ภูชี้ฟ้าไปเมื่อปีที่แล้ว หนาวมาก หมอกลงยังกะฝนตกปรอยๆ เอารถ 1.4 เกียรธรรมดาขึ้นไปทางฝางเกือบเอาตัวไม่รอด กลับลงมาเปลี่ยนรถเลย
สงสัยเขียนผิด น่าจะขึ้นอ่างขางมากกว่านะครับ
อ่างขางมีทางขึ้นที่ไม่ชันมากคือจะผ่านบ้านผมด้วย ที่ กม 123 จากเชียงใหม่ (ก่อนถึงไชรปราการเล็กน้อย) มีป้ายทางเข้าวัดถ่ำตับเตา (ผมมีบ้านอยู่หน้าวัดนี้อีกหลังนึง) ถ้าใครรถแรงไม่ค่อยมีให้ขึ้นทางนี้ครับ ขึ้นแบบสะบายๆ ไม่โหเหมือนขึ้นทางฝางครับ
ปีนี้ว่าจะขึ้นเหนือแต่ยังติดเรื่อง พาลูกๆสอบเข้ามหาลัย คงพ้นจากช่วงนี้ไป ไม่รู้ว่าทางเหนือปีนี้หนาวมั๊ย ที่นี่วันนี้อากาศเย็นลงนิด แต่ทุกวันร้อนตับแตก
เดือนที่แล้วฝนตกเลยไม่ร้อนครับ แต่สองวันมานี้เริ่มหนาวมั๊กๆ เช้าวันนี้ที่บ้านมอกลงหนักมากๆ ครับ ใครเที่ยวหนือช่วงต่อนี้ไม่น่าจะเจอฝนอีกแล้วละครับ ขอให้เตรียมเสื้อหนาวกันมาหนาๆ หน่อยละกัน
ขี้ชะมดมันเป็นแบบนี้เหรอครับ ที่เห็นต้องเอาไปล้างตากแล้วสีกระลา ค่อยเอามาคั่วใช่มั๊ยครับ
ปรกติมันเกาะกันเป็นก้อนมากกว่านี้ครับ ช่วงนี้เป็นการเริ่มให้มันกนกาฟเป็นครั้งแรก ต้องให้อาหารตามปรกติเมื่อก่อนหน้านี้ไปด้วย เลยขี้ยังไม่ค่อยจะเป็นก้อน
ผมเห็นในเวปเค้าเก็บขี้มันเป็นก้อนๆ แล้วตากแดดให้แห้ง เก็บไว้ในร่มใส่กระสอบแขวนให้ลมผ่านได้ ยิ่งเก็บทิ้งไว้นานเป็นสองสามปีราคาจะแพงกว่าขายสดๆ ครับ ถ้าจะคั่วก็เอาไปสีเอาเปลือกออก (เปลือกเรียกว่ากะลาครับ มันจะหุ้มเม็ดในไว้อีกชั้นหนึ่ง) แล้วถึงจะคั่วขายได้ครับ เห็นมีร้านขายกาแฟแบบนี้ ตั้งราคากันที่ ถ้าเก็บแห้งไว้ 1 ปี จะชายก้วละ 500 บาท ถ้าเก็บแห้งทิ้งไว้ 2 ปี จะขายแก้วละ 1000 บาท ถ้าเก็บ 3 ปี ขายก้วละ 1500 บาท แสดงว่าช่วงเวลาบ่มนานๆ มีผลต่อรสชาติที่ดีขึ้นเหมือนการบ่มกาแฟปรกติที่ถ้าเก็บไว้ 8 ปี แพงมากกว่าการบ่มแค่ปีเดียวเช่นก้นครับ (การบ่มนานๆ จะลดความเปรี้ยวของกาแฟแบบที่ขายกันตามปรกติลงครับ)