หัวข้อ: เส้นทางสายไหม - The chinese silk road

[Mr. Tube]

มีอีกเรื่องที่ต้องเล่าให้ฟังครับ คือตอนซื้อตั๋วเครื่องบินของเพื่อนบางคน ผมใช้เลขพาสปอร์ตเดิม ที่จะหมดอายุก่อนวันเดินทางจอง เพราะคิดว่าจะเหมือนแอร์เอเซียที่เค้ายึดเล่มที่ใช้เดินทางเป็นหลัก ปรากฏว่า ตอนเช็คอินจริงเลขที่ไม่ตรงกับตอนจองตั๋ว เป็นเรื่องใหญ่มากครับ Ground จะไม่เช็คให้ เค้าบอกแต่ว่าเลขไม่ตรง อธิบายอยู่นานกว่าจะเข้าใจกันว่าเมืองไทยใช้เลขใหม่ คุณต้องเอาพาสปอร์ตเล่มที่จองตั๋วไปยืนยันเท่านั้น เลขที่อ้างอิงเล่มเดิมในหน้าแรกของเล่มใหม่ไม่เพียงพอนะครับ (ดีที่ผมเก็บเล่มเดิมไว้ในมือถือครบทุกคน) ตำรวจจะพาคุณไป Airport Security เพื่อทำเอกสาร ทางสายการบินจึงจะยอมเช็คอินให้ครับ เจอแบบนี้ไป 5 รอบ จนรอบหลังๆ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเลขพาสปอร์ตไม่ตรงไปเลย ใครซื้อตั๋วด้วยเลขเก่า ก่อนบินให้ update เลขใหม่กับ web สายการบินเสมอนะครับ ถ้าไม่อยากเชี่ยวชาญแบบผม

[Mr. Tube]

แนะนำการจองตั๋วรถไฟในจีน
www.chinatrainguide.com ใช้ค้นหารถไฟได้ทั่วประเทศ ทั้งปกติและไฮสปีด ราคาปกติ +ค่าบริการใบละ 5usd ถ้าจองเกิน 10 ใบต่อรองได้เหลือ 2-3usd ครับ ไม่รับคืนตั๋ว Web นี้บวกน้อยสุดแล้วในหมู่ agency ทั้งหลายครับ

www.12306.cn official web การรถไฟจีน มีเพจภาษาอังกฤษ ต้อง register ด้วยพาสปอร์ตถึงจะซื้อตั๋วได้ ราคาปกติไม่บวกใดๆ แต่ account นึงจองได้แค่ 5 ชื่อรวมตัวเอง และซื้อได้รวมแล้วไม่เกิน 20 ใบ สามารถคืนตั๋ว on-line ได้ทริปนี้มี 3 คนไม่ไป Maiji shan ผมคืนตั๋วเสร็จก่อนรถออกแค่ 5 วินาที ถือว่าได้ refund 80% ตามเงื่อนไขก่อนรถออกด้วยครับ

การจองตั๋วต้องใช้ข้อมูลพาสปอร์ตที่จะใช้เดินทางเท่านั้นนะครับ เพราะเราต้องใช้พาสปอร์ตเป็นตั๋ว เราขอให้เค้าเตอร์ออกตั๋วให้ได้แต่ก็ต้องใช้ร่วมกับพาสปอร์ตอยู่ดี

รถไฟจีนซื้อตั๋วได้ 15 วันล่วงหน้า โดยระบบจะปล่อยตั๋วให้ประมาณ 10% อีก 7 วันถัดมาจะปล่อยอีก 30% ที่เหลือจะซื้อได้ 3 วันก่อนเดินทางครับ โดยจะปล่อยตั๋วประมาณ 8-10 โมง (จีน) เช่นนั้นถ้าคุณเห็นว่าตั๋วเต็ม ให้รอเช็คตามวันที่ผมแนะนำ อาจจะมีตั๋วได้ครับ อันนี้แม้แต่ไกด์จีนบางคนยังไม่รู้นะครับ ผมได้จากการจองตั๋วทริปนี้ครับ

Bullet train ไม่ให้เลือกที่นั่งครับ ถ้าคุณจอง 4 คนเค้าจะพยายามจัดติดกันให้ ถ้ามี slot ว่าง แต่ถ้ารถแน่นก็อาจจะได้ที่นั่งแยกกัน หรือแม้แต่คนละตู้เลยก็ได้ ต้องไปขอแลกเอาบนรถครับ ตู้นอนก็เลือกไม่ได้เช่นกัน เลือกได้แค่เตียงบน-กลาง-ล่าง และคุณไม่สามารถเหมาห้องด้วยเลขพาสปอร์ตเดียวกันได้ครับ

[trens]

ขอบคุณครับคุณอาร์ต อ่านสนุก รูปสวย ลงรายละเอียด แบบให้คนตามรอยเที่ยวได้เลย

คนจีนเที่ยวจีนเองมากขึ้นมาก เมื่อเทียบกับก่อนโควิดครับ อย่างเช่นม่อเกาคูนี่ ไกด์คนจีนบอกว่าประมาณ 3 เท่าของก่อนโควิดครับ เพราะช่วงโควิดเค้าเที่ยวกันแต่ในประเทศจนกลายเป็นกระแสครับ ผมประเมินว่าที่รัฐบาลบอกเดี๋ยวจีนก็มา น่าจะฝันหวานครับ

เรื่องนี้ผมเห็นด้วยครับ ที่ผมไป ชานสี มา 21-28ตค. คนจีนเที่ยวกันเองเยอะมาก โดยเฉพาะสถานที่เที่ยวระดับ 5A (AAAAA)

[Diy Project Seeker ©]

ยอดเยี่ยมครับ 

[Mr. Tube]

ผมวางแผนไปเที่ยวเองทั้งหมด ไม่ใช้ทัวร์หรือไกด์ครับ ยกเว้นทิเบตที่เป็นภาคบังคับครับ เป็นคนนำเองเลยจำได้หมดครับ ผมจะเริ่มจากวางเป้าหมายที่อยากไปก่อนแล้วเอามาลำดับในแผนที่ แล้วค่อยดูว่าระหว่างทางมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง แล้วก็หาข้อมูลการเดินทางครับ ทริปแรกๆ นี่ไปตายเอาดาบหน้าเลย ต่อรถมันส์มาก ทริปแรก จางเจี่ยเจี้ย - กุ้ยหลิน ไกด์อาชีพยังงงเลยเอามารวมทริปกันได้ไง ทริปถัดมา ไปจิ่วจ้ายโกวจากซีอาน นี่ก็ไปยังไง..    เดี๋ยวนี้มี bullet train หาเอาจาก web รถไฟได้ครับ www.chinatrainguide.com หรือ official เลยก็ www.12306.cn web แรกมี agent จองตั๋วให้ ส่วน 12306 นี่ซื้อตรงเลย เดี๋ยวให้ข้อมูลไว้เป็นเกร็ดครับ รถบัสจะอยู่ติดสถานีรถไฟเกือบ 100% ถ้าไม่ค่ำมืดก็มีรถบัสแน่ๆ ครับ ข้อมูลรถเมล์หาได้จาก map.baidu.com ก็คือ google map ของจีนครับ ข้อมูลบัสระหว่างเมือง อันนี้หายากและมีเปลี่ยนแปลงทุกปีตามเที่ยวรถไฟเข้า-ออกครับ อันนี้ก็ไปด้นสดเอาครับ พอต่อเส้นทางเสร็จก็ค่อยจองที่พักครับ เน้นใกล้สถานีหรือถ้าเมืองใหญ่ก็ต้องใกล้ metro ครับ ทีนี้เนื่องจากเราไปครั้งแรก เราจะประเมินเวลาในแหล่งท่องเที่ยวไม่ค่อยถูกครับ บางทีก็เวลาเหลือ บางทีก็เที่ยวจนเลยเวลา ก็ต้องเผื่อแผนB ไว้เยอะๆ ครับ เช่น ถ้าพลาดรถไฟเที่ยวนี้ เที่ยวต่อไปเมื่อไหร่ ทำนองนี้ครับ ทริปผมใช้ประจำ เป็นที่สนุกสนานของเพื่อนๆ เสมอ เวลานอกแผนครับ 

[Diy Project Seeker ©]

คุณอาร์ตเล่าเรื่องการเดินทางได้สนุกมากครับ อ่านไปนึกภาพจินตนาการตาม เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ เวลาไปเที่ยวนี่ทำการจดตลอด หรือว่าทุกอย่างจำได้อยู่ในสมองครับ สุดยอดจริงๆ


ก่อนเดินทางทำการบ้านว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนหมดเลยมั๊ยครับ มีใช้ local guide มั๊ยครับ

[Mr. Tube]

23 Oct
พวกเราบินจาก Lanzhou ไปต่อเครื่องที่ Nanjing กลับกรุงเทพครับ มีเวลา Transit 8 ชั่วโมง บางคนนอนเล่นอยู่สนามบิน ส่วนผมกับทีมเล็กๆ นั่ง Metro เข้าไปเดินเล่นแถววัดขงจื๊อ Fuzimiao ครับ ดูพลุกพล่านกว่าที่ผมเคยมาเมื่อปี 17 ครับ และเพิ่งได้เจอคนไทยคนแรกตั้งแต่ออกเดินทางมาด้วยครับ ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของผมตลอดทริปคือ คนจีนเที่ยวจีนเองมากขึ้นมาก เมื่อเทียบกับก่อนโควิดครับ อย่างเช่นม่อเกาคูนี่ ไกด์คนจีนบอกว่าประมาณ 3 เท่าของก่อนโควิดครับ เพราะช่วงโควิดเค้าเที่ยวกันแต่ในประเทศจนกลายเป็นกระแสครับ ผมประเมินว่าที่รัฐบาลบอกเดี๋ยวจีนก็มา น่าจะฝันหวานครับ ผมไม่ได้เข้าวัดขงจื๊อนะครับ เคยมาเมื่อปี 17 ตอนทริปหวงซานแล้ว รอบนี้หาอาหารเย็นกิน ซื้อของฝากพรรคพวกแล้วก็กลับไปขึ้นเครื่องครับ พบกันใหม่ Trip หน้า น่าจะเป็นเที่ยวรอบซินเจียงครับ เคอเข่อทัวไห่ คานาสือ ไซหลี่มู่หู ทุ่งหญ้านาล่าถี อุทยานปายินปู้หลู่เค่อ เมืองเก่าคาสือ (Kashgar) ครับ ใครชิงตัดหน้าไปก่อน ขอข้อมูลด้วยนะครับ

[Mr. Tube]

- ต้นไม้ 3 สีครับ กดกันไปรวมๆ เป็นร้อยรูปได้

[Mr. Tube]

- ห้องพระอีก Zone หนึ่ง ศิลปะจะแตกต่างกันครับ
- ถ่ายจากชั้นบนสุดออกไป จะเป็นเส้นทางเดินทัพตอนยุทธการเกเต๋งครับ

[Mr. Tube]

22 Oct
Program สุดท้ายแล้วครับ วันนี้ไป Maiji shan Grottoes ม่ายจีซาน เป็นถ้ำพุทธศิลป์แห่งหนึ่งในเมือง Tianshui ครับ นั่ง Bullet Train จาก Lanzhou ไป 1 ชม. นิดๆ ใต้สถานี Tianshui South Station จะเป็นชุมทางรถบัสครับ จะมีสาย 60 วิ่งตรงไป Maiji shan เลย (9:00 - 16:00 และขากลับมาแค่ 17:00, 5Y) แต่เรามาถึงเร็วไป ก็เลยเรียก Taxi ไปกันครับ คันละ 70-80Y ครับ ตอนแรก Taxi จะขอเหมา 150Y ไม่เปิด Meter เราเลยบอกนายท่า เค้าก็มาคุยให้เปิด Meter ครับ สำหรับผู้ที่จะใช้รถบัสนะครับ ถ้าไม่เจอสาย 60 ต้องนั่งรถ 2 ต่อครับ คือขึ้นสาย 9 ไปป้าย 麦积公安分局 แล้วต่อสาย 34 ไป 麦积山 Maiji shan ครับ
จาก Office ซื้อตั๋ว จะต้องขึ้นรถกอล์ฟเข้าไปอีก 5 นาที จึงจะมองเห็น Maiji shan ครับ ใครอยากชมวิวก็เดินได้ ทางขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ป่ากำลังเปลี่ยนสี ก็จะมีสีสันให้ได้ชมบ้าง แม่ค้าบอกว่าเดือนหน้าจะสวยกว่านี้เยอะ
Maiji shan เริ่มต้นสร้างทีหลังม่อเกาคูที่ตุนหวงนิดหน่อยครับ เป็นการเจาะหน้าผาเข้าไปเป็นหลักร้อยห้องเช่นกัน ซึ่งเราชมได้เกือบทุกห้องครับ มีห้องที่ปิดบูรณะนิดหน่อย เห็นเขาสูงๆ แบบนี้ เค้าทำบันไดและเส้นทางไว้ดีมากครับ เดินสบายๆ บันไดชันก็จะเป็นช่วงสั้นๆ คุณแม่ผมถอดใจซะก่อน แต่ขึ้นไปเจอระดับที่คุณแม่ผมเรียกน้าได้เลยเป็นโขยง 555
Maiji shan นี้เป็นเส้นทางที่ขงเบ้งยกทัพผ่านตอนยุทธการเกเต๋ง (街亭, ที่ม้าเจ๊กโดยประหารน่ะครับ) ด้วยครับ
หน้าทางขึ้นเขาจะมีวัดจีน และอีกตึกเป็นหน่วยราชการครับ เราก็นึกว่าวัดและไม่มีป้ายห้ามเข้า เราก็เข้าไปชมด้วยเจอต้นไม้ส้ม-เหลือง-แดง เรียงกันพอดี ก็ถ่ายรูปกันสนุกเลยครับ จนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ต้องออกมาร้องบอก พวกเราก็ขอโทษแล้วรีบออกไปกัน ขากลับมี Taxi จอดรออยู่เยอะแยะครับ แต่เราอยากขึ้นรถเมล์บ้าง ก็ไปรอที่ป้าย ขึ้นสาย 34 มาต่อสาย 9 ซึ่งสาย 9 นี่ประทับใจพวกเรามาก คนขับเป็นหญิง แต่ทำให้พวกเรานึกถึงสาย 8 สะพานพุทธ-แฮปปี้แลนด์ ในตำนานบ้านเรากันทุกคน แป๊ปเดียวถึง Tianshui South Station ละ เราก็ไปต่อแถวซื้อตั๋วกลับ Lanzhou กันครับ หาภัตตาคารกินมื้อใหญ่กันซะหน่อย แล้วกลับไปเก็บของ พรุ่งนี้กลับบ้านแล้วครับ

- Maiji shan มองจากวัดที่ตีนเขา
- ห้องพระห้องหนึ่ง สียังสวยอยู่เลยครับ ขนาดบูรณะครั้งหลังสุด 400 กว่าปีก่อน

[Mr. Tube]

Mirror Lake ที่ Hong shan นี่ เรียกว่าเป็น Hidden Gems ได้เลยครับ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยสนใจมากันเพราะเห็นว่าเป็นแค่สวนสาธารณะ อย่างกลุ่มผม 11 คนยังไปกันแต่ 3 คนเอง นอนที่ห้องดีกว่า ว่างั้น ต้องไปช่วงเช้าๆ นะครับ ที่เห็นในรูปนี่ 8 โมงครึ่งครับ

[trens]

Mirror Lake สวยมากครับ ดูสงบได้บรรยากาศจริงๆ

[Mr. Tube]

วิวจากบนฟ้าครับ กำลังสวยเลยเพราะน้ำแข็งเกาะด้านหนึ่งของเขาอีกด้านไม่มีน้ำแข็งครับ โฆษณาให้ Spring Airlines ไปในตัวครับ

เมืองเล็กๆ ที่เห็นในรูปเราน่าจะผ่านมาตอนขาไปอูรุมฉีครับ ด้านล่างจะเห็นทางรถไฟ ฺBullet Train ครับ อ้าว กลับหัวไปรูปนึง ขออภัยครับ

[Mr. Tube]

21 Oct
วันนี้เรามีนัดกับเที่ยวบิน Urumqi to Lanzhou ตอนบ่าย 3 ครับ ครึ่งวันเช้าเลยเป็น Free Time ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ 11 โมงต้องกลับมา Check Out เพื่อไปสนามบินครับ
ผมออกจากที่พัก 6 โมงเช้าเพื่อจะไป Hong Shan หงซาน ซึ่งเป็นเนินเขาย่อมๆ กลางเมืองที่ถูกทำเป็นสวนสาธารณะ มีเพื่อนไปด้วยแค่ 2 คนครับ ลืมเล่าไปว่าที่เมืองจีนนี่ใช้เวลาเดียวกันทั้งประเทศ อ้างอิงเวลาปักกิ่งนะครับ พระอาทิตย์ขึ้นที่อูรุมฉีจึงช้ากว่าที่ปักกิ่ง 2 ชั่วโมงครับ เวลาทำงานและราชการของอูรุมฉีจึงเป็น 10 โมง เลิกงาน 1 ทุ่มครับ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงกลางวันครับ ห้างที่นี่จะเปิดเที่ยงและปิดเที่ยงคืน ช่วง 2-4 ทุ่มจะเป็น Prime Time ของร้านอาหาร ส่วนรถเมล์จะเริ่มวิ่ง 7 โมงเช้าถึงตี 1 ครับ จึงต้องเรียก Taxi ไปส่งครับ ข้อนี้ผมชอบความฉลาดของจีนครับ ที่เลือกใช้เวลาเดียวกันทั้งประเทศ เนื่องจากงานผมต้อง Conference กับคนที่ US ซึ่งอยู่กันหลายเมืองมากและ Time Zone ต่างกัน เวลานัดต้องมาคิดดีๆ ว่า 2 ทุ่มหรือ 3 ทุ่มบ้านเราหว่า บางทีคนทาง US ก็พลาดเองเหมือนกัน แต่ที่จีนจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลยไม่ว่าจะอยู่เมืองไหนก็นาฬิกาเดียวกัน แค่พระอาทิตย์อยู่คนละมุมเท่านั้นเอง
หงซานมีทางเข้าหลายทาง ด้านหน้าจะเป็นบันไดขึ้นเขา แต่ด้านตะวันออกจะเป็นทางเดินขึ้นเนิน ซึ่ง Taxi มาส่งเราด้านนี้ครับ เวลานี้เริ่มมีคนมาออกกำลังกายแล้วแต่สวนยังไม่เปิดไฟนะครับ ก็คลำทางไปเรื่อยๆ จนถึงวัดบนยอดเขาหงซานครับ ด้านตะวันตกของหงซานจะเป็นหน้าผาและมีเจดีย์อยู่ เราสามารถไปชมวิวเมืองมุมสูงได้ครับ ผมกลับมารอมุมที่พระอาทิตย์จะขึ้นพ้นเขาเทียนซานครับ ฝั่งตะวันออกของหงซานจะเป็นสวนสนุกด้วย มีชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน บ้านผีจีน ทำนองนี้ครับ จากวัดบนยอดเขาจะมีบันไดลงไปเชิงเขาทางใต้ หลังชมพระอาทิตย์เราก็ลงทางบันไดครับ ที่เชิงเขาจะเป็นสวนจีนครับ น้ำในสระนิ่งมากเป็น Mirror Lake เลยครับ เป็นของแถมที่คิดไม่ถึงครับ เนื่องจากเวลายังเหลือ ผมเลยไปเที่ยวต้าปาจาอีกรอบ 9 โมงกว่าแล้วแต่ร้านค้ายังไม่เปิดเลยครับ ก็เสร็จพวกเราถ่ายรูปตามสบายเลย แล้วค่อยกลับไปรวมทีมเพื่อไปสนามบินครับ Metro สาย 1 วิ่งเป็น Airport Rail Link ระหว่างสนามบินกับเมือง Urumqi นะครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงสนามบินจากต้าปาจา ก็ถือว่าไป-มาสะดวกมากครับ
ระหว่างบินไปหลานโจวก็มีของแถมอีกครับ เป็นวิวเทือกเขาหิมะในเส้นทางบินครับ พอถึงหลานโจว รอบนี้เราได้ขึ้นรถไฟเข้าเมืองละ แล้วก็ต่อ Metro ไปที่พักอีก 2 สถานีครับ พรุ่งนี้จะไปเที่ยว Maiji shan Grottoes ที่เมืองเทียนสุ่ย กันครับ

- พระอาทิตย์ขึ้นหลังเขาเทียนซาน
- Mirror Lake
- Mirror Lake อีกมุมหนึ่ง

[trens]

วิวสวย บรรยายดี เหมือนได้ไปด้วย ขอบคุณครับ

[ออดิโอแมน]

วิว ทิวทัศนบรรยากาศ ไม่มีในบ้านเรา

[Mr. Tube]

ใช้ภาษาจีนกลางได้ทั่วไปครับ คนอุยกูร์ด้วยกันก็จะพูดภาษาเค้าบ้างครับ แต่พูดจีนกลางได้ทุกคนครับ


ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะชวนอาบทุกวันเองครับ 

[Diy Project Seeker ©]

ป้าย Grand Bazaar ที่ติดอยู่เป็นภาษาจีนก็เขียนว่ามันคือมัสยิตนะครับ


คนที่นั่นเขาพูดภาษาจีนกลางกันมั๊ยครับ


สาวสวยจริง แต่เคยได้ยินว่าคนเหนือปีนึงอาบน้ำไม่กี่ครั้งนะครับ อยู่ไกล้ๆ ได้กลิ่นตัวมั๊ยครับ 

[Mr. Tube]

- นึกว่า ดารา รับจ๊อบมาขายไอติม เทียบกับสาวๆ ที่นี่ น้องคนนี้แค่ พื้นๆ ครับ เค้าสวยกันทั้งเมือง 

[Mr. Tube]

- กำลังรุมแพะย่างกัน ที่เห็นแขวนไว้หลังคนขายนั่น เมื่อ 10 นาทีก่อนยังเดินไปมาอยู่เลย 

- Grand Bazaar ครับ จะตะแคงดูยังไงก็มัสยิดแหง๋ๆ เข้าไปดันเป็นตลาด 555
- ชาวพื้นเมืองจับกลุ่มเล่นดนตรีกัน สนุกมาก อยากอยู่ฟังจนร้านปิด เพื่อนผมบันทึกไว้หลายเพลง เดี๋ยวไปขอมาให้ฟังครับ

[Mr. Tube]

- หุบเขา Xibaiyanggou
- ทุ่งหญ้าและ ป่าไป๋หยาง
- มองเห็นหมู่บ้านคาซักไกลๆ

[Mr. Tube]

20 Oct
วันนี้พาไปเที่ยว Nanshan Pasture ทุ่งหญ้าหนานซาน ครับ ช่วงนี้จะมีรถบัสไปแค่วันละเที่ยว 10 โมงเช้าครับ พวกเราไปถึงสถานี 8.40 แต่ตั๋วเหลือแค่ 5 ใบครับ ถ้าเป็นช่วง High ของ Nanshan เดือน 6-9 จะมีรถเยอะกว่านี้ครับ ส่วนรถขากลับมีคันเดียวตอน 5 โมงเย็นครับ ถ้าช่วง High ก็มีเรื่อยๆ ถึง 6 โมงเย็น คนขายตั๋วแนะนำให้ลองถามคนที่มีสายสะพายดู คือ คนกลุ่มนี้เป็นคนของหน่วยงานท่องเที่ยว มาค่อยแนะนำนักท่องเที่ยวที่สถานีรถบัสครับ ที่สุดก็ได้รถตู้มาคันนึง เหมา 1,400Y ไปส่งและรอรับกลับครับ คนขับบอกจะอยู่ถึงกี่โมงก็ได้ ถ้าไม่นอกเส้นทาง เจ้านายไม่ได้สั่งเวลากลับไว้ เออ อันนี้เข้าท่าดีครับ
Nanshan จะอยู่ในเขต Urumqi County ครํบ ซึ่งอยู่ทางใต้จาก Urumqi City ไปราว 60km ครับ Urumqi County จะอยู่ทางเหนือของเชิงเขาเทียนซานตะวันตก พื้นที่จะเป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าต้นไป๋หยาง หรือ White Poplar ครับ คนพื้นที่นี้แต่โบราณจะเป็นชนเผ่าเร่ร่อนครับ คือต้อนสัตว์เลี้ยงไปหาทุ่งหญ้า พอหญ้าหมดก็จะต้อนไปทุ่งถัดไป วนไปเรื่อยๆ ครับ Urumqi County ก็คือพื้นที่เดิมของชนเผ่าเร่ร่อนครับ ส่วน Urumqi City นั้น เพิ่งจะตั้งเป็นเมืองถาวรราว 400 ปีนี้เอง ตอนนี้ Urumqi County จะมี 2 แหล่งท่องเที่ยวครับ คือ Nanshan กับ Tianshan Grand Canyon หรือ Tainshan Daxiagu เทียนซานต้าเสียกู่ ในภาษาจีนครับ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ พวก Facility ต่างๆ เพิ่งจะสร้างเสร็จช่วงโควิดนี่เอง จึงยังไม่มีข้อมูลท่องเที่ยวเลยนอกจากภาษาจีนครับ รอบนี้เราจะข้าม Grand Canyon ไปก่อน ไว้กลับมาเก็บทริปหน้าครับ
ตั้งแต่ช่วงเดือน 6 ชาวบ้านก็จะย้ายกระโจมมาบริเวณนี้ มีทั้งเป็นที่พักและร้านอาหารครับ เดือน 7-8 จะมีกิจกรรมตลอดทั้งเดือน แข่งขี่ม้า ต้อนแพะ งานเต้นรำ แคมป์รอบกองไฟ เป็นต้น แล้วแต่สัปดาห์ครับ ต้องดูปฏิทินใน Web จีนเป็นปีๆ ไปครับ พวกเราไปปลายเดือน 10 ไม่ค่อยมีคนแล้ว ทุ่งหญ้าแห้งเหลืองแล้ว แต่ Poplar ยังเขียวอยู่ ถ้ามาซักกลางเดือน 11 น่าจะเหลืองสวยทั้งป่าครับ
ถัดจากออฟฟิศขายตั๋วเข้าไป 2km จะเป็นหมู่บ้านกระโจมครับ มีร้านอาหาร, ที่พัก และลานกิจกรรม ถัดขึ้นไปจะเป็นโตรกครับ มีรถไฟฟ้าบริการ หรือจะเดินชมวิวไปก็ได้ หรือจะใช้บริการขี่ม้าก็ได้ 200Y ครับ สุดทางที่น้ำตกครับ สามารถเดินขึ้นเขาเพื่อข้ามไปทุ่งดอกไม้ในอีกหุบหนึ่งได้ แต่ช่วงเดือน 10 เค้าปิดทางแล้วครับ พวกเราก็เลยกลับลงมาที่หมู่บ้าน หาแพะย่างกินดีกว่า ก็เลยเพิ่งรู้ครับว่า แพะสดๆ ไม่มีกลิ่นสาปเลย แทบไม่ต้องใช้เครื่องเทศช่วยครับ (หรือจะเป็นเพราะอาหารแพะก็ไม่แน่ใจครับ) ที่นี่เค้าจูงเข้าไปเชือดหลังกระโจมเห็นๆ ครับ สดทุกคำ เหมือนซื้อเนื้อสดอีสานบ้านเรายังงั้นเลย
บ้านกระโจมชาวคาซัก Kazakh Yurt นี่ ใหญ่กว่าที่คิดครับ ข้างในจัดโต๊ะจีนได้ 4-5 โต๊ะทีเดียว ตอนที่วางแผนผมคิดว่าจะไปนอนกระโจมซักคืนที่ Tianchi ครับ แต่ตอนนี้เค้าไม่ให้ชาวต่างชาติพักแล้ว เพราะมาพักแล้วชอบเอาไปนินทาว่าที่พักสกปรกบ้าง ไม่ได้มาตรฐานบ้าง ขาจรชอบ Local อย่างผมเลยอดไปด้วย คุยกับเจ้าของร้านอาหารเค้าก็ว่านอนได้ครับ ถ้าจะนอนคืนนี้เค้ายกให้นอนฟรีทั้งกระโจมเลย 555 ไว้ทริปหน้าว่ากันใหม่
เนื่องจากไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนัก ถ่ายรูปจนพอแล้วพวกเราก็กลับเมืองครับ ไปเที่ยว Grand Bazaar Dabazha ต้าปาจา ดีกว่า ที่นี่เป็นตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวครับ มีกิจกรรมเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ขบวนนักเต้นสาวๆ เดี๋ยวก็แสดงดนตรีชนเผ่าครับ อาคารหลักดูเหมือนจะเป็นมัสยิดมาก่อนครับ ก็พอเข้าใจได้ที่เค้าว่าคนอุยกูร์ถูกข่มเหงครับ ถ้าในมุมมัสยิดถูกยึดไปทำศูนย์การค้า เป็นคนไทยคงจะโวยไปถึง UN แล้ว แต่ผมก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติของคอมมิวนิสต์นะครับ แต่ที่ดูจากการใช้ชีวิตของคนปกติ ก็ไม่รู้สึกว่าคนไม่เท่ากันนะครับ สื่อตะวันตกน่าจะเต้าข่าวขึ้นมาเองครับ เท่าที่ผมเข้าเขตซินเจียงมา 3-4 วัน มุสลิมเค้าก็ใช้ชีวิตในเมืองปกติ เด็กมุสลิมกับจีนฮั่นก็ไปโรงเรียนด้วยกัน คนทั่วไปก็มีอิสระในการประกอบอาชีพเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจีนฮั่นค้าขายอุยกูร์ใช้แรงงาน ในตลาดต้าปาจาก็มีร้านคละกันไปมุสลิม-จีนฮั่น ผมไม่เห็นการใช้สิทธิ์พลเมืองที่ต่างกันเลยครับ ที่ต่างจากเมืองไทยคือ มัสยิดเค้าไม่ออกอากาศครับ กลายเป็นผมที่ถูกถามกลับว่า ที่เมืองไทยละหมาดออกลำโพงด้วยเหรอ แล้วไม่รบกวนคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่มุสลิมเหรอ เออ นั่นสินะ
พวกเราออกจากต้าปาจาตอนค่ำ วันนี้ผมเล็งหม้อไฟบุพเฟ่ต์ไว้ครับ หัวละ 70Y พนักงานแวะเดินมาดูทั้งร้าน เค้าบอกไม่เคยเห็นคนไทยครับ 555 ขากลับแวะซื้อเบียร์ Local กับแพะย่างอีกหลายไม้ พรุ่งนี้ต้องไปจากซินเจียงแล้ว แต่จะกลับมาอีกแน่นอน

- แผนที่ Urumqi County
- น้ำตก Shenbulak อยู่สุดถนนครับ
- น้ำตกอีกรูป

[trens]

เทียนซาน เทียนฉือ สวยน่าประทับใจครับ
ขอบคุรที่มีรีวิวดีๆ เหมือนได้ไปด้วยเลย

[Diy Project Seeker ©]

ได้อ่านทริปแล้วรู้สึกสนุกตามเลยครับ พรุ่งนี้ไปต่อที่ไหนครับ 

[Mr. Tube]

- สถานีรถบัส Urumqi (ซ้าย) ข้างๆ สถานีรถไฟ Urumqi (ขวา) ครับ


แต่เดิมเมืองจีนก็มีรถไฟวิ่งทั่วประเทศอยู่แล้ว เมืองหลักๆ ในทุกภูมิภาคล้วนแต่มีสถานีรถไฟครับ ทีนี้พอถึงยุค Bullet Train การจะเข้าไปใช้สถานีเดิมก็ทำได้ยาก เพราะโดนชุมชนล้อมไปเรียบร้อยแล้ว จะทุบทำใหม่ แล้วรถไฟปกติจะไปจอดที่ไหน ก็มักจะสร้างเป็นสถานีที่ 2 ของเมืองนั้น โดยจะเรียกตามทิศที่สถานีนั้นอยู่ เช่น Xian จะมีสถานีเดิมคือ Xian Station และมี Xian North Station เป็นสถานีรถไฟความเร็วสูงครับ บางเมืองที่สภาพเอื้อให้ Bullet Train เข้าถึงสถานีเดิมได้และมีพื้นที่ให้ต่อเดิม ก็จะมี Bullet Train เข้าครับ เช่น Urumqi South Station คือสถานี Bullet Train แต่ที่ Urumqi Station ก็มี Bullet Train จอดเป็นบางขบวนเช่นกัน และโดยทั่วไป สถานีรถบัสก็จะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟครับ ซึ่งเป็นไอเดียที่ถูกต้องแล้ว มีแต่เมืองไทยนี่แหล่ะ ที่พยายามจะย้ายหมอชิตให้ห่างออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ 

[Mr. Tube]

- ทางเดินขึ้นยอดเขา Maya
- แต่เวลาเราไม่พอแล้ว ขึ้นไปได้แค่มองเห็นยอดเขา Bogda 5,445 เมตร สูดที่สุดในเทียนซานฝั่งตะวันออก แล้วก็รีบลงครับ รอบๆ เป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว
- รูปสุดท้่ายก่อนจาก คนเหลือน้อยมากแล้ว

[Mr. Tube]

- Panorama View จากจุดขึ้นกระเช้าไปยอดเขา Maya ครับ
- วิว Tianchi มองจากเขา Maya

[Mr. Tube]

- วิวแรกที่เห็น หลังจากเดินพ้นเนินขึ้นมา
- Panorama บ้าง
- วิวจากบนเขา

[Mr. Tube]

19 Oct
วันนี้เราจะไปเที่ยว ทะเลสาบสวรรค์บนเขาเทียนซาน กันครับ Tianshan Tianchi เทียนซาน เทียนฉือ ตามข้อมูลที่หาได้คือ มีรถออกจาก Nanjiao (สายใต้) และ Beijiao (สายเหนือ) ชั่วโมงละคัน ประมาณ 1 ชม. ไปลงที่เมือง Fukang แล้วต่อรถบัสจาก Fukang ไป Tianchi พอไปถึง Nanjiao ก็พบว่า เค้าปิดสถานีไปแล้วครับ ช่วงโควิดเค้าย้ายทั้ง Nanjiao และ Beijiao ไปรวมกันที่ Urumqi Train Station พวกเราก็เลยลง Metro ไปใกล้ๆ สถานีรถไฟที่สุด แล้วค่อยต่อ Taxi ละกัน เพื่อเลี่ยงรถติดช่วงเช้า และสถานี Urumqi ก็กว้างมาก กว่าจะคลำเจอสถานีรถบัส ได้ซื้อตั๋ว ก็ได้รถเที่ยว 11 โมงครึ่งครับ ไปถึง Fukang คนขับก็ไปจอดให้หน้ารถไป Tianchi เลย นั่งอีก 15 นาทีก็ถึง Park Office ครับ ทีนี้สำหรับที่นี่ เราต้องเอา Passport ไปลงทะเบียนกับตำรวจก่อน ซึ่งป้อมจะอยู่หน้า Security Check สำหรับเข้า Park นั่นแหล่ะครับ จะได้กระดาษใบเล็กๆ มา ประมาณว่าอนุญาตให้ขายตั๋วให้ได้ ไม่งั้น Security Check จะไม่ให้เราผ่านเข้าไป ถ้าไม่แสดงกระดาษใบนี้ครับ สื่อสารกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจว่าต้องทำอะไรบ้างครับ พอซื้อตั๋วผ่านประตูเข้าไปให้ ผมก็ให้ทีมซื้อมาม่ากระป๋องกินเป็นข้าวเที่ยงเลยครับ เพราะเสียเวลาเที่ยวไปเยอะแล้ว เสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสของ Park ไปอีก 20 นาทีได้ ก็จะมีสถานีรถกอล์ฟให้ขึ้นต่อไป Tianchi 10Y ครับ ใครไม่ขึ้นก็ได้ เพราะเดินแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว วิวที่เห็นตอนนี้นี่ Stunning ไปเลยครับ มันสวยกว่าที่คิดมาก สวยกว่าทุกรูปที่เคยเห็น ต้องเอาตัวไปอยู่ตรงนั้นถึงจะเข้าใจครับ ด้วยที่เราเสียเวลาไปราว 3 ชม. ก็ต้องเลือกว่าจะขึ้นเขาหรือจะลงน้ำดี คงได้แค่ทางเดียว ซึ่งทุกคนเลือกขึ้นเขาครับ ก็ไปซื้อตั๋วรถ+กระเช้า 220Y ครับ (ล่องเรือประมาณ 120Y ครับ) ข้างบนก็สวยครับ แทบจะเอื้อมมือคว้ายอด Bogda ซึ่งเป็นยอดสูงสุดของเทียนซานตะวันออก ได้เลย ใกล้มาก พอ 5 โมงก็ได้เวลาลงแล้ว คนขับบอกว่ารถบัสกลับ Fukang คันสุดท้าย 6 โมงเย็นครับ เสียดายที่เราน่าจะได้เที่ยวเต็มวัน นี่เหลือครึ่งวัน หลงทาง+ผิดขั้นตอน ไปซะหมดครับ แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้าง มีรถบัสตรงกลับ Urumqi มาจอดรออยู่ครับ พวกเราขึ้นแล้วก็เต็มรถพอดีเป๊ะ ไม่ต้องไปรอรถที่ Fukang ครับ ถึง Urumqi Station ราวๆ ทุ่มครึ่ง ซึ่งวันนี้ผมต้องหากินพิลาฟให้ได้ ไม่ใช่นกนะครับ Pilaf พิลาฟ เป็นข้าวหมกเนื้อหรือแพะของอุซเบกิสถานครับ บ้านเราก็มี แต่ที่นี่จะเป็นแบบดั้งเดิมมากกว่าครับ ซึ่งผมเล็งร้านใกล้ๆ ที่พักไว้แล้ว พิลาฟซักจาน กับ แพะย่างซัก 2 ไม้ เบียร์ท้องถิ่นอีกซักป๋อง ที่นี่ ร้านของชำที่เจ้าของเป็นมุสลิมมีขายเบียร์ครับ หาได้ทั่วไปและราคาถูกไม่ต่างกับเมืองอื่นๆ ในจีนครับ กระป๋องใหญ่ 5-6Y เองครับ เบียร์ดำ 3Y ก็มี ถ้า Budweiser กระป๋องสูงก็ 10-12Y ครับ กินเบียร์จีนดีกว่า กลับห้องหลับสบายครับ พรุ่งนี้จะไปเที่ยว Nanshan Pasture ทุ่งหญ้าหนานซาน ครับ

- แผนที่ Urumqi แสดงจุดสำคัญต่างๆ
- หน้า Tianchi เข้าตามลำดับ 1-2-3 เลย
- รถอุทยานพาขึ้นเขาไปสูงทีเดียวครับ

[Mr. Tube]

- น้ำในคาเรซครับ ราวๆ ลูกบาศก์เมตรต่อ 2 นาที ครับ ตักดื่มได้เลยนะครับ สะอาดมาก

[Mr. Tube]

- Panorama ภูเขาเปลวไฟ
- พวงองุ่นที่ยังเหลืออยู่ บางพวงเป็นลูกเกดไปแล้ว


ลืมบอกว่า ผลไม้ที่ถูหลู่ฟานนี่ หวานเจี๊ยบทุกตัวครับ องุ่น แตงโม เมลอน ยิ่งลูกเกดนี่เป็นเกล็ดน้ำตาลในลูกเลยครับ

[Mr. Tube]

18 Oct
Turpan หรือ Tulufan เป็นเมืองโบราณ ย้อนกลับไปได้ 3000 กว่าปีครับ เมื่อก่อนเป็นอาณาจักรครับ แล้วก็ถูกฮั่นยึดเป็นส่วนหนึ่งของจีน บางเวลาที่จีนอ่อนแอก็แยกตัวออกมาหรือถูกอาณาจักรทางเอเชียกลางยึดไปแทน เมืองนี้อยู่ประมาณครึ่งทางระหว่างฉางอัน (Xi'an) กับเอเชียกลาง ก็เลยเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าสำคัญบนเส้นทางสายไหมครับ
Tulufan มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์ด้วยคือ Ayding Lake ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำสุดในโลกรองจาก Dead Sea ครับ Ayding นี่ -154 เมตร ครับ ส่วน Dead Sea -440 เมตร Tulufan จึงเป็นเมืองที่ร้อนที่สุดของจีน เพราะอยู่ในแอ่งครับ รอบๆ เค้าสูงระดับ 1500m ขึ้นไปทั้งนั้น ช่วงหน้าร้อนที่นี่ร้อนถึง 50C และเคยทำสถิติสูงสุด 72C ครับ ส่วนช่วงที่พวกเราไปกำลังเย็นสบาย 25-28C ครับ แต่ช่วงกลางคืนจะเหลือเลขตัวเดียวเลยครับ
วันนี้เราจะไปเที่ยว Huoyan Shan หั่วเยี่ยนซาน ภูเขาเปลวไฟ, Grape Valley สวนองุ่น และ Karez หรือ Kanerjing ข่านเอ๋อจิ่ง ในภาษาจีน เป็นระบบชลประทานของถูหลู่ฟาน กันครับ พวกเราให้ทางโรงแรมช่วยหารถเหมาให้ ได้รถเก๋งมา 3 คันที่ทางโรงแรมรับประกันให้ว่านิสัยดี ไม่ไถตังค์คุณเพิ่มแน่ๆ ตกลงกันที่ 1,100Y สำหรับ 3 คัน ก็ออกเดินทางกันเลย
Huoyan Shan คือภูเขารูปเปลวไฟครับ เป็นแรงบันดาลใจของ ภูเขาเปลวไฟ ในเรื่องไซอิ๋วครับ นอกจากชมวิวแล้ว ก็มี Exhibition เรื่องไซอิ๋ว มีบริการขี่อูฐ คุณแม่ผมก็เลยได้ขี่สมใจที่นี่แหล่ะครับ
ไซอิ๋วที่เราอ่านกันเป็นนิยายแฟนตาซี อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องลึกซึ้งในทางพุทธศาสนานะครับ เปิดไว้แค่นี้ครับ ผู้ที่สนใจ หารายละเอียดได้จาก Google ครับ เดี๋ยวจะนอกเรื่องมากไป
Grape Valley สวนองุ่น อยู่ติดกับตัวเมืองเลยครับ ที่นี่เป็น Theme Park ครับ ซึ่งจะมีงานช่วงเดือน 7-10 เท่านั้น ตอนผมไปนี่ก็เก็บร้านกันหมดแล้ว องุ่นเหลือติดต้นนิดหน่อย กลายเป็นพวงลูกเกดไปก็มากครับ ช่วง 20-25 สิงหาคม จะ Peak สุดเพราะเป็นเทศกาลองุ่นประจำปีครับ หลังวันชาติจีนก็ไม่มีอะไรให้ดูอีกครับ เรามาช้าไปครับ ก็เลยมุ่งหน้าไป Karez เลย
จริงๆ แล้ว Karez มีอยู่ทั่วเมืองไปหมดครับ เป็นอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินจากตีนเขามาสู่เมืองครับ ใช้งานมาหลายพันปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่ จุดที่เราไปเค้าจะทำเป็น Exhibition และสามารถลงใต้ดินไปดู Karez จริงๆ ได้ครับ น้ำใสไหลเย็น สะอาดระดับตักดื่มได้เลยครับ
เสร็จจากที่นี่รถก็ได้ส่งเราที่ Turpan North Station ครับ คนขับใจดี ไม่งอแง ไม่ไถตังค์ บริการดีมากอย่างที่โรงแรมรับรองครับ ใครจะตามรอยก็ส่ง email มาขอเบอร์ติดต่อได้นะครับ
รถไฟเที่ยวนี้เราไม่ได้ซื้อล่วงหน้าไว้ครับ เพราะเช็คแล้วว่าตั๋วมีเยอะ และจะได้ไม่บังคับเวลาตัวเองในการเที่ยวถูหลู่ฟานมากไป ก็เลยเที่ยวให้พอใจแล้วค่อยมาซื้อตั๋วครับ Bullet Train วิ่งชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึง Urumqi ละ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่กว่าที่คิดมาก Urumqi เพิ่งมี Metro แค่ 2 สาย พวกเราจึงไปเข้าแถวเรียก Taxi ไปที่พักกันครับ พรุ่งนี้จะมาพาเที่ยว ทะเลสาบสวรรค์แห่งเทียนซาน กันครับ

- กระบอกยักษ์ของซุนหงอคง เป็นเทอร์โมมิเตอร์ในตัวครับ
- ภูเขาเปลวไฟ กับ ภาพตัวเอกในไซอิ๋วครับ
- แก๊งค์ขี่อูฐ

[paputzaa]

มีทัวร์จัดให้ครับ แต่ไปแนว Adventure หน่อย ๆ ไม่รู้ว่าอายุแบบผมจะไหวไหม

จะมี 2 เรื่องที่ต้องเผื่อก่อนไปครับ
1. อาหาร ครับ สอบถามทัวร์ให้ชัดเจนเลยว่ามื้อไหน กินอะไร ร้านอะไร ครับ อาหารท้องถิ่นทิเบตไม่อร่อยเลยครับ กินแค่เป็นประสบการณ์พอ หาร้านอาหารอินเดีย หรือ อาหารจีนฮั่น จะเหมาะกับคนไทยเรามากกว่าครับ
2. เรื่องแพ้ที่สูง Altitude Sickness ครับ บางคนเป็น บางคนไม่เป็นครับ และเราไม่รู้ล่วงหน้าจนกว่าจะไปอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดคือค่อยๆ ไต่ระดับครับ เช่นถ้าเราสามารถไปอยู่ที่ 2,500m ซัก 2-3 วันก่อนขึ้นไปที่ 4,000m โอกาสที่จะแพ้จะน้อยครับ ผมเคยค่อยๆ ไต่จากคุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง จงเตี้ยน เต้าเฉิง 10 กว่าคน มีคนปวดหัวนิดๆ แค่คนเดียว
ยา Diamox ที่บางคนพูดกัน ไม่ค่อยได้ผล แถมมีผลข้างเคียงครับ หลีกเลี่ยงได้เป็นดีครับ
สมุนไพร หงจิ่งเทียน ช่วยให้หนักเป็นเบา เบาเป็นไม่เป็นไรครับ
การกินน้ำเยอะๆ ช่วยได้มากครับ ประมาณ 3 เท่าของที่กินปกติครับ จะฉี่บ่อยหน่อยแต่ไม่ปวดหัวครับ


ถ้าบินไปลง Lhasa เลย ที่นั่นสูง 3,700m นะครับ มีโอกาสแพ้ความสูงทันทีครับ เพื่อนผมจะตามรอยไปย่าติงเมื่อปี 15 แต่เวลาน้อยเลยบินไปลงเต้าเฉิงโดยตรง 10 กว่าคน ปวดหัวจี๊ดทันทีเมื่อประตูเครื่องเปิดประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งพอเอาตัวรอด และคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรครับ เต้าเฉิงอยู่สูง 4,400 ครับ


เท่าที่พบมา สว. ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง Altitude Sickness ครับ รุ่นผมถึงเป็นก็อาการไม่หนัก อายุ 40 ลงไป มีโอกาสหนักครึ่งต่อครึ่งครับ


Adventure นี่ ไปถึงไกรลาส หรือ หลินจือ เลยรึเปล่าครับ หรือไปชมยอดโชโมลังมา Everest ครับ

เป็นคำแนะนำที่เยี่ยมเลยครับ โปรแกรมประมาณ พ.ค. รายละเอียดทัวร์คงส่งมาให้ตอนใกล้ ๆ เบื้องต้น
บินไปลงเฉินตู จากเฉินตูบินไปลาซา นอกนั้นยังไม่มีรายละเอียด จะดูตามที่แนะนำครับ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลุยครับ

[Mr. Tube]

มีทัวร์จัดให้ครับ แต่ไปแนว Adventure หน่อย ๆ ไม่รู้ว่าอายุแบบผมจะไหวไหม

จะมี 2 เรื่องที่ต้องเผื่อก่อนไปครับ
1. อาหาร ครับ สอบถามทัวร์ให้ชัดเจนเลยว่ามื้อไหน กินอะไร ร้านอะไร ครับ อาหารท้องถิ่นทิเบตไม่อร่อยเลยครับ กินแค่เป็นประสบการณ์พอ หาร้านอาหารอินเดีย หรือ อาหารจีนฮั่น จะเหมาะกับคนไทยเรามากกว่าครับ
2. เรื่องแพ้ที่สูง Altitude Sickness ครับ บางคนเป็น บางคนไม่เป็นครับ และเราไม่รู้ล่วงหน้าจนกว่าจะไปอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดคือค่อยๆ ไต่ระดับครับ เช่นถ้าเราสามารถไปอยู่ที่ 2,500m ซัก 2-3 วันก่อนขึ้นไปที่ 4,000m โอกาสที่จะแพ้จะน้อยครับ ผมเคยค่อยๆ ไต่จากคุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง จงเตี้ยน เต้าเฉิง 10 กว่าคน มีคนปวดหัวนิดๆ แค่คนเดียว
ยา Diamox ที่บางคนพูดกัน ไม่ค่อยได้ผล แถมมีผลข้างเคียงครับ หลีกเลี่ยงได้เป็นดีครับ
สมุนไพร หงจิ่งเทียน ช่วยให้หนักเป็นเบา เบาเป็นไม่เป็นไรครับ
การกินน้ำเยอะๆ ช่วยได้มากครับ ประมาณ 3 เท่าของที่กินปกติครับ จะฉี่บ่อยหน่อยแต่ไม่ปวดหัวครับ


ถ้าบินไปลง Lhasa เลย ที่นั่นสูง 3,700m นะครับ มีโอกาสแพ้ความสูงทันทีครับ เพื่อนผมจะตามรอยไปย่าติงเมื่อปี 15 แต่เวลาน้อยเลยบินไปลงเต้าเฉิงโดยตรง 10 กว่าคน ปวดหัวจี๊ดทันทีเมื่อประตูเครื่องเปิดประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งพอเอาตัวรอด และคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรครับ เต้าเฉิงอยู่สูง 4,400 ครับ


เท่าที่พบมา สว. ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง Altitude Sickness ครับ รุ่นผมถึงเป็นก็อาการไม่หนัก อายุ 40 ลงไป มีโอกาสหนักครึ่งต่อครึ่งครับ


Adventure นี่ ไปถึงไกรลาส หรือ หลินจือ เลยรึเปล่าครับ หรือไปชมยอดโชโมลังมา Everest ครับ

[paputzaa]

รบกวนสอบถามนอกเรื่องนิดหนึ่งนะครับ การใช้เงิน
ในการใช้จ่าย การใช้โทรศัพท์ และ internet ทำ
ยังไงกับการเดินทางนี้ครับ มีแผนจะไปทิเบตครับ

การใช้เงินได้ตอบไปแล้ว โทรศัพท์คงต้องเปิด Roaming ไปครับ ถ้าจำไม่ผิดราวๆ นาทีละ 60 บาท พยายามเลี่ยงการโทรครับ รับสายก็ต้องจ่ายนะครับ กดทิ้งบางค่ายมีค่าใช้จ่ายครับ ต้องปล่อยให้สายตัดไปเองดีที่สุด ส่วน Internet มือถือ แนะนำให้ซื้อ Package เสริมครับ ทั้ง 3 ค่ายมีขาย ประมาณ 400 บาทต่อ 10 วัน 6GB, 200 บาทต่อ 3 วัน 3GB (นับ 24H/วัน) ประมาณนี้ครับ ถ้าไม่ดู VDO นะครับ หรือ Up รูปหรือวิดีโอหนักๆ ใช้แค่ตอบเมล, ดูแผนที่, หาข้อมูล ก็เหลือเฟือครับ Package Data Roaming พวกนี้ เราจะใช้ Line, Facebook, Google ได้เหมือนอยู่บ้านเราครับ แต่ถ้าต่อ WIFI จีน จะใช้พวกที่ว่านี้ไม่ได้เลยครับ พี่จีน Block เรียบ


ไปส่วนไหนของทิเบตครับ ผมนั่งรถไฟจากซีอานไปลาซ่าเมื่อปี 18 ครับ การเข้าไปเที่ยวทิเบตต้องซื้อทัวร์เท่านั้นครับ และต้องให้บริษัททัวร์เป็นคนขอ Permit ให้ ถึงจะเข้าทิเบตได้ครับ ลองหา Update ดูครับ ว่ากติกายังเป็นแบบนี้รึเปล่า ผมจองตั๋วรถไฟซีอาน-ซีหนิง ซีหนิง-ลาซ่าเอง แต่ตอนจะขึ้นรถเจ้าหน้าที่จะขอตรวจ Permit ถึงจะให้ขึ้นรถไฟได้ครับ ไกด์มารับที่สถานีลาซ่าและอยู่กับเราจนกว่าเราจะเข้าสนามบินเลยครับ ในเมืองลาซ่าเราเที่ยวได้อย่างอิสระ แต่ไม่สามารถซื้อตั๋วรถทางไกลเพื่อไปเมืองอื่นได้ด้วยตัวเองครับ ไกด์บอกว่า ในระหว่างโปรแกรมถ้าพวกเราหายไปเค้าจะมีความผิดด้วย เราก็บอกว่า อาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ ไม่อยู่นี่หรอก ไม่ต้องห่วง 

มีทัวร์จัดให้ครับ แต่ไปแนว Adventure หน่อย ๆ ไม่รู้ว่าอายุแบบผมจะไหวไหม

[paputzaa]

อยากทราบว่าอยู่ที่จีนจ่ายเงินยังสามารถใช้เงินสดจ่ายได้สะดวกหรือเปล่า หรือว่าต้องใช้ app ตัวไหนครับ

เงินสดยังใช้ได้ทุกที่ครับ ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ซุปเปอร์มาเก็ด, Taxi, รถเมล์, Metro, รถไฟ, แผงลอย ใช้เงินสดได้หมดครับ ตู้ขายปลีกอัตโนมัติมักจะไม่รับเงินสด รถเมล์ไม่มีทอนทุกกรณี กรณีบางร้านไม่มีทอน เราอาจจะกลับทิศให้เค้าทอนเข้า App เราแทนก็ได้ครับ

App ที่ใช้ได้ครับ
1. True Money ครับ สามารถใช้จ่ายเป็นเงินหยวนได้ครับ แต่รองรับเฉพาะการให้ร้านค้า Scan QR ของเรานะครับ
2. Alipay ครับ เราสามารถผูกบัตรเครดิตของเราเข้าไปได้ เราจะเติมเงินจากบัตรเครดิตเข้ากระเป๋า Alipay แล้วค่อยใช้จ่ายก็ได้ หรือเราจะให้ตัดบัตรโดยตรงก็ได้ รองรับทั้งแบบ Scan QR ร้านค้า และร้านค้า Scan QR เราครับ ผมใช้รับตังค์ทอนครั้งหนึ่งที่ร้านค้าไม่มีทอนครับ
3. Wechat เนื่องจากการสมัคร Wechat ต้องให้สมาชิก Refer ให้ ผมเลยไม่ได้ทดลอง Wechat แต่พอทราบว่าใช้เติมเงินเข้า Wallet ไม่รองรับการตัดบัตรโดยตรงเหมือน Alipay ครับ

ทริปนี้ผมใช้เงินสดกว่า 90% ครับ App มีไว้เผื่อซักอันก็พอครับ ข้อเสียอันหนึ่งของการใช้ App ที่ต้องมาตัดเงินที่ไทยคือบางทีต้องรอนาน (5-20 นาที) กว่าจะรู้ว่าจ่ายเงินสำเร็จหรือไม่ครับ เพื่อนผมคนหนึ่งจ่ายเงินตู้อัตโนมัติแล้วไม่ได้ของ ระบบก็ขึ้นมาว่าตัดเงินแล้ว 60Y ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ถามด้วย รอซักพักก็ต้องเดินตามกลุ่มไปทั้งๆ อย่างนั้น อีก 5 วันกลับมาไทยถึงค่อยเช็คได้ว่ามันคืนเงินมาให้ ถ้าโทรทางไกลกลับมาเช็คกว่าจะได้คุยกับคนคงหมดไปหลายร้อยครับ เพื่อนผมอีกคนใช้ True Money จ่ายเงินร้านของชำ รอระบบมัน Reply ไปมา ราว 15 นาทีกว่าคนขายจะได้ Msg ว่าเงินเข้าแล้ว การเติมเงินเข้า Wallet ของ Alipay แล้วจ่าย จะไม่มีปัญหานี้ครับ ข้อเสียคือ ถ้าเงินเหลือจะโอนกลับไม่ได้ ต้องเอาไว้ใช้ทริปหน้าอย่างเดียว

สรุป สำหรับผม เงินสดดีที่สุด ตามด้วย Wallet Alipay และ True Money ครับ

ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ

[trens]

VDO - Mingsha Shan
https://youtu.be/DuFbPJU5y-I

ขอบคุณครับ ทรายที่ถูกพัดดูเหมือนคลื่นในทะเลจริงๆสำหรับถ้ำหยุนกังเมืองต้าถง ผมจะรีวิวต่อจากชุดของ Mr. Tube ชุดนี้ ตอนนี้ขอติดตามอ่านก่อน555

[Mr. Tube]

17 Oct
เรามีนัดกับ Bullet Train ตอนบ่าย 2 จากสถานี Liuyuan South ครับ ตอนเช้าผมเลยกลับไปเที่ยวหมิงซาซานอีกรอบ เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็นอนพักผ่อนกันไปครับ นัดกันว่า 11 โมงพร้อม Check Out เพื่อไปกินเที่ยงแล้วขึ้นรถไปเมือง Liuyuan หลิวหยวน ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 90 นาที รถบัส ครับ จริงๆ ผมตั้งใจจะไปเที่ยวป่าหูหยางด้วย ซึ่งอยู่ข้างๆ สถานีรถไฟ ตอนนี้ใบกำลังสีเหลืองทองทั้งป่า แต่เวลาไม่พอครับ พอไปถึงสถานีรถบัสตุนหวง ก็พบว่าตั๋วมีไม่พอ 11 ใบ ก็เหลือทางเลือกคือ Taxi ระหว่างที่กำลังปรึกษากัน เจ้าหน้าที่ก็เคาะเรียกแล้วบอกว่าจะเปิดคันใหม่ให้ แต่ต้องเหมา 15 ที่นะ เราก็โดดงับทันทีครับ เจ้าหน้าที่ก็ฉีกตั๋วมาให้เรา 15 ใบครับ ราคามาตรฐานไม่มีบวกพิเศษ รอตรงนี้ 15 นาทีเดี๋ยวรถมา พอถึงเวลาเรียกขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ก็พามาอีกคน บอกว่า ผู้ชายคนนี้จะไปด้วย ช่วยขายตั๋วต่อให้เค้าหน่อย เฮ้ย คือไม่ได้รังเกียจครับ แต่เฮ้ยตรงที่ผมไม่เคยเจอแบบนี้ไม่ว่าที่ไหนๆ ครับ ถ้าเป็นที่เวียด เค้าก็แค่บอกว่ารถหมดแล้ว ยิ่งถ้าเป็นบ้านเรา กลุ่มคุณ 11 คนใช่ไม๊ ถึงคุณจะเหมา 15 แล้ว แต่อีก 4 ที่ถ้ามีคนผมก็ขายเป็นเงินผมนะ แต่นี่เค้าไม่เอาเปรียบเราเลยครับ ราคาก็ตามหน้าตั๋วเลย
ก่อนหน้านี้ก็มี เฮ้ย นึงครับ คือผมไปทานบะหมี่เนื้อ เป็นร้านแบบ Self Service ซึ่งในเซ็ทจะมียำผักด้วย เรียกว่า เสี่ยวช่าย แต่พวกเราไม่มีใครหยิบเสี่ยวช่ายไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าเค้าขายเป็น Set จนคนเก็บเงินเค้าสังเกตเห็นว่าโต๊ะนี้ไม่มีเสี่ยวช่ายเลย เค้าก็หยิบ 11 ถ้วยมาวางให้ นี่ก็ เฮ้ย ทีแล้ว อะไรมันจะซื่อตรงขนาดนั้น คือเค้าจะคิดว่าพวกเราไม่กินก็ได้นะ แต่นี่หยิบมาวางเลย เราก็บอกว่าเราสั่งหมี่แค่ 8 ถ้วยเอง เพราะบะหมี่ที่โน่นถ้วยใหญ่มาก จับคู่กันกินได้เลย เค้าก็บอก อ้าวเหรอ กินไปเถอะ แล้วก็กลับไปเค้าเตอร์.. เฮ้ย อีกที
พวกเราขึ้นรถได้ตามเวลาและไปถึง Turpan หรือที่คนจีนเรียก Tulufan ถูหลู่ฟาน คุ้นๆ ไม๊ครับ ราชครูจากถูหลู่ฟาน ในหนังจอมยุทธ์ ไงครับ ที่นี่เข้าเขตซินเจียงแล้ว ตำรวจจะตรวจเข้มงวดขึ้น แม้แต่ขาออกจากสถานีรถไฟ ที่ปกติไม่ตรวจอะไร นอกจากบัตรโดยสารครับ รอบนี้ถามหมดเลย จะไปนอนไหน แล้วจะไปไหนต่อ เมื่อไหร่ ทำนองนี้ สถานี Turpan North จะอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 15 นาที Taxi ครับ ปกติจะมีรถบัสเข้าเมือง แต่เรามัวไปติดตำรวจอยู่เลยไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย ต้องขึ้น Taxi เข้าเมืองกันครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาเที่ยวถูหลู่ฟานต่อครับ


แผนที่แสดงเส้นทาง Bullet Train ครับ คือตุนหวงเป็นสถานีที่แยกมาจากทางหลัก (Lanzhou - Urumqi) ถ้าจะกลับทางหลักก็ต้องนั่งย้อนกลับไป Jiayuguan หรือไม่ก็ไปดักรถผ่านที่ Liuyuan จึงจะไป Urumqi ต่อได้ครับ ไม่มีรถตุนหวงไปอุรุมฉีนะครับ

[Mr. Tube]

รบกวนสอบถามนอกเรื่องนิดหนึ่งนะครับ การใช้เงิน
ในการใช้จ่าย การใช้โทรศัพท์ และ internet ทำ
ยังไงกับการเดินทางนี้ครับ มีแผนจะไปทิเบตครับ

การใช้เงินได้ตอบไปแล้ว โทรศัพท์คงต้องเปิด Roaming ไปครับ ถ้าจำไม่ผิดราวๆ นาทีละ 60 บาท พยายามเลี่ยงการโทรครับ รับสายก็ต้องจ่ายนะครับ กดทิ้งบางค่ายมีค่าใช้จ่ายครับ ต้องปล่อยให้สายตัดไปเองดีที่สุด ส่วน Internet มือถือ แนะนำให้ซื้อ Package เสริมครับ ทั้ง 3 ค่ายมีขาย ประมาณ 400 บาทต่อ 10 วัน 6GB, 200 บาทต่อ 3 วัน 3GB (นับ 24H/วัน) ประมาณนี้ครับ ถ้าไม่ดู VDO นะครับ หรือ Up รูปหรือวิดีโอหนักๆ ใช้แค่ตอบเมล, ดูแผนที่, หาข้อมูล ก็เหลือเฟือครับ Package Data Roaming พวกนี้ เราจะใช้ Line, Facebook, Google ได้เหมือนอยู่บ้านเราครับ แต่ถ้าต่อ WIFI จีน จะใช้พวกที่ว่านี้ไม่ได้เลยครับ พี่จีน Block เรียบ


ไปส่วนไหนของทิเบตครับ ผมนั่งรถไฟจากซีอานไปลาซ่าเมื่อปี 18 ครับ การเข้าไปเที่ยวทิเบตต้องซื้อทัวร์เท่านั้นครับ และต้องให้บริษัททัวร์เป็นคนขอ Permit ให้ ถึงจะเข้าทิเบตได้ครับ ลองหา Update ดูครับ ว่ากติกายังเป็นแบบนี้รึเปล่า ผมจองตั๋วรถไฟซีอาน-ซีหนิง ซีหนิง-ลาซ่าเอง แต่ตอนจะขึ้นรถเจ้าหน้าที่จะขอตรวจ Permit ถึงจะให้ขึ้นรถไฟได้ครับ ไกด์มารับที่สถานีลาซ่าและอยู่กับเราจนกว่าเราจะเข้าสนามบินเลยครับ ในเมืองลาซ่าเราเที่ยวได้อย่างอิสระ แต่ไม่สามารถซื้อตั๋วรถทางไกลเพื่อไปเมืองอื่นได้ด้วยตัวเองครับ ไกด์บอกว่า ในระหว่างโปรแกรมถ้าพวกเราหายไปเค้าจะมีความผิดด้วย เราก็บอกว่า อาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ ไม่อยู่นี่หรอก ไม่ต้องห่วง 

[Mr. Tube]

อยากทราบว่าอยู่ที่จีนจ่ายเงินยังสามารถใช้เงินสดจ่ายได้สะดวกหรือเปล่า หรือว่าต้องใช้ app ตัวไหนครับ

เงินสดยังใช้ได้ทุกที่ครับ ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ซุปเปอร์มาเก็ด, Taxi, รถเมล์, Metro, รถไฟ, แผงลอย ใช้เงินสดได้หมดครับ ตู้ขายปลีกอัตโนมัติมักจะไม่รับเงินสด รถเมล์ไม่มีทอนทุกกรณี กรณีบางร้านไม่มีทอน เราอาจจะกลับทิศให้เค้าทอนเข้า App เราแทนก็ได้ครับ

App ที่ใช้ได้ครับ
1. True Money ครับ สามารถใช้จ่ายเป็นเงินหยวนได้ครับ แต่รองรับเฉพาะการให้ร้านค้า Scan QR ของเรานะครับ
2. Alipay ครับ เราสามารถผูกบัตรเครดิตของเราเข้าไปได้ เราจะเติมเงินจากบัตรเครดิตเข้ากระเป๋า Alipay แล้วค่อยใช้จ่ายก็ได้ หรือเราจะให้ตัดบัตรโดยตรงก็ได้ รองรับทั้งแบบ Scan QR ร้านค้า และร้านค้า Scan QR เราครับ ผมใช้รับตังค์ทอนครั้งหนึ่งที่ร้านค้าไม่มีทอนครับ
3. Wechat เนื่องจากการสมัคร Wechat ต้องให้สมาชิก Refer ให้ ผมเลยไม่ได้ทดลอง Wechat แต่พอทราบว่าใช้เติมเงินเข้า Wallet ไม่รองรับการตัดบัตรโดยตรงเหมือน Alipay ครับ

ทริปนี้ผมใช้เงินสดกว่า 90% ครับ App มีไว้เผื่อซักอันก็พอครับ ข้อเสียอันหนึ่งของการใช้ App ที่ต้องมาตัดเงินที่ไทยคือบางทีต้องรอนาน (5-20 นาที) กว่าจะรู้ว่าจ่ายเงินสำเร็จหรือไม่ครับ เพื่อนผมคนหนึ่งจ่ายเงินตู้อัตโนมัติแล้วไม่ได้ของ ระบบก็ขึ้นมาว่าตัดเงินแล้ว 60Y ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ถามด้วย รอซักพักก็ต้องเดินตามกลุ่มไปทั้งๆ อย่างนั้น อีก 5 วันกลับมาไทยถึงค่อยเช็คได้ว่ามันคืนเงินมาให้ ถ้าโทรทางไกลกลับมาเช็คกว่าจะได้คุยกับคนคงหมดไปหลายร้อยครับ เพื่อนผมอีกคนใช้ True Money จ่ายเงินร้านของชำ รอระบบมัน Reply ไปมา ราว 15 นาทีกว่าคนขายจะได้ Msg ว่าเงินเข้าแล้ว การเติมเงินเข้า Wallet ของ Alipay แล้วจ่าย จะไม่มีปัญหานี้ครับ ข้อเสียคือ ถ้าเงินเหลือจะโอนกลับไม่ได้ ต้องเอาไว้ใช้ทริปหน้าอย่างเดียว

สรุป สำหรับผม เงินสดดีที่สุด ตามด้วย Wallet Alipay และ True Money ครับ

[Diy Project Seeker ©]

อยากทราบว่าอยู่ที่จีนจ่ายเงินยังสามารถใช้เงินสดจ่ายได้สะดวกหรือเปล่า หรือว่าต้องใช้ app ตัวไหนครับ

[paputzaa]

รบกวนสอบถามนอกเรื่องนิดหนึ่งนะครับ การใช้เงิน
ในการใช้จ่าย การใช้โทรศัพท์ และ internet ทำ
ยังไงกับการเดินทางนี้ครับ มีแผนจะไปทิเบตครับ

[ออดิโอแมน]

 

[Mr. Tube]

- เริ่มมืดแล้ว จะมีเปิดไฟที่วัดและรอบทะเลสาบ
- อันนี้วิวตอนเช้าอีกวันหนึ่ง
- Panorama ทะเลสาบ เมื่อมองจากเจดีย์ในวัด


VDO - Mingsha Shan
https://youtu.be/DuFbPJU5y-I

[Mr. Tube]

- แถวเดินอูฐพาชมรอบๆ บริเวณ 100Y สำหรับ 45 นาทีครับ
- วิวจากภูเขาทราย ด้านซ้ายคือ ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว ด้านขวาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำครับ
- ทะเลสาบ ช่วงนี้น้ำเยอะจนล้นขอบสระ แต่ยังพอดูเป็นจันทร์เสี้ยวได้อยู่

[Mr. Tube]

16 Oct
เช้าวันนี้เราจะไปถ้ำพุทธศิลป์ ม่อเกาคู Mogao Cave กันก่อนครับ ม่อเกาคู นับเป็น 1 ใน 3 สุดยอดถ้ำพุทธศิลป์ของเมืองจีนครับ อีก 2 ที่คือ ผาถ้ำหยุนกัง เมืองต้าถง (พี่ trens น่าจะไปชมมาแล้วแน่ๆ) และ ผาถ้ำหลงเหมิน เมืองลั่วหยาง (บ้านเราเรียกลกเอี๋ยงครับ ตามคำอ่านในหนังสือแปลสามก๊ก)
ม่อเกาคู จะจำกัดผู้เข้าชมแค่ 6,000 คนต่อวันครับ ถ้าเป็นช่วง High เดือน 7 ถึงต้นเดือน 10 จะต้องจองผ่าน Web ล่วงหน้า 3-7 วันครับ หลัง 10 Oct ก็ Walk In ได้ครับ พวกเราออกจากที่พักก่อน 7 โมงเช้า กลับพบว่าบนถนนมีแต่รถบัส นักท่องเที่ยวเต็มคัน มุ่งหน้าไปทางเดียวกับเราด้วย ชักใจเสีย เปิด Web จองตั๋วขึ้นมาดู ยังเขียวอยู่ ก็ใจดีสู้เสือ แวะกินบะหมี่คนละถ้วยก่อนไปขึ้นรถเมล์ครับ รถจอดรออยู่ตรงข้ามโรงแรม Silk Road นะครับ ออกทุก 10-15 นาที คนละ 5Y รถไปส่งถึงสถานีรถไฟตุนหวงครับ ก็คันเดียวกับที่นั่งมาเมื่อคืนแหล่ะครับ (บางคันไปถึงสนานบิน ต้องถามคนขับดู) ม่อเกาคูอยู่ระหว่างทางครับ
พอไปถึงก็ต้องไปต่อแถวซื้อบัตรครับ เห็นแถวแล้วก็สบายใจ เพราะย้งเหลือตั๋วแน่ๆ ระหว่างรอก็ชวนไกด์ทีมอื่นคุยด้วย เค้าก็บอกถ้าช่วง 1-10 Oct วันชาติจีน ต้องจองมาก่อน 1-2 สัปดาห์ ช่วงอื่นๆ ถ้ามาเช้าก็ไม่ค่อยมีปัญหา แต่บ่ายบางวันก็เต็ม 6,000 เร็วครับ (สำหรับคนที่จะจองตั๋วนะครับ https://www.mgk.org.cn/ticket) พวกเราได้ตั๋วมาละ พอเข้าไปในอาคาร เค้าจะให้เราชมหนัง 3D อธิบายว่าม่อเกาคูเกิดขึ้นมาอย่างไร มีห้องสำคัญอะไรบ้าง ประมาณ 10 นาที แล้วถึงจะได้ขึ้นรถบัสไปอีก 15 นาที จึงจะถึงตัวถ้ำจริงๆ ครับ การเข้าชมที่นี่จะไม่อิสระครับ จะมีไกด์นำชมเป็นกลุ่มๆ ถ้าฟังจีนกลางได้ เค้าจะแจกหูฟัง BT ให้คนละอันครับ ไกด์คนนึงจะนำไป 10-15 คน พาเข้าชมทีละห้องไปครับ ส่วนคนต่างชาติอย่างพวกเราต้องรอรอบไกด์ภาษาอังกฤษครับ ซึ่งต้องชมว่าเค้าพูดอังกฤษได้ระดับ Native เลยครับ อธิบายได้ดีมากๆ ศัพท์ที่ใช้เราจะไม่คุ้นเคยนะครับ เช่น Sutra, Maitreya, Sakya, Manshusri ซึ่งเป็นคำมหายานในภาษาอังกฤษครับ อันนี้ต้องศึกษาไปก่อนถึงจะฟังเค้ารู้เรื่องจริงๆ ครับ ไกด์พาเราชมทั้งหมด 10 ห้องครับ โดยจะมีบางห้องที่เหมือนกันทุกกลุ่ม และบางห้องที่จะได้ชมเฉพาะกลุ่มครับ สมมุติมีห้องที่เปิดให้ชม 20 ห้อง กลุ่มเราอาจจะได้ชม 1-3-5-7-9 และ 16 ถึง 20 อีกกลุ่มอาจจะได้ชม 2-4-6-8-10 และ 16 ถึง 20 ทำนองนี้ครับ แต่ละห้องจะมีขนาดต่างกัน ตั้งแต่นั่งได้คนเดียว จนถึงใส่ได้เป็น 100 คนครับ เป็นการเจาะเข้าไปในหน้าผา และเขียนรูปหรือแกะสลักเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ในทางมหายานนะครับ เนื่องจากแสงจะทำให้รูปเสื่อมสภาพได้ จึงต้องดูตามไฟฉายไกด์เท่านั้น ไม่มีการเปิดไฟในห้องนะครับ และห้ามถ่ายรูปด้วยเพราะแสงแฟรชก็ทำให้สีเสื่อมสภาพได้ ผมจึงไม่มีรูปมาให้ดูเลย ดูจาก Web เอานะครับ https://www.gettyimages.com/photos/mogao-caves

ที่ชอบมากๆ อีกอย่างของที่นี่คือรอฟังคนถูกด่าครับ คือ เวลาที่ไกด์เค้าอธิบายรูปต่างๆ ในแต่ละห้อง ถ้ามีจุดใดเสียหายเค้าก็จะบอกด้วยว่า พระองค์นี้นะพระเศียรของท่านอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในตูลูส ส่วนมุมห้องนี้ไม่อยากให้ดูเท่าไหร่ เพราะทหารรัสเซียมาเผาเอาไว้ อันนี้ห้องเก็บพระสูตร 84000 เล่ม ตอนนี้อยู่ที่ลอนดอน 20000 กว่า วอชิงตันอีก 10000 กว่า บลาๆๆๆ เค้าบอกหมดเลยครับว่าชาติไหนมาทำลายบ้าง ชาติไหนมาขโมยไปบ้าง นี่ก็ฟังเพลินมาก แกล้มสีหน้าเพื่อนชาวต่างชาติในกลุ่มไปด้วย นี่มันพามาด่ารายตัวชัดๆ เพื่อนผมบอก แต่ก็ถือว่าด่าได้สุภาพราบเรียบมากๆ

ม่อเกาคู มีความสำคัญอย่างมาก ในการศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปะครับ หลายร้อยถ้ำถูกปิดไว้ สำหรับการศึกษาเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้าชม ม่อเกาคูเอง เกิดขึ้นราวปี 350 (ค.ศ.) และมีการเจาะสร้างเพิ่มเรื่อยๆ จนถึงสมัยถัง ปี 700 กว่า บางถ้ำสร้างขึ้นสมัยหยวนปี 1300 ด้วยซ้ำ จึงมีร่องรอยประวัติศาสตร์ต่อเนื่องถึง 1000 ปีอยู่ในบริเวณนี้ ใกล้ๆ ยังมี Thousand Buddha Cave (East/West) และอีก 2 จุด ที่นับรวมอยู่ใน ม่อเกาคู ด้วย แต่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมต่างหากนะครับ กลุ่มเราขอจบแค่ม่อเกาคูที่เดียวครับ แค่นี้ก็ตื่นตาแล้วครับ

ทางเดินกลับไปขึ้นรถบัส จะมี Exhibition Center อยู่ อย่าเดินผ่านไปเฉยๆ นะครับ ในนั้นจะมีแบบจำลองห้องที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมร่วม 10 ห้อง แต่ละห้องสวยๆ ทั้งนั้นครับ

ออกจากม่อเกาคูพวกเราก็รีบไป ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว Yueyaquan เย่หยาฉวน กับ ทะเลทรายกระซิบ (บ้างก็ว่าร้องไห้) Mingsha Shan หมิงซาซาน กันต่อครับ 2 ที่นี้ อยู่ที่เดียวกันนะครับ นั่งรถสาย 3 จากในเมือง คนละ 2Y ไปจอดหน้าออฟฟิศขายตั๋วเลยครับ เดินเข้าไปก็เป็นภูเขาทราย มีอูฐเดินตัดหน้าเลยครับ แม่ผมอยากขี่อูฐมาก ผมก็พาไปซื้อตั๋ว 100Y แต่เค้าไม่ขายให้ บอกอายุเกิน เค้าจำกัดแค่อายุ 65 น่ะครับ ก็เลยจะพาไปเดินขึ้นเขาทรายเอง แต่แกเซ็งละ ขอนั่งรออยู่ข้างล่างดีกว่า พวกผมก็ไต่ขึ้นภูเขาทรายเลยครับ น่าจะสูงจากพื้นราว 15-20 ชั้นตึกได้ครับ ที่นี่มีบริการ ATV, นั่งบอลลูน, นั่ง ฮ., จนถึงนั่งกระดานลงเนินทราย ครับ เนื่องจากทุกคนรู้ว่าขากลับก็ออกไปขึ้นสาย 3 แล้วเดินกลับโรงแรม ก็เลยปล่อยฟรีเลยครับ ผมอยู่จนฟ้ามืด ที่นี่สวยจริงๆ ครับ แต่อย่ามาหน้าร้อนนะครับ ช่วงเดือน 10 นี่กำลังดี กลางวัน 15-20C + แดดจัด ครับ

ก่อนจะผ่านประตูออก ก็บังเอิญไปเห็นว่า ตั๋วเข้าได้ 2 วันติดกัน ผมเลยมาใหม่ตอน 6 โมงเช้าครับ คนน้อยและถ่ายรูปสวยกว่าตอนบ่ายครับ รอบนี้เลยได้รู้ว่า Mingshan Shan เป็นยังไงครับ คือเวลาที่ลมพัดจัดๆ นี่ ทรายมันจะปลิวเป็นรูปคลื่นเหมือนมองคลื่นในทะเลเลยครับ แล้วก็มีเสียงเหมือนกระซิบจริงๆ เดี๋ยวหาทางเอาลง youtube ให้ดูกันครับ

- เจดีย์ 9 ชั้นสร้างครอบพระองค์ใหญ่ไว้
- ทางเดินถูกทำขึ้นภายหลัง เพื่อให้เข้าชมห้องต่างๆ ได้สะดวกขึ้น

[trens]

ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ
คนจีนนี่ลึกซึ้งมากๆครับ

[Mr. Tube]

ถ.ถ.ถ.ถ.ถ..ถูกต้องคร้าบ 

[Diy Project Seeker ©]

 

[trens]

ผมหาอิฐก้อนสุดท้ายไม่เจออ่ะ

[Diy Project Seeker ©]

- ป้อมอันดับ 1 ในใต้หล้า
- เดินผ่านประตูเข้าภายในป้อม
- อิฐก้อนสุดท้าย (หาเจอไม๊ครับ อยู่ตรงไหน)

หาเจอครับ 

[Mr. Tube]

- ป้อมอันดับ 1 ในใต้หล้า
- เดินผ่านประตูเข้าภายในป้อม
- อิฐก้อนสุดท้าย (หาเจอไม๊ครับ อยู่ตรงไหน)

[Mr. Tube]

- นอกป้อมจะมีให้บริการขี่อูฐครับ
- Panorama ภายในป้อม
- แนวกำแพงเมืองจีนจากป้อม Jiayuguan ไปสุดที่ First Beacon Tower

[Mr. Tube]

15 Oct
เรามีนัดกับ Bullet Train ประมาณ 10 โมงเช้า 6 โมงครึ่งผมเลยจัดกลุ่มเล็ก ไปเที่ยววัดพระใหญ่ Dafosi ต้าฝอซื่อ ครับ เป็นวัดเก่าแก่ 900 กว่าปี ในวิหารเป็นองค์พระนอนขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ตามหลักมหายานครับ วัดนี้ยังเป็นศูนย์กลางการพิมพ์พระสูตรมหายานต่างๆ เพื่อแจกจ่ายไปทั่วเมืองจีนด้วย ออกจากวัดพวกเราก็เดินไปดูเจดีย์ไม้ Muta มู่ถ่ะ อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งรอบๆ บริเวณเป็นสวนสาธารณะ มีผู้คนมาออกกำลังกายกันเยอะแยะครับ ที่น่าสนใจมากคือมีกลุ่มคนแต่งชุดพื้นเมืองสวยๆ ออกมาเต้นรำกันด้วย อันนี้ดูเพลินมาก จนใกล้เวลา 9 โมงแล้ว ต้องกลับไป Check Out เพื่อไปรอขึ้นรถไฟครับ
พวกเราทุกคนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ Bullet Train แล้ว ที่จีนเค้าเลิกการออกตั๋วแล้วนะครับ คนจีนก็ใช้บัตรประชาชนขึ้นรถไฟ ต่างชาติก็ใช้ Passport ครับ รอบนี้นั่งแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง Jiayuguan แล้ว ออกจากสถานีก็หาที่ฝากของ ก็จะมีอาเจ๊คนหนึ่งมาพยายามให้เราเหมารถแก 700Y ซึ่งแพงมากครับ พวกเราแบ่งกลุ่ม 4-4-3 แยกขึ้น Taxi 3 คัน ตกคันละ 40Y ถึงหน้า Jiayuguan Fortress เลย สำหรับคนที่จะใช้วิธีนี้ ให้เปิด Map แล้ว Mark จุดเดียวกัน ก่อนแยกกันขึ้นรถนะครับ ถ้าใช้วิธีบอกกล่าวเอา Taxi แต่ละคันเค้าไม่ได้คุยกัน เค้าอาจจะพาคุณไปส่งกันคนละประตูได้ครับ อันที่จริงผมหาสายรถเมล์ไว้แล้ว จาก Jiayuguan South Station ไป Fortress ต้องนั่ง 2 ต่อ แต่เพื่อนๆ อยากประหยัดเวลาก็เลยไป Taxi กัน ที่นี่ Start 8Y ครับ แพงกว่า Zhangye หน่อย พวกเราก็หาอาหารง่ายๆ กินเที่ยงแล้วก็ลุยกันต่อเลย
Jiayuguan เจี่ยยู่กวน เป็นป้อมปราการ สุดกำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันตกครับ จะมีจุดเที่ยวชมได้ 3 จุด รวมอยู่ในค่าตั๋วแล้วคือ Fortress, First Beacon Tower หอสัญญาณที่ 1 ของกำแพงเมืองจีน และ Great Wall ส่วนที่เรียกว่า Hanging Wall ครับ พวกเราเที่ยวส่วนป้อมปราการครับ ส่วน First Beacon เป็นแค่ซากกองอิฐจริงๆ ไม่มีอะไรน่าดู Hanging Wall อยู่ไกลไปซะหน่อย เลยตัดออกครับ จริงๆ คือส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ไต่จากที่ราบขึ้นภูเขาครับ มองแล้วจะเหมือนกับกำแพงแขวนอยู่บนอากาศ ก็เลยเรียกว่า Hanging Wall ครับ
ป้อมปราการนี้มีประวัติยาวนานเป็นพันปีครับ สำหรับคนที่เดินทางมาจากเอเชียกลางหรือยุโรป ที่นี่ก็เหมือนป้ายบอกว่า คุณมาถึงเมืองจีนแล้ว นั่นแหล่ะครับ แต่ก็ยังมีส่วนที่คนจีนไม่ต้อนรับ ก็ต้องสู้รบกันไป มีเรื่องเกิดขึ้นที่นี่นับไม่ถ้วน แต่เรื่องหนึ่งที่คนจีนยังคงเก็บไว้คู่ป้อมคือเรื่องของอิฐ 1 ก้อนครับ คือตอนที่จะสร้างป้อมนี้ แม่ทัพที่ดูแลการสร้างก็ให้วิศวกรคำนวณอิฐที่ต้องใช้ทั้งหมด หลังจากที่สร้างเสร็จก็พบว่าผิดไปเพียง 1 ก้อนเท่านั้น แม่ทัพจึงให้เอาอิฐก้อนนั้นไปวางไว้ที่จุดหนึ่ง วางไว้เฉยๆ ครับ นัยว่าถ้าไม่มีก้อนนี้ป้อมก็ไม่สมบูรณ์ และเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความแม่นยำในการคำนวณของวิศวกรผู้นั้น ไม่ว่าจะบูรณะมาแล้วกี่ครั้ง อิฐก้อนนั้นก็จะถูกวางอยู่ตรงนั้นเสมอ คนจีนนี่ลึกซึ้งนะครับ
ถึงเวลาต้องกลับสถานีไปขึ้นรถต่อแล้ว พวกเราก็แบ่ง 3 ทีม Taxi 3 คันเหมือนเดิม บังเอิญเส้นทางกลับผ่าน First Beacon Tower พอดี ก็เลยได้ชมกันเฉพาะคันที่ผมอยู่ เพราะผมรู้คนเดียวในทีมว่ากองอิฐนี้คืออะไร
Bullet Train ก็ได้พาพวกเรามาถึง Dunhuang จนได้ รถมาถึง 3 ทุ่มกว่านะครับ หน้าสถานีจะมีรถเมล์มารอรับอยู่แล้ว คนละ 5Y ส่งถึงกลางเมืองเลย พวกเรามัวแต่ถ่ายรูปกับสถานีและขบวนรถจนเกือบจะไม่ทันรถเมล์ ซึ่งถ้าไม่ทันก็ใช้บริการ Taxi ได้ พอถึงที่พักก็มีปัญหานิดหน่อยคือ ที่พักเค้าจะเราไปนอนอีกโรงแรมหนึ่งแทน ผมก็ Email ไปแจ้ง Trip.com เลย กะว่าถ้าเค้าตอบกลับมาใน 1 ชม. ก็ OK แล้ว กลายเป็นภายใน 5 นาทีเค้าโทรหา Reception เคลียร์ให้เรียบร้อยใน 10 นาที ซึ่งถ้าเป็น Agoda หรือ Booking ทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ก็เลยจะบอกว่าถ้าจะจองที่พักในจีน ใช้ Trip.com ดีกว่านะครับ ราคาก็ดีกว่า แก้ปัญหาฉับไว
พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยว ถ้ำพุทธศิลป์ ม่อเกาคู และ ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว แห่งตุนหวง นะครับ Highlight ของทริปเลย

[Diy Project Seeker ©]

เยี่ยมเลยครับ ค่อยๆเล่าเรื่องมาเรื่อยๆครับ รออ่านทุกวันครับ 


ทริปของคุณ trens ถ้ามีที่ไหนประทับใจก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ 

[trens]

รูปสวย ข้อมูลชัดเจน เตรียมไว้ตามรอยคุณTubeครับ

อนึ่ง เมื่อ21-29ตค.2023ผมก็ไปตลุย มณฑลชานสี มา ตั้งแต่ทางเหนือที่เมืองต้าถุง จนมาสุดทางใต้ที่เมืองยุนเฉิง (บ้านเกิดกวนอู)

[Mr. Tube]

ถ้าผมยังโสดอยู่และหนุ่มกว่านี้สัก 15-20 ปี ผมไปแน่ครับ ทุกวันนี้อยากจะไปเที่ยวสัก 3-4 วันยังหาเวลาไปได้ยากเลยครับ 
แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตคงต้องหาโอกาศไปให้ได้ครับ 

ทริปนี้ คุณแม่ 72 ยังซ่าส์ของผมไปด้วยนะครับ ก่อนไป 3 วันเป็นไข้หวัดใหญ่ A ครับ วันไปยังซึมๆ อยู่ ไปหายดีที่โน่น 


จีนให้ฟรีวิซ่าคนไทย เริ่ม 1 มีนาคม นี้นะครับ สงกรานต์นี้เลยอาจจะมีทริปสั้น 3 โตรกแห่งแยงซีเกียง มาแทรก ก่อนทริปใหญ่เดือน 10 ครับ

[Mr. Tube]

รูปพวกนี้ไม่ เร่งสีเร่งวุ้น เลยนะครับ ถ่ายด้วย iPhone12 ครับ สีธรรมชาติแบบนี้จริงๆ แถมรูปรอรถเมล์ขากลับให้ด้วย ติดตามตอนต่อไป ป้อมปราการ เจียยู่กวน สุดกำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันตก ครับ

[Mr. Tube]

14 Oct
7 โมงครึ่ง พวกเรามีนัดกับ Bullet Train จาก Lanzhou West Station ไป Zhangye West Station เพื่อจะไปเที่ยว Zhangye Danxia Geopark หรือที่คนไทยเรียกว่า หุบเขาสายรุ้งแห่งจางเย่ ครับ เราหาข้อมูลมาแล้วว่า พอออกจากสถานีรถไฟ ด้านขวาจะเป็นสถานีรถบัส มีรถไปส่งที่ Park อย่างน้อยชั่วโมงละคัน เอาเข้าจริง มีเฉพาะ High Season เดือน 7-9 เท่านั้นครับ เรามาเดือน 10 ต้องต่อรถเข้าไปขนส่งในเมือง จะมีรถไปเมือง Sunan ชั่วโมงละคัน รถจะแวะไปส่งหน้า Park ให้ ก่อนลงรถ คนขับก็ย้ำดังๆ อีกหนว่า ขากลับให้มารอที่ป้ายนี้ก่อน 6 โมงเย็น ถ้าหลังจากนั้นก็เรียก Taxi ได้เลย ในที่สุดก็มาถึงหุบเขาสายรุ้งจนได้ หลังจากซื้อตั๋วผ่านด่านเข้าไปแล้ว ก็ขึ้นรถอุทยานไปตามเส้นทาง ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึง Platform1 ซึ่งรถก็จะให้คนลงและรับคนที่ชมเสร็จแล้วขึ้นไปส่งจุดต่อไป ทั้งหมด 5 Platform ครับ วนไปเรื่อยๆ



หุบเขาสายรุ้งนี้ ควรจะมาช่วงบ่ายนะครับ ทิศทางแสงจะเหมาะกว่าช่วงเช้าครับ อีกเรื่องที่เราคิดไม่ถึงคือ ทุกข้อมูลจะบอกตรงกันว่าเดือนสิงหาคม สวยที่สุด เพราะหลังฝนตก สีดินแต่ละชั้นจะชัดกว่าตอนแห้ง แต่ช่วงที่เราไป ก็สีชัดเหมือนกัน เพราะช่วงเดือนนี้ อากาศเริ่มเย็นและมีน้ำค้างจัดทุกคืนครับ ก็เหมือนฝนตกทุกวันนั่นแหล่ะ ดีกว่าเดือนสิงหาคมอีกที่ฝนตกประมาณ 7-10 วัน เท่านั้น และไม่ร้อนเหมือนเดือนสิงหาคม

พวกเราออกจากอุทยานมารอรถก่อนเวลานิดหน่อย พร้อมกับ 2 สาวจากฟินแลนด์ รถมาช้าพอให้ได้กังวล แต่เราก็ได้กลับเมืองจางเย่ตามแผน คนขับยังแนะนำให้พวกเราไปกินข้าวเย็นที่ กานโจวไนท์มาร์เก็ต (Ganzhou ชื่อเดิมของ Zhangye) ก่อนกลับที่พักด้วย ซึ่งพวกเราก็โดดงับทันที เทียบกับบ้านเราก็ตลาดโต้รุ่งครับ ของกินท้องถิ่นเยอะแยะ อิ่มท้องก็เรียก Taxi กลับที่พัก เป็นอันจบวันแรกครับ

เมืองจางเย่เป็นเมืองขนาดเล็ก ขนาดเมือง 3x3km เท่านั้น มีรถเมล์วิ่งทั่วเมืองแต่ไม่ถี่เท่าไหร่ คนที่นี่ใช้ Taxi กันครับ 2km แรก 5Y = 25 บาท วิ่งไปมา Meter แทบไม่ขึ้น ถ้าไปกันเป็นกลุ่มไม่ต้องรอรถเมล์นะครับ

[trens]

มารอตอนต่อไป 14 15 16 ตค. + ขอลงรุปด้วยครับ Mr.Tube