HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: atom27 ที่ 08 ธันวาคม, 2010, 01:10:31 pm
-
ไม่ทราบการต่อสายจาก reciever--->sub ระหว่างสาย sub ตัว Y ออกหนึ่งเข้าสอง กับต่อสายเส้นเดียว อย่างไหนดีกว่ากันครับ เสียงจะต่างกันอย่างไรครับ
-
ไม่ทราบการต่อสายจาก reciever--->sub ระหว่างสาย sub ตัว Y ออกหนึ่งเข้าสอง กับต่อสายเส้นเดียว อย่างไหนดีกว่ากันครับ เสียงจะต่างกันอย่างไรครับ
ขึ้นอยู่กับ Sub ด้วยครับว่ามีช่อง LFE หรือเปล่า ถ้ามีแนะนำให้เสียบแบบสายเดียวจาก AVR ไปยัง Sub เข้าช่อง LFE เลย
แต่ถ้า Sub ไม่มีช่อง LFE ก็ควรที่จะต่อแบบ Y ครับ
ปล. ช่อง LFE คือเป็นการไม่ผ่านวงจรตัดความถี่ของตัว Sub โดยให้ AVR เป็นตัวตัดมาให้เลย O0 ( ผมก็ต่อแบบนี้ครับ )
-
ไม่ทราบการต่อสายจาก reciever--->sub ระหว่างสาย sub ตัว Y ออกหนึ่งเข้าสอง กับต่อสายเส้นเดียว อย่างไหนดีกว่ากันครับ เสียงจะต่างกันอย่างไรครับ
ขึ้นอยู่กับ Sub ด้วยครับว่ามีช่อง LFE หรือเปล่า ถ้ามีแนะนำให้เสียบแบบสายเดียวจาก AVR ไปยัง Sub เข้าช่อง LFE เลย
แต่ถ้า Sub ไม่มีช่อง LFE ก็ควรที่จะต่อแบบ Y ครับ
ปล. ช่อง LFE คือเป็นการไม่ผ่านวงจรตัดความถี่ของตัว Sub โดยให้ AVR เป็นตัวตัดมาให้เลย O0 ( ผมก็ต่อแบบนี้ครับ )
ผมก็แนะนำตามนี้ครับ ต่อเข้า LFE ถึงจะเบากว่าต่อแบบ y แต่ เบสฟังสะอาดกว่า วัดด้วย Com ก็จะพบว่าฺBass จะเดินทางมาเร็วกว่าการต่อผ่านระบบ Cross ในตัว sub ครับ :secret
-
การต่อแบบ LFE Input ที่ Sub แล้วไปใช้จุดตัดความถี่ที่ AVR หรือ Pre/Processor
การต่อแบบนี้มันไม่สามารถกำหนดจุดตัดหรือปรับความดังได้อย่างละเอียด จุดตัดความถี่ใน AVR หรือ Pre/Processor มันหยาบ
การต่อแบบ LFE เท่ากับว่าเราเล่น Sub Woofer เป็น Passive ไม่ได้ใช้ X-Over ในตัวของ Sub ตัวนั้นๆเลย
การที่เราไปกำหนดจุดตัดใน AVR หรือ Pre/Processor ตามที่เราอยากได้นั้น มันไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับจุดตัดในตัว Sub Woofer เอง
เพราะเราสามารถกำหนดจุดตัดปรับความดังได้ละเอียดกว่าใน AVR หรือ Pre/Processor ครับ
ฉนั้นผมขอแนะนำให้ต่อแบบผ่าน X-Over ดีกว่า ฟันธง!...
ถ้าไม่เชื่อ ผมสามารถทำให้เห็นชัดๆได้เลยครับว่าระหว่างต่อแบบ LFE Input และ LR Input มันดีและด้อยอย่างไร
การปรับที่ถูกต้องจะได้มาซึ่ง ความสะอาด ความเร็ว พละกำลัง ความกลมกลืนกับลำโพงทุกตัว สามารถเคลื่อนย้ายไปตามตำแหน่งของลำโพง ตัวไหนๆก็ได้
เบสที่ดีไม่ใช่เสียงเบสที่แผ่ๆ แต่มันต้องจับตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เสียงเบสแผ่ๆนั่นมันไม่ใช่
การต่อแบบ LFE ไม่ต้องพิถีพิถันมาก กำหนดจุดตัดจากAVR หรือ Pre/Processor ได้เลยเร่งลดความดังเอาตามความชอบจากSub หรือAVR หรือ Pre/Processor จะเอาดังหรือเอาดีได้ตามต้องการ
การต่อแบบ LR In ต้องใช้ความสามรถในการปรับเสียงมากพอดูถึงจะได้มาซึ่งเสียงที่ดี...
ถ้าจุดตัดใน Sub ไม่ดีสู้ในAVR หรือ Pre/Processor ไม่ได้ Sub Woofer ก็ไม่หน้ามีจุดตัดมาให้นะ....ว่าไหมท่านๆ
แย้งเพื่อการพัฒนาทักษะการฟัง เพิ่มเติมความรู้ที่หลายคนไม่เคยทำและไม่เคยรู้มาก่อน
ทำดู แล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้าง
-
แล้วหลัการปรับแบบไม่ต่อ LFE นี่มีวิธีการปรับยังไงครับ เอาแบบปรับแบบเบื้องต้นก็ได้ครับ
จะได้ไปลองปรับดูก่อน ;D
ปล. ถ้าให้ปรับให้นี่มีค่าใช้จ่ายยังไงครับ ( หลังไมค์ก็ได้นะครับ ) อยากลองรีดพลังชุดที่มีก่อน O0
-
การต่อแบบ LFE Input ที่ Sub แล้วไปใช้จุดตัดความถี่ที่ AVR หรือ Pre/Processor
การต่อแบบนี้มันไม่สามารถกำหนดจุดตัดหรือปรับความดังได้อย่างละเอียด จุดตัดความถี่ใน AVR หรือ Pre/Processor มันหยาบ
การต่อแบบ LFE เท่ากับว่าเราเล่น Sub Woofer เป็น Passive ไม่ได้ใช้ X-Over ในตัวของ Sub ตัวนั้นๆเลย
การที่เราไปกำหนดจุดตัดใน AVR หรือ Pre/Processor ตามที่เราอยากได้นั้น มันไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับจุดตัดในตัว Sub Woofer เอง
เพราะเราสามารถกำหนดจุดตัดปรับความดังได้ละเอียดกว่าใน AVR หรือ Pre/Processor ครับ
ฉนั้นผมขอแนะนำให้ต่อแบบผ่าน X-Over ดีกว่า ฟันธง!...
ถ้าไม่เชื่อ ผมสามารถทำให้เห็นชัดๆได้เลยครับว่าระหว่างต่อแบบ LFE Input และ LR Input มันดีและด้อยอย่างไร
การปรับที่ถูกต้องจะได้มาซึ่ง ความสะอาด ความเร็ว พละกำลัง ความกลมกลืนกับลำโพงทุกตัว สามารถเคลื่อนย้ายไปตามตำแหน่งของลำโพง ตัวไหนๆก็ได้
เบสที่ดีไม่ใช่เสียงเบสที่แผ่ๆ แต่มันต้องจับตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เสียงเบสแผ่ๆนั่นมันไม่ใช่
การต่อแบบ LFE ไม่ต้องพิถีพิถันมาก กำหนดจุดตัดจากAVR หรือ Pre/Processor ได้เลยเร่งลดความดังเอาตามความชอบจากSub หรือAVR หรือ Pre/Processor จะเอาดังหรือเอาดีได้ตามต้องการ
การต่อแบบ LR In ต้องใช้ความสามรถในการปรับเสียงมากพอดูถึงจะได้มาซึ่งเสียงที่ดี...
ถ้าจุดตัดใน Sub ไม่ดีสู้ในAVR หรือ Pre/Processor ไม่ได้ Sub Woofer ก็ไม่หน้ามีจุดตัดมาให้นะ....ว่าไหมท่านๆ
แย้งเพื่อการพัฒนาทักษะการฟัง เพิ่มเติมความรู้ที่หลายคนไม่เคยทำและไม่เคยรู้มาก่อน
ทำดู แล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้าง
ตัว AVR ยังต้องกำหนดจุดตัดของ Subอีกไหมครับว่าเป็นเท่าไร ถ้าควรที่จะกำหนดควรให้มากกว่าแล้วมาปรับที่ Sub เอาหรือว่าเอาเท่ากันครับ
-
การต่อแบบ LFE Input ที่ Sub แล้วไปใช้จุดตัดความถี่ที่ AVR หรือ Pre/Processor
การต่อแบบนี้มันไม่สามารถกำหนดจุดตัดหรือปรับความดังได้อย่างละเอียด จุดตัดความถี่ใน AVR หรือ Pre/Processor มันหยาบ
การต่อแบบ LFE เท่ากับว่าเราเล่น Sub Woofer เป็น Passive ไม่ได้ใช้ X-Over ในตัวของ Sub ตัวนั้นๆเลย
การที่เราไปกำหนดจุดตัดใน AVR หรือ Pre/Processor ตามที่เราอยากได้นั้น มันไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับจุดตัดในตัว Sub Woofer เอง
เพราะเราสามารถกำหนดจุดตัดปรับความดังได้ละเอียดกว่าใน AVR หรือ Pre/Processor ครับ
ฉนั้นผมขอแนะนำให้ต่อแบบผ่าน X-Over ดีกว่า ฟันธง!...
ถ้าไม่เชื่อ ผมสามารถทำให้เห็นชัดๆได้เลยครับว่าระหว่างต่อแบบ LFE Input และ LR Input มันดีและด้อยอย่างไร
การปรับที่ถูกต้องจะได้มาซึ่ง ความสะอาด ความเร็ว พละกำลัง ความกลมกลืนกับลำโพงทุกตัว สามารถเคลื่อนย้ายไปตามตำแหน่งของลำโพง ตัวไหนๆก็ได้
เบสที่ดีไม่ใช่เสียงเบสที่แผ่ๆ แต่มันต้องจับตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เสียงเบสแผ่ๆนั่นมันไม่ใช่
การต่อแบบ LFE ไม่ต้องพิถีพิถันมาก กำหนดจุดตัดจากAVR หรือ Pre/Processor ได้เลยเร่งลดความดังเอาตามความชอบจากSub หรือAVR หรือ Pre/Processor จะเอาดังหรือเอาดีได้ตามต้องการ
การต่อแบบ LR In ต้องใช้ความสามรถในการปรับเสียงมากพอดูถึงจะได้มาซึ่งเสียงที่ดี...
ถ้าจุดตัดใน Sub ไม่ดีสู้ในAVR หรือ Pre/Processor ไม่ได้ Sub Woofer ก็ไม่หน้ามีจุดตัดมาให้นะ....ว่าไหมท่านๆ
แย้งเพื่อการพัฒนาทักษะการฟัง เพิ่มเติมความรู้ที่หลายคนไม่เคยทำและไม่เคยรู้มาก่อน
ทำดู แล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้าง
ตัว AVR ยังต้องกำหนดจุดตัดของ Subอีกไหมครับว่าเป็นเท่าไร ถ้าควรที่จะกำหนดควรให้มากกว่าแล้วมาปรับที่ Sub เอาหรือว่าเอาเท่ากันครับ
80Hz ครับ
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
-
ถามท่าน M.Lex บ้าง
ผมใช้ Sub Earthquake 15 นิ้วตัวเดียววางข้าง Center ยิงเฉียง ๆ Pre มี output subwoofer ให้ 2 ช่องแบบ balanced เวลาผมใช้สาย XLR สองเส้นต่อสองช่องไปเข้า L R ของซับ เสียงจะดังกว่าเสียบช่องเดียวแต่มีเสียงฮัม แต่ถ้าเสียบเส้นเดียวไม่มีเสียงฮัมไม่ว่าจะเร่ง vol แค่ไหนก็ไม่มี ท่านว่าเกิดจากอะไรครับ
ผมสามารถต่อสองเส้นโดยเส้นที่สองไม่เชื่อมขากราวน์ในขั้ว XLR จะได้ไหม เพราะรู้สึกว่าต่อสองเส้นเหมือนซับมันทำงานได้เต็มที่กว่า
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
คงไม่ถึงกับพังหรอกครับ จริงๆ 2 ช่องที่ท่านเสียบข้างในก็ จะต่อขนานกันอยู่ดี ที่ดังขึ้นเพราะ เราขนานสาย Ohm มันจะต่ำลงกว่าใช้ 1 เส้นครับ
แต่ OpAmp ก็ต้องทำงานมากขึ้นครับ เพราะกระแสไหลมากขึ้น
- ส่วนวิธีการ จะต่อ แบบ LFE ก็มีผมกับทาง IAV คุณ KO ใช้เป็นมาตราฐานของการปรับ Sub มาตลอด และเราก็เน้นไปที่ PASSIVE SUB ครับส่วนใหญ่ดีกว่าระบบ Active ที่มี Cross มาให้
- ส่วน Crossที่ให้มานั้นจุดประสงค์ ก็คงนำมาใช้กรณีสัญญาณมาเต็ม หรือ Full Band เพราะ ถ้าสัญญาณตัดมาแล้ว จะมาตัดอีก รอบ ทำไมกัน สัญญาณเดินสั้นที่สุดน่าดีที่สุดครับ และที่สงสัยจะให้ช่อง
- มี ช่อง LFE มาให้ทำไมกัน ถ้าไม่มีจุดประสงค์ให้ใช้ก็ไม่่ต้องทำมาสิครับ และใน AVR มันก็ใช้ สัญญาลักษณ์ คำว่า ช่อง LFE ใน menu ของเครื่องทุกเครื่อง ก็เรียกช่องนี้ว่า สัญญาณช่อง LFE out
แล้วเราไปต่อเข้า Sub ที่ LFE in ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะท่าน
http://en.wikipedia.org/wiki/Low-frequency_effect
LFE ย่อมาจาก The low-frequency effect (LFE) channel is the name of an audio track specifically intended for deep, low-pitched sounds ranging from 3-120 Hz
The LFE channel delivers bass-only information to supplement the overall bass content. The LFE channel content is not the same as the content of a subwoofer-out jack. The LFE channel is used to carry additional bass information in the Dolby Digital program, while the subwoofer output is bass information from up to all six channels that has been selected to be reproduced by a subwoofer, either by a simple crossover network, which filters out all but the low frequencies, or with a more sophisticated digital bass management system.
The bass management in surround sound replay systems is that bass content in the incoming signal, irrespective of channel, should be directed only to loudspeakers capable of handling it. The bass management system may direct bass to one or more subwoofers (if present) from any channel, not simply the content of the LFE. As such, it is incorrect to call the LFE the "subwoofer channel".
- การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก
ผมเป็นอีกหนึ่ง บริษัืทที่ ใช้ การปรับ เน้นการต่อแบบ LFE ไม่ได้หมายความว่า การต่อแบบ L R 2เส้นและใช้ Cross .ใน Sub ไม่ถูกต้องแต่ ต้องถือว่าเป้นคนละวิธีการทำซึ่งอาจให้ผลแตกต่างกัน
ไปใครเคยฟัง ทั้ง2 แบบก็ต้องคิดเอาเองว่าต้องการเสียง แบบไหนครับ
ไม่ฟันธงครับ เอาเป็นว่า อ่านแล้วเก็บไว้ไปเป็นข้อมูลแล้วกัน ครับ Web นี้มีหลายสำนักครับเยี่ยมยุทธ กันทั้งนั้นครับ
-
ขอถามท่าน M.Lex บ้างครับ
ผมใช้ Sub PASSIVE 12 นิ้ว 2 ตัววางหลัง FRONT ทั้ง 2 ตัวโทอินเข้าหาจุดนั่งฟัง ใ ปรีมี output subwoofer ให้ 2 ช่องแบบ balanced 2ช่อง และ RCA 2ช่อง
เวลานี้ผมใช้สาย XLR เส้นเดียวต่อต่อจากปรีช่อง SUB 1 เข้าช่อง PARARELL ( ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่าครับ )ของแอมป์ขับซับ
คำถามคือ ต่อแบบนี้ดีแล้ว หรือ ต่อออกจากปรี 2 เส้นจาก SUB1 และ SUB2 เข้าช่อง mono ของแอมป์ขับซับแต่ละข้าง
แบบไหนดีกว่ากันครับ และแบบนี้จำเป็นต้องใช้สายสัญญาณแบบเดียวกันไหมครับ
แล้วช่วยแนะนำสายลำโพงที่ใช้กับซับแบบเด็ดๆด้วยครับ
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
ตัวผมนะครับ ยังไม่เคยเจอเรื่อง Sub จากการต่อแบบ LR Inputแล้วเสียหายครับ แต่ใครเคยต่อแล้วเสียอันนี้ไม่ผมรู้ครับ
ถ้าเสียง่าย ทุกบริษัทก็ไม่หน้าทำออกมานะ จริงไหมท่าน
-
ถามท่าน M.Lex บ้าง
ผมใช้ Sub Earthquake 15 นิ้วตัวเดียววางข้าง Center ยิงเฉียง ๆ Pre มี output subwoofer ให้ 2 ช่องแบบ balanced เวลาผมใช้สาย XLR สองเส้นต่อสองช่องไปเข้า L R ของซับ เสียงจะดังกว่าเสียบช่องเดียวแต่มีเสียงฮัม แต่ถ้าเสียบเส้นเดียวไม่มีเสียงฮัมไม่ว่าจะเร่ง vol แค่ไหนก็ไม่มี ท่านว่าเกิดจากอะไรครับ
ผมสามารถต่อสองเส้นโดยเส้นที่สองไม่เชื่อมขากราวน์ในขั้ว XLR จะได้ไหม เพราะรู้สึกว่าต่อสองเส้นเหมือนซับมันทำงานได้เต็มที่กว่า
สวัดดีครับคุณหมอ
การวางา Sub Woofer ตัวเดียวที่ดีที่สุดคือ วางให้อยู่ตรงกลางระหว่างลำโพงซ้ายขวาให้ได้มากที่สุดนั่นคือดีที่สุด
ที่คุณหมอเสียบสายสัญญาณสองเส้นแล้วมีเสียงฮัม ให้คุณหมอลองถอดสายต่อเข้าพร้อมกันอีกที แล้วดึงออกหนึ่งข้างถ้าหายให้ต่อเข้าไปเหมือนเดิม
แล้วดึงออกอีกเส้นออกถ้าไม่มีเสียงฮัม ต่อกลับ ลอยกราวด์ไฟของ Sub Woofer ดูครับคุณหมอ
Sub Woofer Earthquake ต้องต่อแบบเข้า LR ครับถึงจะดีครับ ผมแนะนำคุณหมอเพิ่มครับ ให้คุณหมอใช้ Y Balanced MIT ต่อที่ Sub Woofer ดีกว่าครับ
แบบนี้ดีที่สุดครับ ไปยืมที่ Image ก็ได้ครับ
เสียงฮัมไม่เกิดจากสายก็หน้าจะเกิดจาก ground Loop ครับ
อีกวีธีเช็คเสียงฮัม เอาสาย Balanced คูใหม่มาต่อดูครับ
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
-
ขอถามท่าน M.Lex บ้างครับ
ผมใช้ Sub PASSIVE 12 นิ้ว 2 ตัววางหลัง FRONT ทั้ง 2 ตัวโทอินเข้าหาจุดนั่งฟัง ใ ปรีมี output subwoofer ให้ 2 ช่องแบบ balanced 2ช่อง และ RCA 2ช่อง
เวลานี้ผมใช้สาย XLR เส้นเดียวต่อต่อจากปรีช่อง SUB 1 เข้าช่อง PARARELL ( ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่าครับ )ของแอมป์ขับซับ
คำถามคือ ต่อแบบนี้ดีแล้ว หรือ ต่อออกจากปรี 2 เส้นจาก SUB1 และ SUB2 เข้าช่อง mono ของแอมป์ขับซับแต่ละข้าง
แบบไหนดีกว่ากันครับ และแบบนี้จำเป็นต้องใช้สายสัญญาณแบบเดียวกันไหมครับ
แล้วช่วยแนะนำสายลำโพงที่ใช้กับซับแบบเด็ดๆด้วยครับ
ต่อออกจากปรี 2 เส้นจาก SUB1 และ SUB2 เข้าช่อง mono ของแอมป์ขับซับแต่ละข้างแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นแน่นอน
สายสัญญาณต้องยี่ห้อเดียวกันและต้องความยาวเท่ากันด้วยครับ ลงทุนขนาดนี้แล้วต้องเลือกให้ดีไปเลย
สายลำโพงที่ใช้กับ Sub Wooferของคุณเอก Highly recommend Transparent เท่านั้นครับ รุ่นอะไรจำไม่ได้ เมตรนึงประมาณ 2,000ครับ
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
ใช่ครับคุณหมอY ที่ปลายทาง แนะนำ MIT นะครับรุ่นนี้ครับ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Shotgun_Y_Connec_488a3fd3052ff.jpg)
-
อืมม สวยเจ๋งดี เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะไปดูสิ ไม่รู้มีของอยู่หรือเปล่า
Thanks a lot ท่าน M.Lex
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
คงไม่ถึงกับพังหรอกครับ จริงๆ 2 ช่องที่ท่านเสียบข้างในก็ จะต่อขนานกันอยู่ดี ที่ดังขึ้นเพราะ เราขนานสาย Ohm มันจะต่ำลงกว่าใช้ 1 เส้นครับ
แต่ OpAmp ก็ต้องทำงานมากขึ้นครับ เพราะกระแสไหลมากขึ้น
- ส่วนวิธีการ จะต่อ แบบ LFE ก็มีผมกับทาง IAV คุณ KO ใช้เป็นมาตราฐานของการปรับ Sub มาตลอด และเราก็เน้นไปที่ PASSIVE SUB ครับส่วนใหญ่ดีกว่าระบบ Active ที่มี Cross มาให้
- ส่วน Crossที่ให้มานั้นจุดประสงค์ ก็คงนำมาใช้กรณีสัญญาณมาเต็ม หรือ Full Band เพราะ ถ้าสัญญาณตัดมาแล้ว จะมาตัดอีก รอบ ทำไมกัน สัญญาณเดินสั้นที่สุดน่าดีที่สุดครับ และที่สงสัยจะให้ช่อง
- มี ช่อง LFE มาให้ทำไมกัน ถ้าไม่มีจุดประสงค์ให้ใช้ก็ไม่่ต้องทำมาสิครับ และใน AVR มันก็ใช้ สัญญาลักษณ์ คำว่า ช่อง LFE ใน menu ของเครื่องทุกเครื่อง ก็เรียกช่องนี้ว่า สัญญาณช่อง LFE out
แล้วเราไปต่อเข้า Sub ที่ LFE in ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะท่าน
http://en.wikipedia.org/wiki/Low-frequency_effect
LFE ย่อมาจาก The low-frequency effect (LFE) channel is the name of an audio track specifically intended for deep, low-pitched sounds ranging from 3-120 Hz
The LFE channel delivers bass-only information to supplement the overall bass content. The LFE channel content is not the same as the content of a subwoofer-out jack. The LFE channel is used to carry additional bass information in the Dolby Digital program, while the subwoofer output is bass information from up to all six channels that has been selected to be reproduced by a subwoofer, either by a simple crossover network, which filters out all but the low frequencies, or with a more sophisticated digital bass management system.
The bass management in surround sound replay systems is that bass content in the incoming signal, irrespective of channel, should be directed only to loudspeakers capable of handling it. The bass management system may direct bass to one or more subwoofers (if present) from any channel, not simply the content of the LFE. As such, it is incorrect to call the LFE the "subwoofer channel".
- การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก
ผมเป็นอีกหนึ่ง บริษัืทที่ ใช้ การปรับ เน้นการต่อแบบ LFE ไม่ได้หมายความว่า การต่อแบบ L R 2เส้นและใช้ Cross .ใน Sub ไม่ถูกต้องแต่ ต้องถือว่าเป้นคนละวิธีการทำซึ่งอาจให้ผลแตกต่างกัน
ไปใครเคยฟัง ทั้ง2 แบบก็ต้องคิดเอาเองว่าต้องการเสียง แบบไหนครับ
ไม่ฟันธงครับ เอาเป็นว่า อ่านแล้วเก็บไว้ไปเป็นข้อมูลแล้วกัน ครับ Web นี้มีหลายสำนักครับเยี่ยมยุทธ กันทั้งนั้นครับ
"การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก"
อื่ม...เห็นทีต้องบอกเพื่อนผมที่เล่น Passive Sup Woofer กัน ว่าไม่ต้องใช้ DSPแล้ว เพราะมันซ้ำซ้อนอย่างที่คุณกัมปนาทบอกมา เพราะว่าเจ้าเครื่อง DSP มีทั้ง X-Over และ Time Delay
มันซ้ำกันกับในตัวเครื่อง Pre/pro หรือ AVR ทั้งสองอย่างเลย
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
ตัวผมนะครับ ยังไม่เคยเจอเรื่อง Sub จากการต่อแบบ LR Inputแล้วเสียหายครับ แต่ใครเคยต่อแล้วเสียอันนี้ไม่ผมรู้ครับ
ถ้าเสียง่าย ทุกบริษัทก็ไม่หน้าทำออกมานะ จริงไหมท่าน
Sub จะไม่เสียอะท่านเล็ก แต่ภาคจ่ายไฟของ Amp จะเสียหายแทนเนื่องจากต้องขับ Sub 2 ตัว
เลยกลัวๆ อยู่ครับ
ถ้าวาง sub ซ้าย ขวา ข้าง center แต่คนละยี่ห้อนี่ก็ปรับจุดตัดที่ 80 ใช่ไหมครับ
set sub ตัวนึงให้ได้ก่อนโดยการ เลือก phase ที่ตัวแรกให้ดีที่สุด
แล้วค่อยปรับแบบเดียวกันกับตัวที่ 2 ใช่ไหมครับ :D
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
ใช่ครับคุณหมอY ที่ปลายทาง แนะนำ MIT นะครับรุ่นนี้ครับ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Shotgun_Y_Connec_488a3fd3052ff.jpg)
แล้วถ้าเป็น RCA หล่ะครับ แนะนำตัวไหนครับ :headphone
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
ตัวผมนะครับ ยังไม่เคยเจอเรื่อง Sub จากการต่อแบบ LR Inputแล้วเสียหายครับ แต่ใครเคยต่อแล้วเสียอันนี้ไม่ผมรู้ครับ
ถ้าเสียง่าย ทุกบริษัทก็ไม่หน้าทำออกมานะ จริงไหมท่าน
Sub จะไม่เสียอะท่านเล็ก แต่ภาคจ่ายไฟของ Amp จะเสียหายแทนเนื่องจากต้องขับ Sub 2 ตัว
เลยกลัวๆ อยู่ครับ
ถ้าวาง sub ซ้าย ขวา ข้าง center แต่คนละยี่ห้อนี่ก็ปรับจุดตัดที่ 80 ใช่ไหมครับ
set sub ตัวนึงให้ได้ก่อนโดยการ เลือก phase ที่ตัวแรกให้ดีที่สุด
แล้วค่อยปรับแบบเดียวกันกับตัวที่ 2 ใช่ไหมครับ :D
ปรับจุดตัดให้สอดคล้องกับลำโพงหน้าเป็นหลัก อย่าไปยึดมั่นในตัวเลขจนเกินไป
แล้วถ้าจะปรับที่65Hzได้ไหม... เอาให้ได้เสียงเบส กลม เกลี้ยง ควบแน่น เสียงรวมตัวกับลำโพงทุกตัวได้ดีนั่นแหละ
ขอโทษครับอ่านคำถามแล้วงงๆอยู่ เลยตอบแบบนั้น เลือก Phase เลือกให้เข้ากับลำโพงหลัก
80Hz...ของ Sub แต่ละตัวให้เสียง 80Hz ไม่เหมือนกัน ลองทำดู
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
ใช่ครับคุณหมอY ที่ปลายทาง แนะนำ MIT นะครับรุ่นนี้ครับ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Shotgun_Y_Connec_488a3fd3052ff.jpg)
แล้วถ้าเป็น RCA หล่ะครับ แนะนำตัวไหนครับ :headphone
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
ตัวผมนะครับ ยังไม่เคยเจอเรื่อง Sub จากการต่อแบบ LR Inputแล้วเสียหายครับ แต่ใครเคยต่อแล้วเสียอันนี้ไม่ผมรู้ครับ
ถ้าเสียง่าย ทุกบริษัทก็ไม่หน้าทำออกมานะ จริงไหมท่าน
Sub จะไม่เสียอะท่านเล็ก แต่ภาคจ่ายไฟของ Amp จะเสียหายแทนเนื่องจากต้องขับ Sub 2 ตัว
เลยกลัวๆ อยู่ครับ
ถ้าวาง sub ซ้าย ขวา ข้าง center แต่คนละยี่ห้อนี่ก็ปรับจุดตัดที่ 80 ใช่ไหมครับ
set sub ตัวนึงให้ได้ก่อนโดยการ เลือก phase ที่ตัวแรกให้ดีที่สุด
แล้วค่อยปรับแบบเดียวกันกับตัวที่ 2 ใช่ไหมครับ :D
ปรับจุดตัดให้สอดคล้องกับลำโพงหน้าเป็นหลัก อย่าไปยึดมั่นในตัวเลขจนเกินไป
แล้วถ้าจะปรับที่65Hzได้ไหม... เอาให้ได้เสียงเบส กลม เกลี้ยง ควบแน่น เสียงรวมตัวกับลำโพงทุกตัวได้ดีนั่นแหละ
ขอโทษครับอ่านคำถามแล้วงงๆอยู่ เลยตอบแบบนั้น เลือก Phase เลือกให้เข้ากับลำโพงหลัก
80Hz...ของ Sub แต่ละตัวให้เสียง 80Hz ไม่เหมือนกัน ลองทำดู
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ถ้า sub ของ velodyne มีให้ปรับ phase แค่ 0 กับ 180 ก็ต้องลองดูใช่ไหมครับว่าอันไหนดีที่สุด
เพราะมี sub 2 ตัว เป็น kliph RW-10 1 ตัว Velodyne SPL8 อีกตัว
คงมีโอกาศไปปรับจูนสิ้นปีครับ
-
คุณ M.lex ถ้าผมใช้วิธีต่อจาก pre-out จาก front L/R 2 เส้นเข้า SUB-Woofer L/R แทน แล้วเลือกค่า subwoofer NO จะดีกว่า ต่อจาก ช่อง subwoofer pre- out โดยใช้ Y- connector เข้า L/R ของ subwoofer หรือเปล่า ครับ เพราะคู่หน้าผม มี woofer 8 นิ้ว ให้เบสเยอะเหมือนกันครับ เบส มันจะมากเกินไปหรือเปล่าครับ
-
คุณ M.lex ถ้าผมใช้วิธีต่อจาก pre-out จาก front L/R 2 เส้นเข้า SUB-Woofer L/R แทน แล้วเลือกค่า subwoofer NO จะดีกว่า ต่อจาก ช่อง subwoofer pre- out โดยใช้ Y- connector เข้า L/R ของ subwoofer หรือเปล่า ครับ เพราะคู่หน้าผม มี woofer 8 นิ้ว ให้เบสเยอะเหมือนกันครับ เบส มันจะมากเกินไปหรือเปล่าครับ
ไม่ดีครับ ออกจาก Sub Out ดีกว่าครับ เพราะการบันทึกเสียงความถี่ต่ำ.1มันแยกออกมาอย่างอิสระครับ การเล่นแบบ.0คือการเล่นในแบบ HT ยุค Prologic ที่ไม่ได้บันทึกเสียงความถี่แยกอิสระครับ
Sub Woofer มีไว้เสริมความถี่ต่ำให้สมบูรณ์ ไม่ใช่ให้เสียงดังๆ
จะต่ำแบบไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณภาพ Sub Woofer
อย่าอยากได้เบสเยอะครับ แต่จงอยากได้เสียงเบสที่ดีมากกว่าครับ
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
ตัวผมนะครับ ยังไม่เคยเจอเรื่อง Sub จากการต่อแบบ LR Inputแล้วเสียหายครับ แต่ใครเคยต่อแล้วเสียอันนี้ไม่ผมรู้ครับ
ถ้าเสียง่าย ทุกบริษัทก็ไม่หน้าทำออกมานะ จริงไหมท่าน
Sub จะไม่เสียอะท่านเล็ก แต่ภาคจ่ายไฟของ Amp จะเสียหายแทนเนื่องจากต้องขับ Sub 2 ตัว
เลยกลัวๆ อยู่ครับ
ถ้าวาง sub ซ้าย ขวา ข้าง center แต่คนละยี่ห้อนี่ก็ปรับจุดตัดที่ 80 ใช่ไหมครับ
set sub ตัวนึงให้ได้ก่อนโดยการ เลือก phase ที่ตัวแรกให้ดีที่สุด
แล้วค่อยปรับแบบเดียวกันกับตัวที่ 2 ใช่ไหมครับ :D
ปรับจุดตัดให้สอดคล้องกับลำโพงหน้าเป็นหลัก อย่าไปยึดมั่นในตัวเลขจนเกินไป
แล้วถ้าจะปรับที่65Hzได้ไหม... เอาให้ได้เสียงเบส กลม เกลี้ยง ควบแน่น เสียงรวมตัวกับลำโพงทุกตัวได้ดีนั่นแหละ
ขอโทษครับอ่านคำถามแล้วงงๆอยู่ เลยตอบแบบนั้น เลือก Phase เลือกให้เข้ากับลำโพงหลัก
80Hz...ของ Sub แต่ละตัวให้เสียง 80Hz ไม่เหมือนกัน ลองทำดู
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ถ้า sub ของ velodyne มีให้ปรับ phase แค่ 0 กับ 180 ก็ต้องลองดูใช่ไหมครับว่าอันไหนดีที่สุด
เพราะมี sub 2 ตัว เป็น kliph RW-10 1 ตัว Velodyne SPL8 อีกตัว
คงมีโอกาศไปปรับจูนสิ้นปีครับ
Phase ถูกเบสแรงมีปริมาณมาก มีกำลังและพลัง Phase ผิดเบสหดหาย Phaseฟังแค่นี้ครับ
-
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
[/quote]
ตัวนี้ใช้แทน Y adapter ได้ไหมครับ เสียบเข้าที่ตูด sub โดยสายที่มาจาก AVR มา 1 เส้น
-
สอยมาเรียบร้อยแล้ววันนี้ครับ ราคาค่อนข้างสูงแต่คุ้มมาก ขอบคุณท่านเล็กอีกครั้งที่แนะนำให้เสียตังค์ อิ อิ จำได้แล้วว่าคราวที่แล้วเล่นยังไง คราวที่แล้วใช้สายหนึ่งออกสองที่ทำเองซื้อมือสองมาแล้วลองต่อดูใช้สาย interconnect สองเส้นเลย หนึ่งออกจากปรีซับเอ้าท์มาเป็นสองแล้วต่อสองเส้นเข้า L R ของซับ ฮัมแหลกใช้ไม่ได้เลยต่อช่องเดียวมาตลอดทั้งที่รู้เหมือนกันว่าต่อสองช่องดีกว่าแน่ ๆ เพราะถึงแม้ฮัมก็ฟังออกว่าดีกว่า แต่ก็ไไม่ได้ขยับมาเป็นปี งวดนี้ตอนแรกก็ไม่แน่ใจกลัวฮัมอีกแต่เอามาต่อเรียบร้อยไม่มีฮัม ปรับลดความดังอีกนิดหน่อยให้พอดี เสียงเบสแน่น ลึก เนื้อเต็มกว่าเดิม สรุปว่าคุ้มกับสตางค์ที่เสียไปครับ คุณภาพเบสดีขึ้นเสียงจากแชนแนลอื่นก็ได้ส่วนบุญไปกันด้วย ฟังสนุกขึ้นอีกมากพอควรเลย ใครยังต่อช่องเดียวอยู่ลองพิจารณาดูนะครับ Y-cables แบบ RCA ของ MIT ก็มีนะจะต่อง่ายเพราะมันเป็นสายยาว ๆ ไม่ fix เหมือนของ Viablue ที่ท่านเล็กโพสท์รูป ผมเคยใช้สมัยยังต่อด้วย RCA อยู่ตอนนี้ไปนอนในถังนานแล้ว
-
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
ตัวนี้ใช้แทน Y adapter ได้ไหมครับ เสียบเข้าที่ตูด sub โดยสายที่มาจาก AVR มา 1 เส้น
[/quote]ได้ครับถ้ามันใส่ได้นะ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Audio_Y_Connecto_4888ea3e0ae2e.jpg)
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
คงไม่ถึงกับพังหรอกครับ จริงๆ 2 ช่องที่ท่านเสียบข้างในก็ จะต่อขนานกันอยู่ดี ที่ดังขึ้นเพราะ เราขนานสาย Ohm มันจะต่ำลงกว่าใช้ 1 เส้นครับ
แต่ OpAmp ก็ต้องทำงานมากขึ้นครับ เพราะกระแสไหลมากขึ้น
- ส่วนวิธีการ จะต่อ แบบ LFE ก็มีผมกับทาง IAV คุณ KO ใช้เป็นมาตราฐานของการปรับ Sub มาตลอด และเราก็เน้นไปที่ PASSIVE SUB ครับส่วนใหญ่ดีกว่าระบบ Active ที่มี Cross มาให้
- ส่วน Crossที่ให้มานั้นจุดประสงค์ ก็คงนำมาใช้กรณีสัญญาณมาเต็ม หรือ Full Band เพราะ ถ้าสัญญาณตัดมาแล้ว จะมาตัดอีก รอบ ทำไมกัน สัญญาณเดินสั้นที่สุดน่าดีที่สุดครับ และที่สงสัยจะให้ช่อง
- มี ช่อง LFE มาให้ทำไมกัน ถ้าไม่มีจุดประสงค์ให้ใช้ก็ไม่่ต้องทำมาสิครับ และใน AVR มันก็ใช้ สัญญาลักษณ์ คำว่า ช่อง LFE ใน menu ของเครื่องทุกเครื่อง ก็เรียกช่องนี้ว่า สัญญาณช่อง LFE out
แล้วเราไปต่อเข้า Sub ที่ LFE in ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะท่าน
http://en.wikipedia.org/wiki/Low-frequency_effect
LFE ย่อมาจาก The low-frequency effect (LFE) channel is the name of an audio track specifically intended for deep, low-pitched sounds ranging from 3-120 Hz
The LFE channel delivers bass-only information to supplement the overall bass content. The LFE channel content is not the same as the content of a subwoofer-out jack. The LFE channel is used to carry additional bass information in the Dolby Digital program, while the subwoofer output is bass information from up to all six channels that has been selected to be reproduced by a subwoofer, either by a simple crossover network, which filters out all but the low frequencies, or with a more sophisticated digital bass management system.
The bass management in surround sound replay systems is that bass content in the incoming signal, irrespective of channel, should be directed only to loudspeakers capable of handling it. The bass management system may direct bass to one or more subwoofers (if present) from any channel, not simply the content of the LFE. As such, it is incorrect to call the LFE the "subwoofer channel".
- การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก
ผมเป็นอีกหนึ่ง บริษัืทที่ ใช้ การปรับ เน้นการต่อแบบ LFE ไม่ได้หมายความว่า การต่อแบบ L R 2เส้นและใช้ Cross .ใน Sub ไม่ถูกต้องแต่ ต้องถือว่าเป้นคนละวิธีการทำซึ่งอาจให้ผลแตกต่างกัน
ไปใครเคยฟัง ทั้ง2 แบบก็ต้องคิดเอาเองว่าต้องการเสียง แบบไหนครับ
ไม่ฟันธงครับ เอาเป็นว่า อ่านแล้วเก็บไว้ไปเป็นข้อมูลแล้วกัน ครับ Web นี้มีหลายสำนักครับเยี่ยมยุทธ กันทั้งนั้นครับ
"การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก"
อื่ม...เห็นทีต้องบอกเพื่อนผมที่เล่น Passive Sup Woofer กัน ว่าไม่ต้องใช้ DSPแล้ว เพราะมันซ้ำซ้อนอย่างที่คุณกัมปนาทบอกมา เพราะว่าเจ้าเครื่อง DSP มีทั้ง X-Over และ Time Delay
มันซ้ำกันกับในตัวเครื่อง Pre/pro หรือ AVR ทั้งสองอย่างเลย
Passive Sup Woofer ไม่จำเป็นต้องใช้ DSP นะครับ ถ้าใช้ตัวเดียว หรือ ใช้หลายตัววางจุดเดียวกัน วัดแล้ว Time Delay ไม่แตกต่างกัน ก็ไม่ต้องใช้ครับ
ตัวอย่าง ที่บ้านผมก็ไม่ได้ใช้ DSP ถึงจะใช้ Sub 2 ตัวก็ตาม เพราะตำแหน่ง Sub Woofer Passive ทั้ง 2 ตัว อยู่ด้านหน้าชิดกัน จึงไม่จำเป็น ต้องใช้ DSP ครับ
AVR รุ่นใหม่ จะมี sub out 2 ตัว แถมมีตัวปรับแยก Time Delay มี EQ ปรับ sub และ แยก จุดตัด Crossได้ อีกด้วย (กรณีใช้ Sub คนละขนาด) ความต้องใช้ DSP จึงหมดไปครับ
ผมจะใช้ DSP ก็ต่อเมื่อ ใช้ Sub Woofer หลาย ตัววางอยู่ในตำแหน่งที่ แตกต่างกันมากๆ set Time Delay ไม่ลงก็ต้องใช้มันครับ
-
ถามเรื่องต่อสายอีกทีครับ พอดีไปอ่านของคุณโก้ IAV บอกว่าถ้า AMP มีช่องต่อ Sub ตัวเดียว
แนะนำให้ต่อที่ Sub แค่ช่องเดียว ไม่ควรต่อ 2 ช่องเนื่องจากอาจจะดึงกำลังจนภาคจ่ายไฟของ Sub เสียหาย
ไม่ทราบว่าเป็นไปได้ไหมครับ :D
คงไม่ถึงกับพังหรอกครับ จริงๆ 2 ช่องที่ท่านเสียบข้างในก็ จะต่อขนานกันอยู่ดี ที่ดังขึ้นเพราะ เราขนานสาย Ohm มันจะต่ำลงกว่าใช้ 1 เส้นครับ
แต่ OpAmp ก็ต้องทำงานมากขึ้นครับ เพราะกระแสไหลมากขึ้น
- ส่วนวิธีการ จะต่อ แบบ LFE ก็มีผมกับทาง IAV คุณ KO ใช้เป็นมาตราฐานของการปรับ Sub มาตลอด และเราก็เน้นไปที่ PASSIVE SUB ครับส่วนใหญ่ดีกว่าระบบ Active ที่มี Cross มาให้
- ส่วน Crossที่ให้มานั้นจุดประสงค์ ก็คงนำมาใช้กรณีสัญญาณมาเต็ม หรือ Full Band เพราะ ถ้าสัญญาณตัดมาแล้ว จะมาตัดอีก รอบ ทำไมกัน สัญญาณเดินสั้นที่สุดน่าดีที่สุดครับ และที่สงสัยจะให้ช่อง
- มี ช่อง LFE มาให้ทำไมกัน ถ้าไม่มีจุดประสงค์ให้ใช้ก็ไม่่ต้องทำมาสิครับ และใน AVR มันก็ใช้ สัญญาลักษณ์ คำว่า ช่อง LFE ใน menu ของเครื่องทุกเครื่อง ก็เรียกช่องนี้ว่า สัญญาณช่อง LFE out
แล้วเราไปต่อเข้า Sub ที่ LFE in ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะท่าน
http://en.wikipedia.org/wiki/Low-frequency_effect
LFE ย่อมาจาก The low-frequency effect (LFE) channel is the name of an audio track specifically intended for deep, low-pitched sounds ranging from 3-120 Hz
The LFE channel delivers bass-only information to supplement the overall bass content. The LFE channel content is not the same as the content of a subwoofer-out jack. The LFE channel is used to carry additional bass information in the Dolby Digital program, while the subwoofer output is bass information from up to all six channels that has been selected to be reproduced by a subwoofer, either by a simple crossover network, which filters out all but the low frequencies, or with a more sophisticated digital bass management system.
The bass management in surround sound replay systems is that bass content in the incoming signal, irrespective of channel, should be directed only to loudspeakers capable of handling it. The bass management system may direct bass to one or more subwoofers (if present) from any channel, not simply the content of the LFE. As such, it is incorrect to call the LFE the "subwoofer channel".
- การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก
ผมเป็นอีกหนึ่ง บริษัืทที่ ใช้ การปรับ เน้นการต่อแบบ LFE ไม่ได้หมายความว่า การต่อแบบ L R 2เส้นและใช้ Cross .ใน Sub ไม่ถูกต้องแต่ ต้องถือว่าเป้นคนละวิธีการทำซึ่งอาจให้ผลแตกต่างกัน
ไปใครเคยฟัง ทั้ง2 แบบก็ต้องคิดเอาเองว่าต้องการเสียง แบบไหนครับ
ไม่ฟันธงครับ เอาเป็นว่า อ่านแล้วเก็บไว้ไปเป็นข้อมูลแล้วกัน ครับ Web นี้มีหลายสำนักครับเยี่ยมยุทธ กันทั้งนั้นครับ
"การตัด Cross 2 ครั้ง มีแต่จะจะทำให้ สัญญาณยิ่งเลื่อนออกไป เพราะไปเสียงเวลาใน Cross ของ Sub อีกรอบทำให้ จุดตัด และ Time Delay จะยิ่งเลื่อนออกไปไม่ตรงกับคู่หน้าครับ
ทำให้การปรับ ยิ่งต้องใช้ เวลาในการทำมากขึ้น ยากขึ้นด้วย หรือ ความพยายามหาจุดต่อเชื่อมยากขึ้นไปอีก"
อื่ม...เห็นทีต้องบอกเพื่อนผมที่เล่น Passive Sup Woofer กัน ว่าไม่ต้องใช้ DSPแล้ว เพราะมันซ้ำซ้อนอย่างที่คุณกัมปนาทบอกมา เพราะว่าเจ้าเครื่อง DSP มีทั้ง X-Over และ Time Delay
มันซ้ำกันกับในตัวเครื่อง Pre/pro หรือ AVR ทั้งสองอย่างเลย
Passive Sup Woofer ไม่จำเป็นต้องใช้ DSP นะครับ ถ้าใช้ตัวเดียว หรือ ใช้หลายตัววางจุดเดียวกัน วัดแล้ว Time Delay ไม่แตกต่างกัน ก็ไม่ต้องใช้ครับ
ตัวอย่าง ที่บ้านผมก็ไม่ได้ใช้ DSP ถึงจะใช้ Sub 2 ตัวก็ตาม เพราะตำแหน่ง Sub Woofer Passive ทั้ง 2 ตัว อยู่ด้านหน้าชิดกัน จึงไม่จำเป็น ต้องใช้ DSP ครับ
AVR รุ่นใหม่ จะมี sub out 2 ตัว แถมมีตัวปรับแยก Time Delay มี EQ ปรับ sub และ แยก จุดตัด Crossได้ อีกด้วย (กรณีใช้ Sub คนละขนาด) ความต้องใช้ DSP จึงหมดไปครับ
ผมจะใช้ DSP ก็ต่อเมื่อ ใช้ Sub Woofer หลาย ตัววางอยู่ในตำแหน่งที่ แตกต่างกันมากๆ set Time Delay ไม่ลงก็ต้องใช้มันครับ
อื่ม...ครับ
-
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
ตัวนี้ใช้แทน Y adapter ได้ไหมครับ เสียบเข้าที่ตูด sub โดยสายที่มาจาก AVR มา 1 เส้น
ได้ครับถ้ามันใส่ได้นะ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Audio_Y_Connecto_4888ea3e0ae2e.jpg)
[/quote]
คุณ M.lex ครับ Y ที่เห็นในรูปนั่นของอะไรครับ หาได้ที่ไหน หรือใช้ของอะไรก็ได้ครับ
-
จากรูปน่าจะเป็นยี่ห้อ MIT นะครับ ตัวแทนคือ Image อยู่ชั้น 3 โซโก
-
ตามที่คุณหมอบอกเลยครับ
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
ใช่ครับคุณหมอY ที่ปลายทาง แนะนำ MIT นะครับรุ่นนี้ครับ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Shotgun_Y_Connec_488a3fd3052ff.jpg)
แล้วถ้าเป็น RCA หล่ะครับ แนะนำตัวไหนครับ :headphone
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
เห็นของยี่ห้อนี่มีแบบตรงตัวสีดำ กับตรงตัวเป็นสีทอง ราคาไม่เท่ากัน
พี่เล็กเคยลองทั้ง 2 ตัวไหมครับ ว่าตัวไหนดีกว่า หรือไม่ต่างกัน
-
เอ ไปดูอีกทีเราจำผิดนี่นา pre มี subout แค่ช่องเดียว ตอนนั้นต่อยังไงหว่า สงสัยไปใส่ Y ให้ subout ออกเป็นสองแล้วใช้สองเส้นแหงเลย แสดงว่าต้องใช้ Y ที่ปลายทางหรือยังไงใช่ไหมท่านเล็ก
ใช่ครับคุณหมอY ที่ปลายทาง แนะนำ MIT นะครับรุ่นนี้ครับ
(http://ww2.mitcables.com/components/com_virtuemart/shop_image/product/Shotgun_Y_Connec_488a3fd3052ff.jpg)
แล้วถ้าเป็น RCA หล่ะครับ แนะนำตัวไหนครับ :headphone
ตัวนี้ครับ เยี่ยม
(http://www.viablue.de/viapics/gallery/xs_subwoofer_y_adapter_1.jpg)
เห็นของยี่ห้อนี่มีแบบตรงตัวสีดำ กับตรงตัวเป็นสีทอง ราคาไม่เท่ากัน
พี่เล็กเคยลองทั้ง 2 ตัวไหมครับ ว่าตัวไหนดีกว่า หรือไม่ต่างกัน
อืม...ไม่เคยครับท่าน แต่ที่รู้ ของแท้ตามรูปเสียบแล้วแน่นดี งานเนียบครับ
-
เป็นประโยชน์กับผู้ติดตามอ่านมากเลยอ่ะครับ เพราะเอาไปลองทั้ง2แนวทาง ชักชอบแนวของคุณM.lex ทั้งที่เล่นตามRule (แบบที่คุณกัมฯกรุณาอธิบายซึ่งน่าจะเป็นแบบที่ถูก)มาตลอด จึงอยากขอให้อธิบายหน่อยว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้นครับ รึว่ามันจะเป็นกับSub ที่ใช้ X-overดีๆครับ
-
ท่านเล็กแนะนำของดีผมต้องเสียตังค์เพิ่มอีกสักอัน เอามาแยกช่อง center out เพื่อทำ bi-amp ซะเลย แต่ต้องรอของท่านบอลนานหน่อยแต่ถูกกว่า อิ อิ
-
ได้ความรู้มากมายจริงๆครับ
-
มาUp Date ความเห็นอีกซักนิดครับ ในแนวทางของคุณM.lex ตอนแรกๆดูเหมือนจามีความแน่นขึ้นแรงขึ้นฟังติดหู แต่พอฟังไปได้สักระยะแล้วกลับมาต่อแบบของคุณกัมฯดูเหมือนจะได้เสียงเบสที่มีคุณภาพและรายละเอียดที่ดีกว่า เหมือนจะไม่มีความเพี้ยนให้ได้ยิน เลยกลับมาใช้ระบบเดิมเลย ปล. ลองกับ Sub martinlogan dynamo1000 และ SPL1000 Ultra
-
มาUp Date ความเห็นอีกซักนิดครับ ในแนวทางของคุณM.lex ตอนแรกๆดูเหมือนจามีความแน่นขึ้นแรงขึ้นฟังติดหู แต่พอฟังไปได้สักระยะแล้วกลับมาต่อแบบของคุณกัมฯดูเหมือนจะได้เสียงเบสที่มีคุณภาพและรายละเอียดที่ดีกว่า เหมือนจะไม่มีความเพี้ยนให้ได้ยิน เลยกลับมาใช้ระบบเดิมเลย ปล. ลองกับ Sub martinlogan dynamo1000 และ SPL1000 Ultra
การต่อสัญญาณเข้า Sub แบบที่แนะนำไปนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ Sub เกิดความเพี้ยน ความเพี้ยนที่ว่ามานั้นสันนิฐานว่าเกิดจากการปรับ X-over ยังไม่ลงตัวและไม่ไปสอดคล้องกับลำโพงทุกตัวนั่นเอง เกิดการเหลื่อมล้ำของความถี่จาการปรับไม่ได้มากกว่า
หากความเพี้ยนเกิดจากต่อแบบที่ว่ามาผมเองยังไม่เคยเจอมาเลย ความเพี้ยนที่จะเกิดจาก Sub มีอยู่กรณีเดียว เปิดดังเกิดขีดจำกัดของ Sub Woofer ตัวนั้นๆนั่นเอง
พอเรามาต่อแบบ LFE External X-Over แล้วไปกำหนดจุดตัดที่ Receiver ช่อง Sub เป็น 80Hz (อาจจะมากกว่าหรือน้อนกว่า 80Hz) กำหนดขนาดของลำโพง เป็น Small หรือ กำหนดจุดตัดเอง แน่นอนเสียงจาก Sub Woofer จะไปรับช่วงจุดตัด
ที่ 80Hz พอดีจากการที่เราไปกำหนดจุดตัดความถี่ของลำโพงใน Receiver ผลที่ได้ดีครับ ไม่ต้องไปยุ่งยากมากเรื่องกับการหาจุดตัดความถี่ให้ลงตัวกับลำโพงทุกตัว ที่ท่านฟังน่ะใช้เลยครับดีกว่าที่ผมแนะนำแน่นอน อันนี้ไม่แย้ง
แต่...ถ้าเราต้องการเสียงความถี่จาก Sub Woofer ให้ได้เบส ลึก เร็ว แรง ควบแน่น ปรับเสียงเบสแบบลูกบาสให้เป็นลูกเหล็กล่ะครับทำอย่างไร
ใน Receiver เองมันมีความหยาบในการปรับแต่งเสียง จะดีไหมถ้าเราปรับแต่งความถี่ต่ำให้ออกมาอย่างที่เราอยากได้...
การต่อแบบ LFE External X-Over ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก เร่งลดความดังหาจุดตั้งให้ได้ดีที่สุดนั่นก็เสร็จแล้ว
และการต่อแบบที่ผมแนะนำ แบบนี้ขอบอกว่ามันไม่ง่ายครับ ถ้าเล่น Sub มายังไม่มากและหลากหลายรูปแบบ ผมขอแนนำว่า LFE External X-Over ดีกว่าครับ ฟันธง
การต่อแบบที่ผมแนะนำนั้น ช่วยฝึกทักษะการฟังเล่นการปรับ Sub Woofer อย่างมืออาชีพ
-
ขอบคุณครับคุณ M.lex ผมปรับจนพบจุดที่ฟังดีที่สุดในการต่อแบบ L-R ซึ่งก็ฟังดีอยู่ แต่เมื่อเทียบกับจุดที่ดีที่สุดของการต่อ LFE. ในซับฯตัวเดียวกัน พบว่า LFE มันมีรายละเอียด สะอาดและเนียน ฟังได้นานโดยไม่เครียด รึลองกับระบบออดิโอก๊ไม่รู้ ว่าจะไปลองกับชุดดูหนังดูก่อนครับ ถามนิดครับ ซับบางรุ่นมีแต่ช่องขยาย .1 อย่างเดียว แต่ก็ยังมี Cross มาให้เช่นพวก Cube หมายความว่าอย่างไรอ่ะครับ
-
ขอบคุณครับคุณ M.lex ผมปรับจนพบจุดที่ฟังดีที่สุดในการต่อแบบ L-R ซึ่งก็ฟังดีอยู่ แต่เมื่อเทียบกับจุดที่ดีที่สุดของการต่อ LFE. ในซับฯตัวเดียวกัน พบว่า LFE มันมีรายละเอียด สะอาดและเนียน ฟังได้นานโดยไม่เครียด รึลองกับระบบออดิโอก๊ไม่รู้ ว่าจะไปลองกับชุดดูหนังดูก่อนครับ ถามนิดครับ ซับบางรุ่นมีแต่ช่องขยาย .1 อย่างเดียว แต่ก็ยังมี Cross มาให้เช่นพวก Cube หมายความว่าอย่างไรอ่ะครับ
การต่อช่อง LFE In External X-Over ใช่ครับมันต้องมีรายละเอียดดีแน่นอน ก็มันไม่ต้องตัดความถี่เลย และเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการไม่เข้ากันของความถี่
ปรับแค่ความดังเท่านั้นใช่ไหมครับ
อย่างที่อธิบายมานั่นแหละครับ
Ultracube
(http://www.hdavchina.com/attachments/2009/04/18/29_2009041810524521TN1.jpg)
ถ้าผ่าน X-Over จะต้องไม่ปรับจุดตัดไปจนสุด คือ 150Hz
หากบิดไปจนสุดที่ 150Hz จะกลายเป็น Bypass ทันทีครับ
-
คุณเล็ก ในเมื่อมีให้เข้าช่องเดียว แล้วเค้าทำ Xover ทำไมครับ แฮ่ๆ พอดีใช้อยู่
atithep......
-
คุณเล็ก ในเมื่อมีให้เข้าช่องเดียว แล้วเค้าทำ Xover ทำไมครับ แฮ่ๆ พอดีใช้อยู่
atithep......
ก็เขาทำมาให้ใช้น่ะซิครับ ก็แล้วเราทำไมไม่ใช้มันละ
ใช้ไป ปรับไปเดี๋ยวก็เก่งเอง ทำดู
-
อ่านแล้วได้ความรู้มาก และได้ของมาอีกอย่าง สาย Y MiT สั่งจากคุณ บอล.... c) c)
-
อ่านแล้วได้ความรู้มาก และได้ของมาอีกอย่าง สาย Y MiT สั่งจากคุณ บอล.... c) c)
จัดไป ใช้กับ Sub ไรครับท่าน
-
Yamaha YST-90 ใช้รุ่นนี้อยู่ครับห้องผมเล็กๆๆ ไม่กล้าใช้ซับใหญ่ ของเก่าต่อแบบเส้นเดียว
-
ขออนุญาต ถาม คุณ M.lex หน่อยครับ เห็นเกี่ยวกับ Subwoofer
ถ้า คุณ M.lex มีงบ 20000บาท + - ไม่เกิน 2000บาท
คุณ M.lex จะเลือกซื้อ Subwoofer ตัวไหนมาใช้งานครับ
ห้อง 4x5 เมตร ครับ
-
ขออนุญาต ถาม คุณ M.lex หน่อยครับ เห็นเกี่ยวกับ Subwoofer
ถ้า คุณ M.lex มีงบ 20000บาท + - ไม่เกิน 2000บาท
คุณ M.lex จะเลือกซื้อ Subwoofer ตัวไหนมาใช้งานครับ
ห้อง 4x5 เมตร ครับ
โห...ไม่ต้องขออนุญาติ ผมไม่ใช่ครูหรืออาจารย์ครับ
งบ20,000 + - 2,000
ตัวที่หน้าสนใจที่สุด คือ...
ไปฟังเอา แอะแอะแอะ จับมาเทียบ
ฟังตามนี้
ปรับ Sub ทุกตัวไม่ว่ายี่ห้อไหนก็แล้วแต่ ที่ความถี่ไปที่ 80Hz ฟังดูว่า
-ตัวไหนให้เสียงความถี่ต่ำๆดีกว่า
-ตัวไหนให้เสียงเบสแน่นกว่าไม่บาน
-ตัวไหนให้เสียงเบสพรุ่งมากกว่า
-ตัวไหนให้เสียงเบสนิ่งเงียบเมื่อเปิดดัง
-ตัวไหนให้เสียงเบสถูกหูที่สุด
นั่นแหละซื้อเลย หลักการเลือกซื้อ Sub Woofer ตามนี้
Sub 20,000บาทเสียงแทบเหมือนกันหมด
-
สอบถามหน่อยครับ โปรแกรมใน computer ที่ใช้จูนวัดเสียงลำโพงต่างๆ ชื่ออะไรเหรอครับ
แล้วตัวหนังหรือว่าเพลงไหนที่เอาไว้สำหรับเซท sub บ้างครับ
จะได้ไปหามาลองดู เพราะตอนนี้ปรับแล้วไม่รู้ว่าอันไหนมันควรจะเป็นเสียงที่ดีจริงๆ
-
สอบถามหน่อยครับ โปรแกรมใน computer ที่ใช้จูนวัดเสียงลำโพงต่างๆ ชื่ออะไรเหรอครับ
แล้วตัวหนังหรือว่าเพลงไหนที่เอาไว้สำหรับเซท sub บ้างครับ
จะได้ไปหามาลองดู เพราะตอนนี้ปรับแล้วไม่รู้ว่าอันไหนมันควรจะเป็นเสียงที่ดีจริงๆ
ตาม Link นี้ครับ
http://www.trueaudio.com/rta_abt1.htm
มันถึงขนาดต้องใช้เครื่องมือเลยเหรอครับ
-
(http://img04.taobaocdn.com/imgextra/i4/39459164/T2yCxwXbNbXXXXXXXX_!!39459164.jpg)
-
ตอนนี้เจอคำถามเรื่องการต่อสัญญาณเข้า Sub ว่าต่อสัญญาณเข้า Sub เป็นแบบไหนดี ถามมามากมาย
สรุปตามนี้ครับ
ถ้า Sub Woofer ตัวไหนมี LR In/LR Out ต้องใช้ Y Connector เท่านั้นครับ ฟันธง!
ถ้า Sub Woofer ตัวไหนมี LหรือR ที่กำหนดว่า LFE และ อีกช่องกำหนดว่า X-Over เลือกต่อช่องใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้ Y Connector
Sub Woofer บางตัวต่อใช้ Y ดีกว่า บางตัวใช้ไม่ได้
ยกตัวอย่าง JL มี Input เป็นแบบนี้ L MONO/R Only แบบนี้จะเลือกต่อเข้าช่องไหนดี ตอบ RหรือL ก็ได้ แต่ใช้ Yไม่ดี
Velodyne ทุกรุ่นเลยต้องใช้ Y เท่านั้นถึงให้เสียงดีกว่าที่ไม่ใช้ Y มาก Paradigm รุ่นที่ขายปัจจุบันบางรุ่นใช้ได้บางรุ่นไม่ควรใช้
Sub Woofer คือปัญหาหลักของระบบ HT และ HA ถ้าปราบมันไม่ได้ มันจะทำลายร้างรายละเอียดอย่างสิ้นซาก แต่ถ้าปราบมันอยู่หมัดมันคือตัวสร้างความมันที่ขาดไม่ได้เลย
คำถามเล่นๆ ใครที่บอกว่าเสียงความถี่ตำไม่มีทิศทางยกมือขึ้น
สำหรับผมความถี่ตำ..........ทิศทาง
ติดตามคำตอบในวันถัดไป
ลองแสดงความคิดเห็นในคำถามนี้ดูกันนะครับ เผื่อมีมุมมองใหม่ๆ ใครอีกหลายคนที่ยังคาใจอยู่ว่ามันมีหรือไม่มีทิศทางกันแน่ไอ้ความถี่ต่ำเนี่ย....
เกล็ดเล็กเกล็ดน้อย
การต่อเข้าช่อง LFE ก็ไม่ต้องใช้ฝีมือในการปรับอะไรมากมาย แค่ปรับความดังเท่านั้นเป็นพอ
แต่ถ้าต่อเข้าช่อง X-Over อื่ม...อันนี้มันยากสักหน่อยต้องใช้ความสามามรถบวกประสพการณ์... และอย่ามาเถียงกันให้เสียเวลาลงมือทำดูก่อนแบบไหนดีก็เอาแบบนั้น อยู่ที่ความสามารถของเราล้วนๆ
ปรับให้ออกมาดีถึงที่สุดก่อน แล้วถ้ายังไม่ได้ก็ค่อยเปลี่ยนไปในแบบที่เราคิดว่าดีก็แล้วกัน
-
แล้วอย่าง Paradigm DSP3400 ล่ะครับ ควรต่อช่องเดียวหรือใช้ Y Connector ดีครับ
-
สำหรับผม ความถี่ต่ำมันมีทิศทางแน่อยู่แล้วครับ
แต่เราเองต่างหาก ที่ไม่สามารถรับรู้ทิศทางของความถี่ต่ำได้
อ้าว แล้วเวลาเสียงระเบิดลง ทำไมเราถึงรู้ว่าเสียงระเบิด มันมาจากตรงไหน
อันนี้ต้องแยกว่า เสียงที่เกิดขึ้น มันมีความถี่หลัก (Fundamental) และความถี่ Harmonic
ถึงเสียงหลักจะเป็นความถี่ต่ำที่เราไม่สามารถรับรู้ทิศทางได้
แต่มันจะมีความถี่ Harmonic ที่่เป็นความถี่ที่สูงกว่า ให้เรารับรู้ทิศทางเสมอ
เพราะฉะนั้น การจูน Subwoofer จึงเป็นการจูนความถี่หลักที่ออกมาจาก Sub
ให้กลมกลืนกับความถี่ Harmonic ที่มาจากลำโพงตัวอื่น ๆ
เกิดเป็นเสียงต่ำที่มีมวล โฟกัสขอบเขตชัดเจน และรับรู้ทิศทางได้ครับ
-
จากรูป ในกรณีเรามี Sub ตัวเดียว เราควรต่อข้าง Left ที่เป็น Mono จะดีกว่าช่อง R หรือเปล่าครับ เพราะข้าง Left เขียนว่า Mono :)
(http://img04.taobaocdn.com/imgextra/i4/39459164/T2yCxwXbNbXXXXXXXX_!!39459164.jpg)
-
แล้วอย่าง Paradigm DSP3400 ล่ะครับ ควรต่อช่องเดียวหรือใช้ Y Connector ดีครับ
Y ดีกว่าครับ
-
จากรูป ในกรณีเรามี Sub ตัวเดียว เราควรต่อข้าง Left ที่เป็น Mono จะดีกว่าช่อง R หรือเปล่าครับ เพราะข้าง Left เขียนว่า Mono :)
(http://img04.taobaocdn.com/imgextra/i4/39459164/T2yCxwXbNbXXXXXXXX_!!39459164.jpg)
ครับ MONO ดีกว่าลองมาแล้วครับ
-
Velodyne ทุกรุ่นเลยต้องใช้ Y เท่านั้นถึงให้เสียงดีกว่าที่ไม่ใช้ Y มาก
Velodyn SPL1000 ผมใช้ Y ครับ O0 O0 O0
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
คำถามงงๆดี
ถามใหม่อีกทีได้ไหมครับตอบไม่ถูกจริง งงงงงงง...กับคำถาม
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
ขออนุญาตแจม เนื่องจากเคยเล่นแบบนี้อยู่ ;D
เล่นเป็น 3.1 ก็ยังได้ครับ
- เอา center out จาก bluray ไปเข้า audio input ของ tv (โดยใช้ตัว y adaptor) เสียง center ก็จะดังที่ tv
- ส่วน LR จาก bluray ก็เข้า integrated ครับ เป็น channel ซ้าย-ขวา
- และ sub out จาก bluray ก็ไปเข้า sub ได้เลยครับ
อาจจะ matching เสียงยากนิดนึง แต่เป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ Y]
เสียงผมว่าก็ดูหนังสนุกนะครับ ผมก็เคยเล่นแบบนี้อยู่ ดูหนังสนุกดีครับ O0
ส่วน งบ 5 หมื่น +/- ที่ว่านี่เฉพาะซับ หรือทั้งหมดครับ
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
ขออนุญาตแจม เนื่องจากเคยเล่นแบบนี้อยู่ ;D
เล่นเป็น 3.1 ก็ยังได้ครับ
- เอา center out จาก bluray ไปเข้า audio input ของ tv (โดยใช้ตัว y adaptor) เสียง center ก็จะดังที่ tv
- ส่วน LR จาก bluray ก็เข้า integrated ครับ เป็น channel ซ้าย-ขวา
- และ sub out จาก bluray ก็ไปเข้า sub ได้เลยครับ
อาจจะ matching เสียงยากนิดนึง แต่เป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ Y]
เสียงผมว่าก็ดูหนังสนุกนะครับ ผมก็เคยเล่นแบบนี้อยู่ ดูหนังสนุกดีครับ O0
ส่วน งบ 5 หมื่น +/- ที่ว่านี่เฉพาะซับ หรือทั้งหมดครับ
O0 O0 O0
เยี่ยมครับนัท นึกไม่ถึงเหมือนกัน เทคนิคการใช้ของที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด :clap
-
"ถามเซียนกูรูหน่อยครับ กรณีที่ใช้คู่หน้าเป็นต้องพื้นถ้าดูหนังควรปรับเป็น large หรือ small ดีครับ ซับเป็น LFE-in บางคนก็ว่าให้เป็น large บ้างก็ว่าให้เป็น small เพื่อให้ซับทำงานได้เต็มที่ แล้วที่ avr ปรับ LFE output แล้วต้องมาปรับที่ตัวซับตามด้วยรึป่าว(กรณีที่เป็น small)
ปล. ผมอ่านๆมาหลายกระทู้ก็แนะนำต่างกันไปแต่ยังไงก็ต้องบอกให้ลองปรับแต่งดูเอาเองตามความชอบอันนี้ผมก็รู้อยู่ แต่ที่อยากรู้คืออย่างไหนมันจะเหมาะกว่ากันในการดูหนัง....ขอบคุณครับ"
ขอถามกลับบ้างนะ(ถามบางคนน่ะครับ ผมเป็นบางคนนั้นที่มาตอบเรื่องปรับเป็น Large)
ซื้อลำโพงใหญ่แล้วมาใช้เป็นลำโพงเล็กทำไม ทำไมไม่ไปซื้อลำโพงเล็กมาใช้ล่ะ
ใช้ลำโพงใหญ่แล้วทำให้เป็นลำโพงเล็กเพื่อไม่ให้ AVR ทำงานหนักเกินไป "ก็ตอนซื้อ AVR มาใช้ไม่รู้หรือว่า AVR มันจะเล่นได้หรือไม่ได้น่ะ"
จะปรับลำโพงเป็น Large หรือ Small ตัดสินที่ตาเห็น หรือตัดสินที่หูได้ยินกันครับ
ปรับเป็น Large แล้วกลัวลำโพงพัง Amp เจ๊งเร็ว ก็ตอนซื้อไม่ได้ดูก่อนหรือว่ามันไปกันได้หรือไม่ได้
ปรับเป็น Large แล้วฟังจนลำโพงพัง ถามตัวเองซิว่า หูยังได้ยินเสียงดีอยู่หรือเปล่า
"ที่ avr ปรับ LFE output แล้วต้องมาปรับที่ตัวซับตามด้วยรึป่าว"
ปรับสิครับท่าน แล้วทำไม่ถึงจะไม่ต้องปรับด้วยล่ะครับ ก็ในเมื่อเราอยากให้เสียงความถี่ต่ำมันออกมาดีไม่ใช่หรือครับ
คนทั่วไป(ที่ยังรู้ไม่ลึกเรื่องการปรับเสียง)จะไม่ปรับชอบต่อเข้าช่อง LFE ปรับแค่ความดังอย่างเดียว
"ปล. ผมอ่านๆมาหลายกระทู้ก็แนะนำต่างกันไปแต่ยังไงก็ต้องบอกให้ลองปรับแต่งดูเอาเองตามความชอบอันนี้ผมก็รู้อยู่ แต่ที่อยากรู้คืออย่างไหนมันจะเหมาะกว่ากันในการดูหนัง....ขอบคุณครับ"
สำหรับข้าพเจ้า ฟันธง ปรับเป็นลำโพงเป็น Large
หนัง 20Hz-20KHz เพลงก็ 20Hz-20KHz แล้วดูหนังกับฟังเพลงมันต่างกันตรงใหนล่ะ
แยกความถี่สำหรับดูหนังกับฟังเพลง ออกให้ดูหน่อยซิ ถ้าแยกได้นะ ถ้าแยกไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ
อะอะอะ จะบอกว่าตอนดูหนังมันเปิดดังกว่าฟังเพลง ก็แล้วผมจะฟังเพลงดังเท่าตอนดูหนังมันจะต้องปรับ Small ที่ In Amp Krell S300i ยังไงบอกหน่อย
"บางคนก็ว่าให้เป็น large บ้างก็ว่าให้เป็น small เพื่อให้ซับทำงานได้เต็มที่"
.1ในหนังถูกบันทึกแยกมาเป็นอิสระใช่ไหม แล้วมันทำงานไม่เต็มที่ตรงไหน หรื่อว่าต้องให้มันออกตลอดเวลาเลยใช่ไหมถึงจะเรียกว่าทำงานเต็มที่
ตอบใน ThaiDVD หน้าจะมีประโยชน์เลยเอามาให้อ่านเพิ่มเติม
-
ขอโทษที่่คำถามอาจจะทำให้งงๆได้
ก็ตามที่คุณ cinemania ว่านั่นแหละครับ :) ต่อแบบนั้นครับ
ส่วนงบ 50,000 + - หนึ่งหมื่นก็คือเฉพาะ sub เท่านั้นครับ (รบกวนรวมสาย sub ด้วยนะครับ งบต่างหากเอาที่เหมาะสมและเข้ากันได้กับ sub และ ลำโพง B&W804s ที่ผมใช้เป็นคู่หน้า + integrated amp Musical Fidelity ครับ)
ขอบคุณมากครับ
-
รบกวนกระทู้นี้เลยละกันเพราะอาจจะแนวๆๆเดียวกัน
หลังจากได้ความรู้เรื่องการต่อสาย ซับ คราวนี้มาถึงเรื่องการเปลี่ยนฟิวล์ ไม่ทราบว่าถ้าเปลี่ยนแล้วโดยรวมจะดีขึ้นไหม (สำหรับซับ) หลังจากปรับเซตทุกอย่างลงตัว แล้วแนะนำฟิวล์อะไรดีครับสำหรับซับ
เช่น Bussman Furutech C3 หรือแล้วแต่งบประมาณ แล้วเวลาเปลี่ยนต้องเพิ่มค่าฟิวล์ไหมหรือใส่ค่าเท่าเดิม ขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็น :bye1 :bye1 :bye1
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
ขออนุญาตแจม เนื่องจากเคยเล่นแบบนี้อยู่ ;D
เล่นเป็น 3.1 ก็ยังได้ครับ
- เอา center out จาก bluray ไปเข้า audio input ของ tv (โดยใช้ตัว y adaptor) เสียง center ก็จะดังที่ tv
- ส่วน LR จาก bluray ก็เข้า integrated ครับ เป็น channel ซ้าย-ขวา
- และ sub out จาก bluray ก็ไปเข้า sub ได้เลยครับ
อาจจะ matching เสียงยากนิดนึง แต่เป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ Y]
เสียงผมว่าก็ดูหนังสนุกนะครับ ผมก็เคยเล่นแบบนี้อยู่ ดูหนังสนุกดีครับ O0
ส่วน งบ 5 หมื่น +/- ที่ว่านี่เฉพาะซับ หรือทั้งหมดครับ
รบกวนถามเพิ่มหน่อยครับ ชุด 2.1 ถ้าเอา L+R จาก Player เข้า Int.Amp แล้วเอา Line Out L+R ของ Int.Amp ไปเข้า Sub L+R
แบบนี้ได้หรือเปล่าครับ
-
ผมไม่เคยลองต่อแบบนี้ครับ แต่ก็น่าจะได้นะครับ :)
-
เรียนถามคุณ Lex นิดครับ
-ถ้่าผมจะดูหนังแบบ 2.1 โดยไม่ผ่าน AVR (ยังไม่อยากจะใช้ครับตอนนี้) แต่ต่อตรงจาก bluray player (ที่มี 5.1 line out) ไปเข้า Integrated Amp ออก FR + FL และ ตรงเข้า sub เลยจะได้มั้ยครับ (ผมคิดว่าได้แต่ยังสงสัยในแง่ของผลที่ได้ออกมาว่าจะดีเพียงพอแก่การลงทุนหรือไม่)
-ถ้าคุ้มค่าที่จะลงทุน ช่วยแนะนำนิดได้มั้ยครับ (ขอเป็นตัวที่ปรับแต่งได้ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ได้ใช้ผ่าน AVR งบไม่เกินห้าหมื่น + - หมื่นครับ)
ขอบคุณมากครับ
ขออนุญาตแจม เนื่องจากเคยเล่นแบบนี้อยู่ ;D
เล่นเป็น 3.1 ก็ยังได้ครับ
- เอา center out จาก bluray ไปเข้า audio input ของ tv (โดยใช้ตัว y adaptor) เสียง center ก็จะดังที่ tv
- ส่วน LR จาก bluray ก็เข้า integrated ครับ เป็น channel ซ้าย-ขวา
- และ sub out จาก bluray ก็ไปเข้า sub ได้เลยครับ
อาจจะ matching เสียงยากนิดนึง แต่เป็นการใช้อุปกรณ์ที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ Y]
เสียงผมว่าก็ดูหนังสนุกนะครับ ผมก็เคยเล่นแบบนี้อยู่ ดูหนังสนุกดีครับ O0
ส่วน งบ 5 หมื่น +/- ที่ว่านี่เฉพาะซับ หรือทั้งหมดครับ
รบกวนถามเพิ่มหน่อยครับ ชุด 2.1 ถ้าเอา L+R จาก Player เข้า Int.Amp แล้วเอา Line Out L+R ของ Int.Amp ไปเข้า Sub L+R
แบบนี้ได้หรือเปล่าครับ
ต่อแบบนี้ ถูกต้องที่สุดครับท่าน เป็นการเล่นแบบFull Bandwidth ขั้นตอนการปรับสำคัญมากๆ จุดตัดและความดังต้องปรับให้เสียงทับกันสนิท
ทำไปอย่าได้ช้า...