สองบ้าง วันที่สามของการกรีดบ้าง มั่วกันไปหมดน่ะครับ แต่ตอนนี้ได้น้ำยางออกมาเป็นแผ่นเข้าสู่สภาวะปรกติของช่วงนี้แล้วคือประมาณ 18 ต้นต่อหนึ่งแผ่น (1.1-1.3 กก น้ำหนักยางแผ่นที่ตากแดดไว้ได้ 7 วันครับ) ตอนนี้ขายผ่านระบบสหกรณ์ได้ประมาณ 96 กว่าบาท ถือว่าราคาใช้ได้เลยละ

ไม่ทราบว่าทางโน้นกรีดหน้าไปได้ถึงคืบหรือยังครับ แล้วขายน้ำยาง กก ละเท่าไรครับ? อยากเห็นรอยแผลที่กรีดโดยฝีมือ อ. โก้ เหมือนกัน ถ้าไม่ลำบากนักขอชมด้วยครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra



ออฟไลน์ punTR

  • ***
    • กระทู้: 180


ปลูกแบบสามเหลี่ยมมุมฉากกับสีเหลี่ยมจัตุรัสมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
ปาล์มต้องโดนแดดจัดๆถึงจะออกลูก ลูกใหญ่
ข้อดีของการปลูกรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ก็คือไม่ว่าจะมองทางไหนแต่ละต้นจะห่างกัน 9เมตรเท่ากันหมด โอกาสรับแสงเท่ากันทุกต้นครับ



อาจจารย์โก้บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมไปนคร 3 เดือนครั้ง เผื่อหนีเมียไปเที่ยวบ้าง ;D

แถวหน้าโรงปูนครับ หลัก กม.8 เป๊ะ ฝั่งไปทุ่งสงนะครับ ซอยคลองทรายติดกับปั๊ม NGV เข้าซอยมาราว300เมตร บ้านที่มีถังประปาสีน้ำเงิน(มองเห็นตั้งแต่บนถนนใหญ่)ผ่านมาก็แวะกินน้ำกินกาแฟนะครับ

ว่างๆจะแวะไปกินกาแฟครับ :clap


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ดูแล้วหาบ้านได้ไม่ยากเลย ถ้าลงใต้เมื่อไรขอแวะพักรถแน่ครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย


ปลูกแบบสามเหลี่ยมมุมฉากกับสีเหลี่ยมจัตุรัสมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
ปาล์มต้องโดนแดดจัดๆถึงจะออกลูก ลูกใหญ่
ข้อดีของการปลูกรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ก็คือไม่ว่าจะมองทางไหนแต่ละต้นจะห่างกัน 9เมตรเท่ากันหมด โอกาสรับแสงเท่ากันทุกต้นครับ



อาจจารย์โก้บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมไปนคร 3 เดือนครั้ง เผื่อหนีเมียไปเที่ยวบ้าง ;D

แถวหน้าโรงปูนครับ หลัก กม.8 เป๊ะ ฝั่งไปทุ่งสงนะครับ ซอยคลองทรายติดกับปั๊ม NGV เข้าซอยมาราว300เมตร บ้านที่มีถังประปาสีน้ำเงิน(มองเห็นตั้งแต่บนถนนใหญ่)ผ่านมาก็แวะกินน้ำกินกาแฟนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ punTR

  • ***
    • กระทู้: 180
ผมขอแชร์ด้วยคนนะครับ อ่าน ๆ แล้ว อยากจะช่วยบอกในสิ่งที่ผมเจอครับ ส่วนตัวผมเองไม่มีสวนยางครับ แต่อาศัยอ่านมา ฟังมา เห็นมา สาเหตุหนึ่งที่ผมเจอของการโค่นล้มของยางมาจากต้นตอครับ
อธิบาย คือตอนนี้เราไม่มีเมล็ดยางพื้นเมืองมาเป็นต้นตอในการติดตานะครับหรือมีก็หายากมาก ๆ เพราะฉะนั้นแปลงเพาะต่าง ๆ ก็เอาเมล็ดที่ร่วงจากแปลงที่กรีดอยู่นั่นแหละมาเพาะชำ พอต้นโตได้ขนาดก็ไปเอาตาจากศูนย์เพาะชำตายาง หรือบางแปลงก็มีแปลงตาของตนเองซึ่งเป็นพันธ์ 600 บ้าง 251 บ้าง มาติดตาลงบนต้นตอที่เก็บเมล็ดที่ร่วงจากในแปลง ซึ่งเป็นเมล็ดของ 600 หรือ 251 เอง นั่นหมายถึง เขาเอายอด600 มาติดต้นตอ 600 หรือเอายอด 251 มาติด ต้นตอ600 แล้วผลที่ได้รับหลังเอายางมาปลูกคือ ระบบรากซึ่งเป็นของ 600 นั้นเป็นที่ทราบกันอยู่ครับว่า ไม่แข็งแรง โค่นล้มง่าย และค่อนข้างอ่อนไหวต่อโรค เลยทำให้เกิดปัญหาตามมาครับ ในเมื่อมีปัญหาก็ก็มีวิธีแก้ครับ หากบ้านใครมียางพื้นเมืองต้นเดิม ๆ เลือกเอาต้นที่ต้นสวย น้ำยางออกดีเก็บเมล็ดมันมาครับ ปลูกลงในหลุมเลยครับ พอโตได้ขนาดก็จัดการติดตาเป็น 600 หรือ251 ตามชอบครับ
จริงของป๋าT ครับ ต่อให้อีกนิด เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ารากแก้วของไม้ยืนต้นเป็นเสมือนเสาเข็มของบ้าน ยางพาราปัจจุบัน โดนตัดรากแก้วหลังจากติดตาประมาณ 1 เดือนแล้วจึงนำมาชำถุง เหลือรากแก้วแค่ศอก โดยเฉพาะ251 ทรงพุ่มใหญ่ ล่าสุดของผมโดนไป 56 ต้น ร้องไม่ออกครับท่าน ที่สำคัญที่สุดเกือบทุกแปลงกล้ายางใช้ยาฆ่าหญ้าแบบดูดซึมแทบทุกเดือน ผมยังเชื่อว่าเป็นสาเหตุให้ยางชำถุงอ่อนแอลงทุกวัน


ออฟไลน์ punTR

  • ***
    • กระทู้: 180
อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม


ถ้าถามมาอย่างนี้พอตอบให้ได้ครับ คือไม่ทราบจะเรียบเรียงอย่างไร

ทนได้ครับ เคยเห็นที่ นาท่วมเหนือ ตรัง เส้น403 จมน้าอยู่เป็น10วัน ยังไม่ตายครับ
ปาล์มปลูกง่ายเหมือนปลูกมะพร้าว ไม่ต้องขุดหลุมก็ยังได้ แต่การดูแลรักษาหลังปลูกแล้ววุ่นวายกว่ายางฯมาก เพราะศัตรูเยอะกว่า ทั้งหนูทั้งแมลง
ปาล์มปลูกเป็นแถวเหมือนยางฯ แต่จะออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะห่างแต่ละต้นทั้งแถวเดียวกันและแถวถัดไปห่าง9เมตรเท่ากันหมดครับ
แถวแต่ละแถวห่างกัน 7.8เมตร เมื่อคิดตามสูตรสามเหลี่ยมมุมฉาก(ท..พีธากอรัส) ก็จะได้ประมาณ9เมตร แถวที่2จะร่นเข้ามา4.5เมตร แถวที่3ตรงกับแถวแรก เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆครับ
.   .   .   .   .   .   .   .   .   .
  .   .   .   .   .   .   .   .   .

ช่วยเสริมอาจารย์โก้
ทนได้ครับยกเว้นท่วมถึงยอดปาล์ม 3 วันก็ไม่รอดแล้วครับ ถ้าท่วมถึงลูกปาล์ม ลูกเน่าหมดครับ
อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม


ถ้าถามมาอย่างนี้พอตอบให้ได้ครับ คือไม่ทราบจะเรียบเรียงอย่างไร

ทนได้ครับ เคยเห็นที่ นาท่วมเหนือ ตรัง เส้น403 จมน้าอยู่เป็น10วัน ยังไม่ตายครับ
ปาล์มปลูกง่ายเหมือนปลูกมะพร้าว ไม่ต้องขุดหลุมก็ยังได้ แต่การดูแลรักษาหลังปลูกแล้ววุ่นวายกว่ายางฯมาก เพราะศัตรูเยอะกว่า ทั้งหนูทั้งแมลง
ปาล์มปลูกเป็นแถวเหมือนยางฯ แต่จะออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะห่างแต่ละต้นทั้งแถวเดียวกันและแถวถัดไปห่าง9เมตรเท่ากันหมดครับ
แถวแต่ละแถวห่างกัน 7.8เมตร เมื่อคิดตามสูตรสามเหลี่ยมมุมฉาก(ท..พีธากอรัส) ก็จะได้ประมาณ9เมตร แถวที่2จะร่นเข้ามา4.5เมตร แถวที่3ตรงกับแถวแรก เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆครับ
.   .   .   .   .   .   .   .   .   .
  .   .   .   .   .   .   .   .   .


ปลูกแบบสามเหลี่ยมมุมฉากกับสีเหลี่ยมจัตุรัสมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
ปาล์มยึดถือการไม่ซ้อนทับกันของทรงพุ่มเป็นหลัก แนวปลูกที่ดีที่สุดคือ ตั้งแถวเหนือ-ใต้ แต่ละต้นได้รับแสงอย่างเพียงพอ ด้วยระยะทรงพุ่มที่เท่ากัน ปลูกรูปสามเหลี่ยมจึงได้จำนวนต้นมากกว่าครับ

อาจจารย์โก้บ้านอยู่แถวไหนครับ ผมไปนคร 3 เดือนครั้ง เผื่อหนีเมียไปเที่ยวบ้าง ;D


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม


ถ้าถามมาอย่างนี้พอตอบให้ได้ครับ คือไม่ทราบจะเรียบเรียงอย่างไร

ทนได้ครับ เคยเห็นที่ นาท่วมเหนือ ตรัง เส้น403 จมน้าอยู่เป็น10วัน ยังไม่ตายครับ
ปาล์มปลูกง่ายเหมือนปลูกมะพร้าว ไม่ต้องขุดหลุมก็ยังได้ แต่การดูแลรักษาหลังปลูกแล้ววุ่นวายกว่ายางฯมาก เพราะศัตรูเยอะกว่า ทั้งหนูทั้งแมลง
ปาล์มปลูกเป็นแถวเหมือนยางฯ แต่จะออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะห่างแต่ละต้นทั้งแถวเดียวกันและแถวถัดไปห่าง9เมตรเท่ากันหมดครับ
แถวแต่ละแถวห่างกัน 7.8เมตร เมื่อคิดตามสูตรสามเหลี่ยมมุมฉาก(ท..พีธากอรัส) ก็จะได้ประมาณ9เมตร แถวที่2จะร่นเข้ามา4.5เมตร แถวที่3ตรงกับแถวแรก เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆครับ
.   .   .   .   .   .   .   .   .   .
  .   .   .   .   .   .   .   .   .

น่าสนแฮะ! เดี๋ยวกลับบ้าน อย ครั้งนี้ ต้องลองสอบถามหาเพื่อนร่วมด้วยซักสองสามเจ้าดูก่อนนะครับ ถ้ามีคนเอาผมก็คิดว่าน่าลุยเหมือนกัน คงจะดีกว่าปลูกข้าวปีละสองครั้งละมังครับ?
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Tube_club

  • ทำจนกว่าจะเบื่อ
  • *****
    • กระทู้: 855
  • 6L6 CLUB
    • ทีอยู่ของผมครับ
อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม


ถ้าถามมาอย่างนี้พอตอบให้ได้ครับ คือไม่ทราบจะเรียบเรียงอย่างไร

ทนได้ครับ เคยเห็นที่ นาท่วมเหนือ ตรัง เส้น403 จมน้าอยู่เป็น10วัน ยังไม่ตายครับ
ปาล์มปลูกง่ายเหมือนปลูกมะพร้าว ไม่ต้องขุดหลุมก็ยังได้ แต่การดูแลรักษาหลังปลูกแล้ววุ่นวายกว่ายางฯมาก เพราะศัตรูเยอะกว่า ทั้งหนูทั้งแมลง
ปาล์มปลูกเป็นแถวเหมือนยางฯ แต่จะออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะห่างแต่ละต้นทั้งแถวเดียวกันและแถวถัดไปห่าง9เมตรเท่ากันหมดครับ
แถวแต่ละแถวห่างกัน 7.8เมตร เมื่อคิดตามสูตรสามเหลี่ยมมุมฉาก(ท..พีธากอรัส) ก็จะได้ประมาณ9เมตร แถวที่2จะร่นเข้ามา4.5เมตร แถวที่3ตรงกับแถวแรก เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆครับ
.   .   .   .   .   .   .   .   .   .
  .   .   .   .   .   .   .   .   .


ปลูกแบบสามเหลี่ยมมุมฉากกับสีเหลี่ยมจัตุรัสมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
ที่อยู่ติดต่อครับ http://www.htg2.net/index.php?topic=37830.msg430692#msg430692


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม


ถ้าถามมาอย่างนี้พอตอบให้ได้ครับ คือไม่ทราบจะเรียบเรียงอย่างไร

ทนได้ครับ เคยเห็นที่ นาท่วมเหนือ ตรัง เส้น403 จมน้าอยู่เป็น10วัน ยังไม่ตายครับ
ปาล์มปลูกง่ายเหมือนปลูกมะพร้าว ไม่ต้องขุดหลุมก็ยังได้ แต่การดูแลรักษาหลังปลูกแล้ววุ่นวายกว่ายางฯมาก เพราะศัตรูเยอะกว่า ทั้งหนูทั้งแมลง
ปาล์มปลูกเป็นแถวเหมือนยางฯ แต่จะออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะห่างแต่ละต้นทั้งแถวเดียวกันและแถวถัดไปห่าง9เมตรเท่ากันหมดครับ
แถวแต่ละแถวห่างกัน 7.8เมตร เมื่อคิดตามสูตรสามเหลี่ยมมุมฉาก(ท..พีธากอรัส) ก็จะได้ประมาณ9เมตร แถวที่2จะร่นเข้ามา4.5เมตร แถวที่3ตรงกับแถวแรก เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆครับ
.   .   .   .   .   .   .   .   .   .
  .   .   .   .   .   .   .   .   .
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อยากทราบข้อเท็จจริงจากเจ้าของสวนตัวจริงมากกว่านักวิชาการนะครับ คืออยากทราบผลผลิตต่อไร่ ของในแต่ละปีเท่าไรครับ ขอเป็นช่วงตั้งแต่เริ่มเก็บผลจนต้องตัดต้นทิ้งนะครับ ที่อำเภอก็มีโรงงานผลิตน้ำมันจากรำข้าวอยู่หลายโรง  ถ้าชวนพวกเพื่อนบ้านปลูกกันเยอะๆ โรงงานอาจเพิ่มไลน์มาผลิตจากน้ำมันปาร์มบ้างนะ?  แต่คิดว่าพื้นที่ ที่ไม่ได้โดนน้ำท่วมแบบของผมคงมีให้ปลูกปาร์มได้ไม่มากนัก (อยากทราบว่ามันพอทนน้ำท่วมซักอาทิตย์นึงได้ไหม? ถ้าได้ก็จะมีพื้นที่เพิ่มเข้ามาอีกพอสมควรครับ)

คือผมอยากจะเอาพื้นที่นามาทำสวนซักครึ่งนึงเหมือนกัน (ถ้าแถวบ้านผมปลูกปาร์มได้ คนทำนาจะได้ลดลง ราคาข้าวจะได้สูงขึ้นมากๆ) อยากกระจายความเสี่ยงอีกด้วยเพราะผมจะได้มีสามรายได้ ถ้าอะไรมันตกต่ำ เช่นกรณีถ้ามันต่ำสองอย่างที่เราปลูก ก็น่าจะมีอะไรที่มันสูงอยู่ซักอย่างนึงก็ยังดี คือผมไม่คิดที่จะให้ลูกๆ เข้าทำงานบริษัทแบบผมอีกแล้ว

คนทำบริษัทเป็นลูกจ้างไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากนัก ถ้ารับเงินเดือนแสนกว่าบาท ผมคิดว่ามีสวนยางแค่ 20 ไร่ ยังมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขมากกว่ากันเยอะครับ ผมขอให้แค่ลูกมีการศึกษาที่ดี เพื่อจะมีวิสัยทัศน์ที่ดี แค่นั้นผมคิดว่าเค้าใช้ชีวิตได้มีความสุขมากกว่าการเป็นลูกจ้าง
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
อ. โก้ ว่าจะเอาเรื่องสวนปาร์มมาคุย รอฟังอยู่นะครับ บ้านผมที่ อย ติดเขต สระบุรี น้ำไม่ท่วม น่าลงปาร์มไหมครับ?

พยามรวบรวมข้อมูลอยู่น่ะครับ ที่มี(ความรู้)อยู่ตอนนี้น้อยมากๆครับ

รวบรัดตัดความไปที่ ที่นาปลูกปาล์มดีกว่ายางฯ,ที่ดินมากปลูกปาล์มดีกว่ายาง(ระบบจ้างทั้งหมดเหมือนกัน)ก่อนนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อ. โก้ ว่าจะเอาเรื่องสวนปาร์มมาคุย รอฟังอยู่นะครับ บ้านผมที่ อย ติดเขต สระบุรี น้ำไม่ท่วม น่าลงปาร์มไหมครับ?
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
อ. โก้ พูดถึงเอานามาทำสวนยาง ผมคิดถึงบ้านที่ อย เลยละ ถ้าผมจะปลูกยางโดยยกร่องสูงขึ้นมาแค่ 50 เซนต์นี่ ถือว่าพ้นน้ำไปแล้วประมาณ 20 เซนต์เลยละครับ ว่าแต่ระดับน้ำใต้ดินแถวบ้านผม จากที่เคยขุดบ่อลึก 6 เมตร์ มาไร่นึง จะพบว่ามีน้ำซึมเข้ามาห่างจากผิวดิน 2.5 เมตร์เห็นจะได้ ไม่ทราบว่ามันจะสามารถเอามาปลูกยางได้ไหมครับ? หรืออากาศไม่หนาวพออีก?

ตอนนี้ปริมาณน้ำยางวันที่สองกับวันที่สามใกล้เคียงกันแล้วครับ (ได้แค่นี้ก็เยี่ยมมากละครับ) ก็คงเพราะเหตุนี้แหละ เจ้าของสวนที่ผมเคยไปบอกให้กรีดสามหยุดหนึ่ง แล้วก็ลดหน้ายางเหลือ ¼ เค้าถึงพึ่งจะทำตามเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง เมื่อก่อนเค้ากรีดวันเว้นวันอยู่ ปรากฏว่าสรุปยอดเดือนนึง ผมได้น้ำยางมากกว่าเค้าอีกละครับ

แถวเมืองเหนือไม่มีต้นแม่เป็นยางพื้นเมืองละครับ คงต้องให้อาจารย์หาเม็ดแล้วเพราะไปจ้างเค้าติดตาให้ละครับ


ที่ทำนาเดิม จะยกร่องปลูกยาง เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะครับ กว่าจะได้ผลดี ก็ต้องโค่นปลูกใหม่รอบ2ไปแล้ว ถ้ามีแหล่งขาย ปาล์มจะเหมาะกว่าครับ ถ้าจะทำจริงๆ ผมไม่มีคำแนะนำใดๆครับ จนปัญญา คนที่ทำอยู่เพราะทำไปแล้วก็ทนๆเอาครับ
เรื่องเม็ดยางพาราพื้นเมือง+กิ่งตาพันธุ์เป็นธุระให้ได้ครับ ยินดีครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
วันนี้ผมลองโมใส่ซีออยล์ไบเค็บเข้าไปในวงจรตรงจุดขาออกของปรีโฟโน่ (ที่มีราคา 2 บาท) ดูครับ ผมก็ว่าเสียงมันทึบลง เลยหาวิธีคอนเฟิร์มหูของตัวเอง เครื่องมือวัดก็สามารถบอกเราได้ว่าเสียงมันทึบจริงๆ นะครับ บางคนอาจไม่เชื่อถือเครื่องมือวัดพวกนี้ แต่ผมคิดว่าถ้าเรารู้จักใช้มัน มันสามารถเปรียบเทียบเสียงของเครื่องที่เราทำกันได้ละครับ

ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เดี๋ยวบางคนจะหาว่าที่สะเป็กตั้มโชว์แอมปิจูดที่ 20kHz นั้นมันเป็น Noise ไปซะ ผมเลยเอาเพลงจากแผ่นเสียงที่อัดมาด้วยกัน เอามาเทียบให้ดูกันด้วยนะครับ

ภาพสะเป็คตั้มข้างบนอันแรกนั้นเป็นเพลงคลาสสิก ที่ซึ่งเมื่อก่อนนี้ (ยุคฟิ๊พตี้ท์) การอัดเพลงคลาสสิกจะทำกันแบบเศรษฐีทำคือใช้แต่อุปกรณ์การอัดดีๆ ระดับสุดยอดมาใช้ แต่พวกเพลงป๊อปอาจจะอัดกันตามห้องในตึกแถวเล็กๆ ใช้อุปกรณ์ราคาถูกกว่า ผลจึงออกมาว่าเพลงป๊อปยุคนั้น แม้แต่เพลงของคลิฟริชาดท์ก็ยังอัดกันด้วยความถี่ช่วงแคบๆ ไม่พบว่ามีความถี่สูงถึง 20kHz เหมือนกับแผ่นเพลงคลาสสิก

แต่เพลงแจ็สที่คนฟังระดับสูงขึ้นมาก็จะอัดกันดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเหมือนกันครับ

ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ใครที่คิดว่าคนฟังแผ่นเสียงที่อัดมายุคโบราณเมื่อ 50 – 60 ปีโนจะไม่ได้ยินเสียงที่ความถี่ 20kHz กัน เพราะคิดแบบผิดๆ ไปว่าแผ่นเสียงไม่สามารถเก็บความถี่ได้เพียงพอ หรือ หัวเข็มจะไม่สามารถเก็บเอาความถี่ถึงขนาดนี้ขึ้นมาจากแผ่นเสียงได้ นั้น เป็นความคิดที่ผิดครับ

แต่ขอบอกซะก่อนว่าจริงแล้วทั้งแผ่นและหัวเข็มดีๆ สามารถเก็บความถี่ได้ถึง 50kHz กันมานานแล้วละครับ

วันนี้ผมนั่งฟังเพลงที่อัดมาจากแผ่นเสียงด้วยฟอร์แมท 24/192 เอามาเพลย์เบคฟังไปพร้อมกับดู Spectrum Plot ไปด้วย มันเห็นออกมาชัดเจนว่าตนสมัยหกสิบปีที่แล้วเค้าอัดเพลงกันไว้ได้ครอบคลุมเสียงที่หูของมนุษย์เราได้ยินกันแล้วละครับ เลยเอามายืนยันให้ดูกันน่ะครับ

ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อ. โก้ พูดถึงเอานามาทำสวนยาง ผมคิดถึงบ้านที่ อย เลยละ ถ้าผมจะปลูกยางโดยยกร่องสูงขึ้นมาแค่ 50 เซนต์นี่ ถือว่าพ้นน้ำไปแล้วประมาณ 20 เซนต์เลยละครับ ว่าแต่ระดับน้ำใต้ดินแถวบ้านผม จากที่เคยขุดบ่อลึก 6 เมตร์ มาไร่นึง จะพบว่ามีน้ำซึมเข้ามาห่างจากผิวดิน 2.5 เมตร์เห็นจะได้ ไม่ทราบว่ามันจะสามารถเอามาปลูกยางได้ไหมครับ? หรืออากาศไม่หนาวพออีก?

ตอนนี้ปริมาณน้ำยางวันที่สองกับวันที่สามใกล้เคียงกันแล้วครับ (ได้แค่นี้ก็เยี่ยมมากละครับ) ก็คงเพราะเหตุนี้แหละ เจ้าของสวนที่ผมเคยไปบอกให้กรีดสามหยุดหนึ่ง แล้วก็ลดหน้ายางเหลือ ¼ เค้าถึงพึ่งจะทำตามเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง เมื่อก่อนเค้ากรีดวันเว้นวันอยู่ ปรากฏว่าสรุปยอดเดือนนึง ผมได้น้ำยางมากกว่าเค้าอีกละครับ

แถวเมืองเหนือไม่มีต้นแม่เป็นยางพื้นเมืองละครับ คงต้องให้อาจารย์หาเม็ดแล้วเพราะไปจ้างเค้าติดตาให้ละครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับว่า แอมป์ตัวนี้สัญชาติล้านนา ตอนที่ขึ้นมาอยู่เมืองเหนือเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ผมตั้งใจทำแอมป์ตัวนี้เพื่อจะใช้ขับ QUAD ESL 63 ที่ Stack กันสองคู่ ดังนั้น QUAD II (ทำเรียนแบบนะ) แค่ 18W จึงขับได้ไม่เต็มที่ จึงคิดทำแอมป์ตัวนี้ขึ้นมา แต่มันไม่ได้ผลเพราะมันขับความถี่ลงมาได้ต่ำมากๆ  ลำโพงควอดรับไม่ได้ มันดังพรึดๆ เวลาเสียงเบสต่ำๆ ออกมา (เจ้าแอมป์ควอดตัวเรียนแบบใช้เอาท์พุท Zebra เบสต่ำๆ ไม่มีจึงขับได้ดี แต่มันมีแรงน้อยไปหน่อย) มันจึงถูกเก็บยาวมาเกือบห้าปีหลังจากใช้ไปไม่ถึงสิบซั่วโมง

วันนี้ผมเอา 6550 ของ GE และ 12BH7 ของ Synvania (ยังหาเบรกเพลทของยุโรบไม่พบ มาจะเอามาแทนดูอีกที) 7308 เป็นไวท์ลาเบลของเอ็มเฟอร์เร็ก มาใส่ลงไปและเบรินมาได้สองอาทิตย์กว่าๆ แบบไม่ปิดกันเลยละ วันแรกๆ ฮัมหึงเลย แต่ตอนนี้ ต้องเอาหูแนบลำโพงถึงจะได้ยินเสียงฮัมและซ่าๆ เบาๆ ครับ

งันนี้ผมเลยเอาความชอบส่วนตัวมารายงานผลของแอมป์ทั้งสามตัวที่ผมเคยใช้ฟังมาค่อนข้างเป็นเวลานานจะจำเสียงของมันขับลำโพงโฟกัสสะแต็กนี้ได้เป็นอย่างดี และเทียบกับตัวใหม่นี้มาให้อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการคิดจะทำหรือจะซื้อแอมป์มาใช้กันนะครับ



เรื่องยางเดี๋ยวมาคุยต่อครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ ป๋าT

  • ****
    • กระทู้: 272
    • เพศ:ชาย
ผมขอแชร์ด้วยคนนะครับ อ่าน ๆ แล้ว อยากจะช่วยบอกในสิ่งที่ผมเจอครับ ส่วนตัวผมเองไม่มีสวนยางครับ แต่อาศัยอ่านมา ฟังมา เห็นมา สาเหตุหนึ่งที่ผมเจอของการโค่นล้มของยางมาจากต้นตอครับ
อธิบาย คือตอนนี้เราไม่มีเมล็ดยางพื้นเมืองมาเป็นต้นตอในการติดตานะครับหรือมีก็หายากมาก ๆ เพราะฉะนั้นแปลงเพาะต่าง ๆ ก็เอาเมล็ดที่ร่วงจากแปลงที่กรีดอยู่นั่นแหละมาเพาะชำ พอต้นโตได้ขนาดก็ไปเอาตาจากศูนย์เพาะชำตายาง หรือบางแปลงก็มีแปลงตาของตนเองซึ่งเป็นพันธ์ 600 บ้าง 251 บ้าง มาติดตาลงบนต้นตอที่เก็บเมล็ดที่ร่วงจากในแปลง ซึ่งเป็นเมล็ดของ 600 หรือ 251 เอง นั่นหมายถึง เขาเอายอด600 มาติดต้นตอ 600 หรือเอายอด 251 มาติด ต้นตอ600 แล้วผลที่ได้รับหลังเอายางมาปลูกคือ ระบบรากซึ่งเป็นของ 600 นั้นเป็นที่ทราบกันอยู่ครับว่า ไม่แข็งแรง โค่นล้มง่าย และค่อนข้างอ่อนไหวต่อโรค เลยทำให้เกิดปัญหาตามมาครับ ในเมื่อมีปัญหาก็ก็มีวิธีแก้ครับ หากบ้านใครมียางพื้นเมืองต้นเดิม ๆ เลือกเอาต้นที่ต้นสวย น้ำยางออกดีเก็บเมล็ดมันมาครับ ปลูกลงในหลุมเลยครับ พอโตได้ขนาดก็จัดการติดตาเป็น 600 หรือ251 ตามชอบครับ


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
ผมยังติดตามอยากรู้เรื่องปริมาณน้ำยางเช้าที่3ของพี่อยู่นะครับ
ทางนี้ฝนตกหลายวันแล้ว เป็นฝนรำคาญ(ตกไม่หนัก)เสียมากกว่าครับ ก็เลยมีเวลาทำโน่นทำนี่ได้
นี่ก็ยกร่องปลูกผักเพิ่มอีกหน่อย....ผักก็เป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องปลูกถี่ปลูกห่างครับ ;D

เอามาเป็นเรื่องเดียวกันได้เนอะ 2f
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
สวนที่ผมไปพบก็เป็นแบบที่ อ. โก้ ว่ามาเลยครับ ตอนนี้ต้นยังแค่สิบปี จากที่สังเกตดูยอดของมัน และยอดก็สูงมากๆ อีกด้วย และก็พบว่าใบมันไม่เกยกัน (ดูเหมือนกิ่งก้านและใบน้อยกว่าสวนผมเป็นเท่าตัว) ไม่เหมือนสวนของผมที่มีอายุแค่แปดปี ทั้งที่มีต้นที่ต่ำกว่าแต่ใบเกยซ้อนกัน กิ่งยอดและใบเยอะกว่ามากๆ ช่วงช่องว่างที่ห่างเจ็ดเมตรกิ่งใบก็ยังเกยซ้อนกัน

จากที่บอกมาเรื่องสวนที่ผมไปเจอนี้ พอช่วงสิห้าถึงสามสิบปีอาจได้น้ำยางลดลง ซึ่งช่วงนี้ควรเป็นช่วงที่ได้ผลผลิตสูงสุด

แต่ตอนนี้แย่จริงๆ ครับ ราคายางแบบนี้ผมคงให้คนกรีดทำแผ่นเก็บไว้รอราคาขึ้นซะแล้วละครับ ก็ไม่รู้เมื่อไรมันจะขึ้นถึงร้อยกว่าอีก แต่ก็มีดีบางอย่างกะผมเหมือนกัน คือเผื่อมีคนขายสวนที่กรีดได้แล้วราคาถูกลงมาอีก จะได้ช้อนซื้อซะ ไม่ต้องมาเลี้ยงต้นเล็กๆ ให้เสียเวลา


ข้อสงสัยและคำตอบอยู่ที่สวนนี้(ที่พี่ถ่ายรูปมา)หมดแล้วครับพี่...
ปลูกถี่ไป ก็จะเกิดปัญหาแบบนี้แหละครับ ต้น"หลวด"(สูงแต่ไม่โต)เหมือนคนมากๆอยู่ไปอยู่ในที่แคบๆก็ต้องเขย่งขึ้นสูดอากาศ...ต้นไม้อยู่ที่แคบๆ(บังแสงกัน)ก็ต้อง"หลวด"ขึ้นไปหาแสงครับ
คนมากๆอยู่ในที่แคบๆเบียดเสียดกัน ต้องหุบแขนหุบไหล่ ต้นไม้ก็เหมือนกันครับ กิ่งก้านแผ่ขยายไม่ได้ พอกิ่งก้านแผ่ขยายไม่ได้ใบก็น้อย ใบเปรียบเหมือนโรงครัว(เคยพูดไปแล้ว) โรงครัวไม่ดีอย่างอื่นก็แย่ตามครับ
.........
ดินเลวที่ว่าไว้ ผมยังไม่ได้ลงรายละเอียดไป
ดินเลวสำหรับปลูกยาง ชัดๆเลยก็เป็นดิน(ทำ)นามาก่อน...แล้วมันเป็นดินเลวได้ยังไง ธาตุอาหารน้อย?...ไม่ใช่ครับ
1. ที่นา ต้องยกร่องปลูกยาง(เพื่อกันเรื่องต้นยางจมน้ำ) หน้าดินถูกพลิกอยู่ข้างล่าง(ลึก) ระหว่างแถวก็ต้องเป็นท้องร่อง ลองนึกภาพตามนะครับ รากก็หากินได้แค่คันร่องเท่านั้น
2. ที่ๆขุดหน้าดินขาย อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากนะครับ

ดินเลวสำหรับต้นยางมีไม่มากครับ ให้ชัดจริงๆต้องวิเคราะห์ดิน ถ้าไม่วิเคราะห์ดินก่อนปลูก ให้ปลูกห่างไว้ก่อนดีที่สุดครับ

ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ความพิถีพิถันของคนเรามีไม่เท่ากัน ดังนั้นเครื่องเล่นแผ่นเสียงจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับบางท่านครับ เหมือนกับรสชาติของกาแฟ ที่แต่ละคนย่อมมีความพิถีพิถันในการเลือกดื่มไม่เท่ากัน เช่นเดียวกันครับ


ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
คนที่ผมจ้างกรีดมาหลายวันแล้ว เอามาให้อาจารย์โก้ดูหน่อย ผมว่าฝีมือเค้าใช้ได้เลยละครับ คือดีกว่าผมเยอะ

แล้วไปเจออีกสวนที่ผมเคยบอกให้ลดระยะกรีดให้เหลือ ¼  รู้สึกว่าเค้าเพิ่งจะทำได้สองสามครั้งเอง แต่ผมบอกไว้เป็นเดือนแล้ว
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เรื่องสวนยางผมได้อาจารย์ช่วยเหลือให้คำแนะนำจนได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และผมได้ผ่านอุปสรรค์ต่างไปแล้ว โดยตอนนี้ยกให้มือหนึ่งของหมู่บ้านกรีดให้เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว หากผมจะกลับมาสนุกกันต่อกับมันภายหลังค่อยมาว่ากันใหม่ หรือพบปัญหาก็จะยกขึ้นมาถามใหม่ ต้องของขอบพระคุณอาจารย์โก้มากๆ เลยครับ ที่ให้คำแนะนำดีกับผม ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ

ตอนนี้ผมมีเวลากลับมาฟังเพลงอย่างมีสมาธิอีกครั้ง และรู้สึกว่าห้องฟังใหม่ที่บ้านเมืองเหนือนี้นั้น ให้ผมได้เปลี่ยนความคิดในเรื่องของการเล่นการฟังใหม่ ก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์นี้มาเล่าให้เพื่อนฟัง เผื่อว่ามันอาจมีประโยชน์บ้างเล็กๆ น้อย ต่อเพื่อนในนี้นะครับ

ก่อนอื่นเลยผมเห็นชัดเจนเลยว่าโปรแกรมฟรีๆ ของ Foobar ยังฟังห่างจากโปรแกรมที่ต้องจ่ายตังค์ซื้อมาเป็นอย่างมากครับ แม้จะเซ็ทแบบเต็มที่แล้วก็ตาม เสียงมันจะทำกว่าโปรมซื้อเยอะมากๆๆๆ ที่จริงชุดก็ชุดเดิมๆ แต่เมื่อก่อนผมยังคลุมเครือถึงความแตกต่าง แต่เปลี่ยนห้องดีขึ้นนี่มันฟ้องเป้นอย่างมากเลยละครับ (แม้ห้องตอนนี้ยังไม่ได้ทำแบบสุดๆ นะครับ เพราะก็ยังพบบางความถี่ที่ยังมีล้นเกินอยู่บ้าง)

ใครเสียบซาวด็การด์เพิ่ม ขออย่าได้ลงตัวไดรว์เวอร์ของซาวด์เมนบอร์ดนะครับ ผมเอาออกแล้วมันเห็นผลดีขึ้นครับ (อ้อ! ลืมบอกไปว่าที่คุยคือการเล่นผ่านคอมป์นะครับ)

อีกข้อที่เห็นผลมากๆ อีกอย่างคือ การที่เรามีโวลลุ่มปรับเกนสองจุด คือของผมมีโวลลุ่มคอนโทรลที่ แพทซ์มิก ของ EMU1212m แล้วผมเล่นเพลงด้วย Wavelap มันก็มีโวลลุ่มให้อีกที่หนึ่งในการปรับความดังของเสียง เนื่องจากโวลลุ่มของ Wavelab มันปรับนิดเดียวก็ดังแรงมากๆๆ ปรับให้เสียงดังพอดีที่เราต้องการยากกกกกส์ ผมเลยไปลดเสียงโวลลุ่มที่ แพทซ์มิก ของ EMU1212m แล้วผมก็ไปเร่งดวลลุ่มที่ Wavelap มันมันระดับความดังได้ละเอียดดีมากๆ เลยในทีนี้ แต่.......................สิ่งที่พบกลับเรวร้ายลงคือ ต่อให้เร่งเสียงดังแรงมากๆ แต่เสียงขาดไดนามิค ความสดของเสียงหายไปเยอะมากๆ  ที่เขียนมานี้ก็เพื่อถ้าใครมีโวลลุ่มสองที่แบบผม ให้ทดลองหาจุดเหมาะสมที่ชอบที่สุดดูเอานะครับ

สุดท้ายนี้มีภาพเล็กๆ น้อยที่เอาไปลงในเฟสบุ๊ก ก็เลยอยากจะเอามาลงในนี้ด้วยครับ รูปส่วนมากอธิบายด้วยตัวมันเองอยู่แล้วนะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็เข้ามาคุยกันครับ





ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff


ติดค้างไว้ว่าจะถ่ายรูปสวนที่ปลูกต้นชิดกันมากๆ มาให้ดูกันน่ะครับ วันนี้ไปเที่ยว รร ลูกชายมาเลยเวะถ่ายมาให้ดูครับ สวนนี้ดูแล้วก็เห็นว่ามีหลายไร่อยู่ แต่เจ้าของปลูกซะชิดกันไปเลย ระยะระหว่างเส้นทแยงมุมยังแค่ 3.8m เท่านั้นเองละครับ สวนนี้ผมคงต้องติดตามดู จนกว่าต้นมันจะถูกโค่นละครับ ผมคงไม่กล้าเสี่ยงปลูกชิดๆ แบบนี้ ณ เวลานี้ รออีกซักสิบห้าปี คือถ้าช่วงต่อไปนี้ถึงอายุต้นยาง 30 ปี คงได้ผลสรุปว่าสมควรทำตามหรือไม่ควร?  O0 :giveup
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
สวนที่ผมไปพบก็เป็นแบบที่ อ. โก้ ว่ามาเลยครับ ตอนนี้ต้นยังแค่สิบปี จากที่สังเกตดูยอดของมัน และยอดก็สูงมากๆ อีกด้วย และก็พบว่าใบมันไม่เกยกัน (ดูเหมือนกิ่งก้านและใบน้อยกว่าสวนผมเป็นเท่าตัว) ไม่เหมือนสวนของผมที่มีอายุแค่แปดปี ทั้งที่มีต้นที่ต่ำกว่าแต่ใบเกยซ้อนกัน กิ่งยอดและใบเยอะกว่ามากๆ ช่วงช่องว่างที่ห่างเจ็ดเมตรกิ่งใบก็ยังเกยซ้อนกัน

จากที่บอกมาเรื่องสวนที่ผมไปเจอนี้ พอช่วงสิห้าถึงสามสิบปีอาจได้น้ำยางลดลง ซึ่งช่วงนี้ควรเป็นช่วงที่ได้ผลผลิตสูงสุด

แต่ตอนนี้แย่จริงๆ ครับ ราคายางแบบนี้ผมคงให้คนกรีดทำแผ่นเก็บไว้รอราคาขึ้นซะแล้วละครับ ก็ไม่รู้เมื่อไรมันจะขึ้นถึงร้อยกว่าอีก แต่ก็มีดีบางอย่างกะผมเหมือนกัน คือเผื่อมีคนขายสวนที่กรีดได้แล้วราคาถูกลงมาอีก จะได้ช้อนซื้อซะ ไม่ต้องมาเลี้ยงต้นเล็กๆ ให้เสียเวลา
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
ความจริงเรื่องนี้เคยบอกไปทีนึงแล้ว พูดซ้ำอีกทีก็แล้วกันนะครับ
ดินเลวปลูกถี่ ดินดีปลูกห่าง อยู่ที่ตรงนี้ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบข้างล่างเสมอไป
แถวห่าง6เมตร ได้จำนวนต้น/ไร่มากกว่าจริง
ได้ปริมาณน้ำยาง/ไร่มากกว่าไม่เสมอไป ทำไม? ช่วงยางยังเล็กอยู่ใบยางแต่ละแถวยังไม่เกยกันพอทำเนา แต่พอใบยางแต่ละแถวเกยกันแล้ว :cry2
จะรู้ได้อย่างไร? จากการสังเกตุต้นที่ซ่อมช้า(หรือต้นที่โตไม่ทันต้นอื่น)แล้วใบไป"ซอน"(แทรกอยู่ข้างล่าง)ใบของต้นสูงกว่า ตอนเล็กๆน้ำยางออกดี(เพราะยังโล่งอยู่)แต่โตขึ้นมาแล้ว :cry2 ลองสังเกตุดูนะครับ
อายุกรีดของยางตอนเล็กกับตอนโตต่างกันมากกกกครับ ทีนี้ยาง10ไร่ปลูกแบบ2.5X6 กรีด/เก็บ เพื่อให้ได้น้ำยางเท่ากับ 3-4ใน5ส่วน ของปลูก3X7 ไม่ใช่เรื่องสนุกนะครับ(เหนื่อยทั้งตัวทั้งใจ)
ต้นยางแน่น(จำนวนต้น/ไร่ มาก)หน้ายางแห้งช้ากว่า กรีดได้จำนวนวัน/ปีน้อยกว่า มีโอกาสเป็นรามากกว่า
ฯลฯ

กว่าจะได้ตัวเลข3X7 หรือ3X6ในพื้นที่ดินเลว(ส่วนใหญ่เป็นที่นา) ทั้งนักวิชาการศูนย์ทดลองฯทั้งเกษตรกร ทดลองให้เราแล้วเบ็ดเสร็จครับ
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปพิสูจน์ซ้ำหรอกครับ ชาวบ้านชาวสวน(รวมทั้งสวนผลไม้)ทราบกันดีอยู่แล้ว ที่ยังปลูกๆกันอยู่ก็เพราะดื้อกันทั้งนั้นครับ

คำถามทิ้งไว้ให้คิดครับ...
ถ้าต้องการจำนวนต้น/ไร่มาก ทำไม่ไม่ปลูกให้ถี่กว่านั้นล่ะครับ 2.5X2.5  เพราะไหนๆ ระยะห่างแต่ละต้นก็ห่าง2.5 อยู่แล้ว
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อยากรู้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยครับ ว่าปลูกห่าง 6 เมตร แล้วมันแย่อย่างไรบ้าง? คืออยากรู้เพื่อหาทางแก้ไขครับ  เพราะของผมก็ปลูกสวนใหม่ที่อยู่ไกล้บ้านห่างแค่ 6.5 เมตรเท่านั้น (ส่วนสวนใหม่ที่ตีนเขาก็ปลูกห่าง 7 เมตร)

แสงแดดไม่พอหรือครับ?

แต่ถ้ารากมีพื้นที่หากินไม่พอนี่ผมคิดว่าการใส่ปุ๋ยเพิ่มก็น่าจะช่วยได้นะครับ(?)

วันนี้ผมไปพบกับสวนที่เค้าปลูก 4.5x2.5 m เมตรมาแล้ว ยางสิปสองปีวัดรอบต้นได้สามคืบกว่าๆ ของผมกันเลยละครับ เห็นน้ำยางในถ้วยแล้วไม่ใช่น้อยๆ เลยด้วยเหมือนกัน มากกว่าของผมเยอะเลยละ เรื่องนี้อาจเป็นที่ที่ด้วยไหมครับ? คือสวนนี้ใกล้โรงเรียนลูก ขับรถผ่านมาหลายครั้งก็ให้รู้สึกว่าเค้าปลูกต้นมันติดกันจัง เลยลองไปเดินนับเก้าดู ซะจริงๆ (1 ก้าวของผม 1m +/- 0.05)

ทำให้ซักอยากลอง 4.5 คูณ 2.5 ดูบ้างซักสวนหนึ่งซะแล้ว เพราะที่ไม่ได้ไกลกันนักด้วย สภาพพื้นที่คล้ายๆ กันด้วย ที่ผมอยากจะลองเพราะสวนนี้ก็ใหญ่มากอยู่นะครับ เท่าที่ดูรอบๆ ไม่พบว่ามีต้นที่หักซักต้นเดียว (นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากได้ เพราะการที่ปลูกไปแล้ว 7-8 ปี สวนบางสวนหักกัน 10%-95% คือพันต้นหัก 100 ถึง 950 ต้น ก็เป้นเรื่องที่น่าเสียดาย ซึ่งถ้าปลูกถี่แล้งถึงมันจะให้น้ำยางน้อยไปซักนิด (คิดโดยรวมต่อไร่นะ ผมคิดว่ามากต้นกว่า ก็อาจมีโอกาศได้น้ำยางมากกว่านะครับ แต่ที่แน่ๆ สวนที่ผมไปดูวันนี้ เสียดายไม่พบเจ้าของสวน เค้าได้น้ำยางต่อไร่มากกว่าผมแน่นอนพันเปอร์เซนต์เลยละครับ) สวนนี้ทำให้ผมเป็นงงจริงๆ ?????????? เสียดายที่วันนี้ไม่ได้เอากล้องไป จะถ่ายรูปมาให้ได้ดูกันจะจะจะ!!!!!
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
เอ้า! ทำไม่มันเป็นซะอน่างนี้ ขออภัยตาไม่ค่อยดี มองไม่ชัดแล้วที่แย่คทอไม่ได้อ่านกดเอ็นเตอร์เลย แลเมื่อรีบด้วย

ขอให้อ่านที่ผมคุยกะ อ. โก้ นะครับ ทุกอย่างอยู่ในนี้แหละ และผมก็คิดที่จะปลูกอีกอยู่เหมือนกัน และมีความคิดแวกแนวอีกแระ...คือผมจะปลูกให้ช่องว่างระหว่างต้นเท่าๆ กัน คือ 4x4 หรือ 4.5x4.5 เมตร เพราะผมดูต้นยางที่หักแล้วพบว่า สวนที่ปวกตามแนวลมจะไม่หักเลยซักต้น ต้นที่ขวางลมจะหักกันเยอะ ทีนี้ปัญหาคือ ลมที่พัดแรงๆ นั้นมันมีสองทิศละซิ ประมาณตั้งฉากกันด้วย ดังนั้นต้นที่ว่าไม่หักในลมพายุมาวันแรก แต่ก็จะไปหักในครั้งที่สองตอนที่ลมเปลี่ยนทิศละครับ อ. โก้ คิดว่าการปลูกแบบสี่เหลี่ยมด้านเท่าจะมีปัญหาอะไรที่เห็นว่าไม่สมควรที่จะทำบ้างไหมครับ?

ถี่เกินไปครับ มากด้วยครับพี่
ระยะห่างระหว่างแถวต่ำสุด6เมตรสำหรับดินเลว 8เมตรสำหรับดินดีจริงๆ แถวห่าง7เมตรกำลังสวย คนแถวบ้านที่ปลูกแถวห่าง6เมตรตอนนี้เปิดกรีดแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดผิด
1เส้น(40เมตร) แถวห่าง7เมตร  ได้5แถว(เหลือด้านเข้าและออกไว้ด้านละ 2.5เมตร)
1เส้น(40เมตร) ระยะห่าง/ต้น3เมตร ได้ 13ต้น/แถว(เหลือไว้ด้านละครึ่งเมตร)
แต่ละร่องระหว่างแถวปลูกได้1ต้น 5แถวมีร่องระหว่างแถว4ร่อง ปลูกระหว่างแถวหัว ระหว่างแถวท้ายได้8ต้น
1ไร่(40X40เมตร)ปลูกระบบ7X3ได้ทั้งหมด73ต้น ปลูกระบบอืนก็คิดแบบนี้ครับ(เหลือเข้า-ออกต่ำสุด2เมตร กันคนนินทา ไปไหนมาไหนละแวกบ้าน(สวน)เดินยืดอกได้เต็มที่)

เรื่องลมไม่มีความรู้ครับ  :D
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ agogo

  • *****
    • กระทู้: 558
    • เพศ:ชาย
ถ้ารอบข้างแปลงปลูกเราปลูกสะเดาช้างไปพร้อมกันจะดีมั๊ยครับ สะเดาช้างโตเร็วมันจะช่วยกั้นลมได้มั๊ยครับ
เดี๋ยวนี้กองทุนฯ อนุญาตให้ปลูกพืชอื่นในสวนยางได้แล้ว(สำหรับสวนที่ขอทุนฯ)
ถ้าปลูกพร้อมกัน ต้องปลูกสะเดาช้าง(ทางนี้เรียกต้นเทียม)รอบๆแปลง ให้ห่างหน่อยครับ 2แถวยาง/เทียม 1ต้นครับ
ถ้าอยากปลูกเยอะ2-3ปีแล้วค่อยปลูกต้นเทียมตามหลังต้นยางครับ ต้นเทียมสู้ร่มต้นยางได้ ต้นยางสู้ร่มต้นเทียมไม่ได้ครับ

ยางที่อายุ5ปี หรือเปิดกรีดแล้ว ปลูกระหว่างแถวก็ได้ แต่ต้องห่างนิดนึง อย่างน้อย5ต้นยาง/เทียม1ต้น

15-20ปี โค่นต้นเทียมรับตังค์ได้แล้วครับ เชียร์ครับ
ข้อมูลส่วนตัว
http://www.htg2.net/index.php?topic=27192.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ที่ต้องวางผนังห้องเก็บของนี้เฉียง ก็เพราะความจำเป็นครับ เพื่อพื้นที่รอบๆ  โถซักโคกดูกว้างขวางขึ้น ถ้าทำเป็นห้องสี่เหลี่ยม ถ้าคนนั่งกางขากว้างๆ มันจะเกือบๆ ติดหัวเข่า ถ้าคนนั่งขายาวมากๆๆๆ พี่ก็เลยไม่เน้นความกว้างของห้องเก็บของนี้ ขอแค่เป็นที่รองรับอ่างและดูดีก็พอใจแล้วละครับ (ด้วยความจำเป็นเพราะห้องน้ำมันเล็กด้วย)

อ่างแก้วต้องวางก้นมันติดผิวกระเบื้องถูกต้องครับ ใช้แบบนี้ก็ดีอีกอย่างคือถ้าเราก้มแถวนี้ (เผื่อหาของที่ทำล่วง) เมื่อเงยขึ้นมาจะไปโดนขอบพื้นห้องนี้แล้วหัวแตก (ถ้าทำเป็นพื้นยื่นออกมา) เพราะอ่างที่เป็นแก้วมีส่วนที่เลยออกมา (ที่ขอบอ่างต้องเลยออกมาก็เผื่อไม่ให้เราต้องโค้งตัว ตามที่คุณสันติแนะนำมา) มันจะโค้งเป็นระฆังหงายขึ้น

แกนนิสโต้ 80x80 ต้องหาซะแล้วละครับ (เพิ่งรู้ว่ามีไซซ์นี้นะเนี่ย ทำไม? คุณสันติรู้เรื่องอุปกรณ์ทำบ้านเยอะจัง ปรึกษาไม่ผิดเวปเลยเรา) เดือนหน้าจะกลับบ้านอยุธยา อาจไปเดินหาแถวๆ หินกองครับ

ท่อระบายอยู่ตรงมุมล่างของท้ายอ่างอาบกับกำแพงครับ ใช้ท่อเดียวกัน พึ่งนึกได้ตอนหลังว่า เวลาล้างหน้า น้ำจากส่วนนี้จะไหลขึ้นสะดืออ่างอาบหรือเปล่า? แต่น่าจะแก้ปัญหาโดยปิดสะดืออ่างตอนไม่ใช้ตลอดเวลา หวังว่ามันคงไม่มีแรงดันไปยกที่ปิดขึ้นมานะ เพราะตรงสะดืออ่างล้างหน้าก็มีรูกันเศษผงทำให้น้ำไหลลงไม่แรงนัก  คงต้องลุ้นกันอีกที่ตอนใช้งานละครับ การคิดทำอะไรเอง ไม่ดีตรงนี้แหละ มันมีบางอย่างที่เราไม่คาดคิด ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันตลอดเวลาครับ ดูเหมือนมันง่ายๆ แต่ทุกอย่างมีปัญหาซ่อนเร้นที่เราคาดไม่ถึงเยอะครับ (ไม่อยากปวดหัวจ้างมืออาชีพทำดีกว่าครับ) แต่ผมได้คำแนะนำดีๆ แบบที่ผมไม่คาดคิดและไม่ทราบมาก่อน จากคุณสันติและเพื่อนๆ ในนี้เยอะครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra