
สวัสดียามบ่ายอีกครับนะครับ พอดีผมเพิ่งจะตื่นนอนเนื่องจากเมื่อคืน ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวเรื่องระบบไฟฟ้าภายในบ้าน กับคุณพ่อของผมอยู่นานสองนานเลยทีเดียว ทำให้ผมได้ใกล้ชิดท่านมากขึ้นกว่าทุกที โดยปกติต้องขอบอกว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง เลยทำให้เมื่อโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้มีโอกาศพูดคุยกับ คุณพ่อคุณแม่มากเท่าไหร่ครับ รู้สึกว่าเสียดายเวลาครับที่ไม่ได้ใกล้ชิดท่านเท่าที่ควร เอาเป็นว่าผมจะมากล่าวถึงสิ่งใกล้ตัวที่บางครั้ง เรามองข้ามไปในระบบไฟฟ้าภายในบ้านเลยละกันครับ
เนื่องจากบางท่านอาจได้รับคำแนะนำว่าใช้สายไฟฟ้าขนาดใหญ่ ต่อเข้าห้องนี้เลยดีกว่าครับทำให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ดี อันนี้ผมไม่เถียงว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี แต่จะดีจริงอย่างที่ว่ารึปล่าวลองมาพิสูจน์กัน
1. เริ่มจากระบบไฟฟ้าและหม้อแปลงที่ขอไว้กับทางการไฟฟ้า ก่อนเลยดีกว่าครับว่าที่เราขอไปนั้นมีขนาดเท่าไหร่ ซึ่งระบบไฟฟ้าปัจจุบันของทางไฟฟ้านั้นจะมีสองระบบดังนี้
1.1 ระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
1.2 ระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส
ระบบไฟฟ้าของระบบทั้ง 2 ทางด้านบนนั้นแตกต่างกันอย่างไรครับผมก็คือ ภาระการสามารถรับโหลดของการใช้กระแสไฟฟ้าภายในบ้าน เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าของเราไงหล่ะครับผม แต่ถ้าหากถามต่อว่าแล้วระบบไฟฟ้าอย่างไหนนั้นดีกว่ากันหล่ะ อันนี้ถ้าเป็นคำแนะนำส่วนตัวของผมนะครับ ก็เป็นแบบ 3 เฟสครับ เนื่องจากระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส นั้นสามารถให้เราสามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่มากกว่่าไงครับ และเมื่อเราใช้กระแสไฟฟ้าแบบโหลดมากๆ กระแสไฟฟ้าก็จะทำการกระจายภาระของการกินแสไปยัง สายไฟฟ้าต้นทางทั้งสามเส้นเท่าๆกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ว่าการกระจายภาระของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน ของช่างไฟฟ้าที่ได้เดินระบบไฟฟ้าตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยนะครับ (Balance electric phase) หากครั้งแรกช่างไฟฟ้านั้นทำการกระจายภาระโหลดไม่ดี ก็จะทำให้การกินกระแสไฟฟ้าของสายไฟฟ้า นั้นรับภาระโหลดไม่เท่ากันไปด้วย แต่บางครั้งการใช้ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ก็ไม่มีความจำเป็นหากบ้านเรานั้นไม่ได้ใช้กระแสไฟฟ้ามากเท่าไหร่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านเสียเปล่าๆครับ ก่อนจะทำต้องตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าปัจจุบันเราใช้ กระแสไฟฟ้าเท่าไหร่และในอนาคตเราจะใช้อีกเท่าไหร่ และอีกสิ่งหนึ่งที่เกือบลืมไป ของข้อดีระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่ผมเกือบลืมไปคือ กรณีที่การไฟฟ้าส่งไฟฟ้าไม่ครบเฟสมา เช่นไฟฟ้าดับ หรือหม้อแปลงมีปัญหาด้านการจ่ายกระแสไฟฟ้า หรือแรงดันไฟฟ้า เราก็อาจสามารถเปิดไฟฟ้าใช้ได้บางจุดภายในบ้านด้วยนะครับ (แต่โดยปกติทางการไฟฟ้านั้นไม่ค่อยชอบเสียหน้าครับ คือถ้ามีปัญหาก็มีให้มันครบทั้งสามเฟสไปเลยละกัน

)
2. สายไฟฟ้าที่ต่อจากหม้อแปลงทางหน้าบ้าน นั้นเมื่อลากเข้ามาในตัวบ้านนั้นมีขนาดเท่าไหร่ครับ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยทีเดียวนะครับ ขนาดของสายไฟฟ้าที่ลากเข้ามานั้นก็มาจากการคำนวณทางข้างต้น ที่ผมได้เคยกล่าวไปแล้วว่าใช้ขนาดเท่าไหร่จึงเหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงวิธีการลากสายเมนไฟฟ้ามาจากหม้อแปลงไฟฟ้าด้วยนะครับ ที่ผมเกือบลืมไปว่าอันนี้ก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้สายไฟฟ้า นั้นมีขนาดเล็กหรือใหญ่ด้วยอีกเหมือนกัน ซึ่งจะขึ้นกับความเหมาะสมภายในบ้านของเรา เช่น
2.1 หากบ้านเราเป็นบ้านเดี่ยวการลากสายเข้าไป เราก็จะใช้วิธีการฝังดินเพื่อความสวยงาม คงไม่มีใครเดินสายไฟฟ้าแบบลอยเข้าไปภายในบ้านนะครับ จริงๆแล้วทำได้แต่ไม่สวยงาม การเดินสายไฟฟ้าแบบฝังดินนั้นก็ จะยิ่งทำให้การใช้สายไฟฟ้านั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนที่เกิดขึ้นหลังจากภายในบ้านนั้นมีการใช้กระแสไฟฟ้า
2.2 หากบ้านเราเป็นบ้านทาวเฮาส์ ซึ่งโดยปกติก็จะติดกับเสาไฟฟ้าหน้าบ้านซะเป็นส่วนใหญ่ ก็สามารถเดินสายลอยโดยผ่านลูกถ้วยออกไปสู่หม้อแปลงไฟฟ้าได้เลย อันนี้ก็จะทำให้เราใช้ขนาดของสายไฟฟ้าได้เล็กลง เนื่องจากเมื่อสายไฟฟ้าได้รับภาระ จากการใช้กระแสไฟฟ้าความร้อนที่เกิดขึ้นภายในสายไฟ สามารถระบายความร้อนไปสู่อากาศได้โดยทันที จึงนำมาสู่การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไงหล่ะครับ
จากการอธิบายพื้นฐานข้างต้นก็นำมาสู่เรื่องที่ผม อยากจะกล่าวถึงต่อไปอีกนะครับว่า สายไฟฟ้า, ระบบไฟฟ้า และโหลดของหม้อแปลงที่ทนได้ของบ้านเรานั้นมีขนาดเท่าใด สมมติว่าหากสายไฟฟ้าเข้ามาเพียงเส้นเดียวเป็นขนาด 10 sqm แต่ช่างไฟฟ้าบอกว่าพี่เดินสายไฟฟ้าเข้า ห้องเอาขนาด 10 sqm ไปเลยจะได้ทนโหลดมากๆเครื่องจะได้ไม่โหลด ผมว่าก็คงไม่สมเหตุสมผลเนื่องจากไฟฟ้าทั้งบ้านที่ใช้กระแส ยังแค่ 10 sqm แล้วจะจ่ายเข้าห้องเีดียว 10 sqm



??
หลังจากที่ผมลองมาดูสายเมนที่ลากเข้าบ้านมาเมื่อลองคำนวณดู บ้านผมเป็นระบบไฟ้้ฟ้าสามเฟส และหม้อแปลงโหลด 45 A และสายเมนที่พ่อผมเดินมา มีขนาด 25 sqm X 3 เส้นและเป็นแบบฝังดิน การเดินท่อแบบอโลหะ
โอ้แม่เจ้าบ้านผมก็เพื่อเกินไปด้วยเหมือนกันนี่หน่า

แต่พ่อผมบอกว่าที่ใช้สายใหญ่ไปเลยเพราะว่าเพื่อในอนาคต มีหลานอีกหลายคนแต่ปัจจุบันยังไม่มีวี่แววเลยครับ
อันนี้ก็เพียงแค่ยกมาให้ดูนะครับว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ และความต้องการของเราตั้งแต่แรกว่าต้องการอะไร ก็ให้ทำการวางสายขนาดที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก็แค่นั้นครับผม ส่วนครั้งหน้ากระทู้ที่ผมจะเขียนคงต้องขอเลือกก่อน นะครับว่าอะไรที่เป็นความรู้ที่หน้าสนใจซึ่ง เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าภายในบ้านของเราครับผม หากสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ตั้งกระทู้เข้ามาถามกันได้เลยนะครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแก้ปัญหาที่มีให้กระจ่างครับ
