ผมกลับไปอ่านอีกรอบ ค่อยๆ ย่อยครับ อ่านแต่ละครั้งก็ได้ความรู้เพิ่ม ซึ่งอ่านครั้งแรกอาจนึกไม่ถึง เช่นอ่านครั้งนี้ติดใจตรงที่บอกว่าให้ลับกับผ้าอีกที ผมคนโบราณสมัยก่อนช่างตัดผม ลับมีดโกนหนวดด้วยแผ่นหนัง ยังคมกว่ามีดยินเล็ทที่ใช้อยู่ในร้านตัดผมราคาถูกๆ ยิ่งซื้อมีดยินเล็ทถูกๆ โกนแล้วเจ็บคาง ร้านแบบนี้ ตัดผมครั้งต่อไปไม่ต้องเจอกันอีกเลย (เข็ดครับ)
ขอถามต่อหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณอะโกโกกรีดยางกีโมง เค้าบอกว่ากรีดตีสามจะได้น้ำยางเพิ่มขึ้นอีก 5% จริงไหมครับ? (ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ครับ ควรกรีดช่อวงไหนดีทีสุด แต่ถ้ากรีดสองทุ่มได้น้อยกว่า 5% ผมยอมเสียส่วนนี้ครับ แต่มันจะมีผลดี ผลเสียอย่างไรหรือไม่ครับ?) และมีอะไร? ที่ผมควรจะรู้ ถ้ามีเวลาช่วยเสริมให้ด้วยครับ ตอนเรียนมีแต่ภาคปฏิบัติ ลับมีดและสอนกรีดกันเลย ทฤษฎีไปสอนครึ่งวันหลังแล้วก็ให้ใบประกาส ไม่ให้โอกาสซักถามกันเลยละครับ
การปิดหน้ายางก้ไม่บอก ผมต้องถามเพื่อนบ้านเอา คือใช้ยากระป๋องละ 180 บาท ผสมกับปูนกินกับหมาก แล้วก็ทาปิดแผลที่กรีดของปีนี้น่ะครับ พวกเรื่องโรคต่างๆ นี้ดูไม่เป็นเลยละ ราดำ? ราแดง? สะโตนเฮ็น? อ้อ! ยางสีเดือนของผมใบมันเหมือนใบกระท้อนเลย เพราะขาดน้ำหรือเป็นโรคกันแน่ครับ ถ้าไม่ชัดเด๊๋ยวพรุ่งนี้จะถ่ายรูปมาให้ดูครับ

ได้ดูทั้งยางเล็ก(4เดือน)ทั้งยางใหญ่ก็ดีครับ...จะขอดูไบ เอ๊ยดูใบพอดี เพราะรู้สึกว่าปิดกรีดเร็วไปนิด ราคายางกำลังขึ้นน่าเสียดายครับ
ผมลงกรีดประมาณ 5ทุ่ม-ตี1ครับ กรีด2คนกับแม่บ้าน เค้านอนหัวค่ำผมนอนดึก ผมลงกรีดก่อนซักชั่วโมงนึง(ถ้าเข้านอนจะหลับยาว)
ใบหน้าว่าจะกรีดราวๆ4ทุ่ม(ใจจริงอยากกรีดราว2-3ทุ่มครับ แต่ต้องให้ลูกหลับก่อน) เพราะคุณแม่เพิ่งเสียไม่มีใครอยู่กับเด็ก
น้ำยางไหลประมาณ 3-4ชั่วโมงครับ และประมาณ6-7ชั่วโมงยางจะเริ่มแข็ง(ยางตาย-ยางนอน)ตอนผิวน้ำยางด้านบนเริ่มแข็งเรียก"ปีกค้างคาว"เก็บยากครับมันจะเปียกก็ไม่ใช่จะแห้งก็ไม่เชิง เหนอะหนะไปหมดครับ(หลั๊วะเหลี๊ยะ)
เค้าว่ากันว่า ถ้ากรีดช่วงหัวค่ำต้นยางยังร้อนอยู่น้ำยางจะหยุดไหลเร็วกว่ากรีดตอนดึก(ที่ต้นยางเย็นแล้ว)
แต่ผมเคยลงกรีดราวๆ2-3ทุ่มอยู่ราวๆเดือนครึ่ง(คนเดียว) ไม่พบว่าน้ำยางขาดจนผิดสังเกตุครับ(น้อยกว่า5%แน่ๆ) เดี๋ยวนี้แถบบ้านผมลงกรีดหัวค่ำกันมากขึ้น เพราะช่วงกลางวันจะมีเวลาทำงานอย่างอื่น(โรงงาน) แต่แถบอื่นยังไม่ค่อยได้ข่าวครับ
จะลงกรีดตอนไหน ลองคิดดูว่าตอนเก็บน้ำยางจะมีปัญหามั๊ยนะครับ ผลดีผลเสียอยู่ที่เราสะดวกหรือไม่ครับ(ให้มืดส่องตะเกียงกรีดเป็นใช้ได้ว่างั้น)
ยาทาหน้ายางตอนปิดกรีด(ฤดูร้อน)....ไม่จำเป็นต้องทาครับ ถ้าจะทาก็ช่วงที่กรีดอยู่ครับ(ฤดูฝน)เพื่อรักษาหน้ายางที่เป็นเชื้อรา(ที่โดนฝน)ครับ
เชื้อราหน้ายางป้องกันไม่อยู่หรอกครับ มีวิธีเดียวคือหยุดกรีดฤดูฝนครับ(ไม่มีใครหยุดแน่ๆ) ถ้าเป็นเชื้อราหน้ายาง กรีดๆไปซัก2ล็อก ก็หมดแล้วครับ ช่วงฝนก็กรีดให้หน้าห้อย(มุมชัน)ขึ้นอีกหน่อยก็ช่วยได้ครับ
เรื่องโรคยางนี่ไม่ต้องกังวลครับ คนที่เกิดใต้ต้นยางอย่างผมก็ดูไม่เป็นครับ พยายามกรีดหน้ายางให้ดีก็พอครับ ค่อยๆศึกษาไปครับ(แบบรู้ไว้ใช่ว่าฯ)
อะไรที่ควรรู้....เรื่องแรกราคายางแต่ละวันครับ ฮิฮิ จริงๆครับ ยิ่งทำแผ่นนี่ยิ่งต้องรู้ จะได้เลือกขายยางได้ถูกจังหวะครับ ยางขาขึ้นก็ไม่ขาย เริ่มลงก็เทขาย ประมาณนี้ครับ
เรื่องที่2 วิธีทำปุ๋ยน้ำหมักฯครับ ตัวนี้เป็นปุ๋ยก็ไม่ใช่(มีธาตุอาหารพืชน้อยมาก)เป็นยาก็ไม่ใช่ แต่มีผลดีต่อดินมากครับ ดินดีรากพืชก็ดีตามหาอาหารเก่งขึ้น(มีรากอ่อนมากขึ้น)เมื่อกินได้ก็แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ต้นทุนก็ถูกแสนถูก ใช้ของฟรีเกือบทั้งหมด เรียนรู้ที่จะหาของฟรีจากแหล่งใกล้บ้าน พวกร้านส้มตำ ตลาดสดเป็นต้นครับ ซื้อแค่กากน้ำตาล....อันนี้ถ้าหาซื้อไม่ได้ ติดต่อคุณหาดใหญฯได้ครับ(ฟรีอีก ฮิฮิ)
เรื่องที่3 ต้องกล้าทดลองถ้าได้ผลดีต้องเอามาใช้ให้ได้ครับ ต้นไม้ก็เหมือนคนครับ มีตัวแปรมากมาย ไม่(กึ่ง)สำเร็จรูปเหมือนมาม่าครับ ที่ว่าต้องกล้านี่คือ....ยกตัวอย่างนะครับ ผมทดลองไม่ถางหญ้าเกือบปี(ถางเฉพาะทางเดิน ห่างแถวของต้นราวฟากละเมตร....ข้ออ้างครับจริงๆแล้วขี้เกียจ ฮิฮิ)พบว่าได้น้ำยางมากขึ้น พี่ๆน้าๆสวนติดกันกัดผมซะจมเขี้ยว แม่บ้านก็บ่น(ทั้งๆที่รู้สึกอยู่ว่าได้น้ำยางมากขึ้น) สุดท้ายก็ต้องถางเตียนราบทั้งสวนเหมือนเคย.....เพราะไม่กล้าปรับเอามาใช้ครับ(เกรงใจแม่บ้านครับ)
รอดูใบอยู่ครับ